Advertisement
นิทานเวตาล
เรื่องที่ ๘
เมื่อพระเจ้าวิกรมาทิตย์ เสด็จถึงยังต้นอโศกก็ทรงปีนขึ้นไปปลดเวตาลลงมาใส่ย่าม เวตาลหัวเราะเยาะเบาๆ ในลำคอ พลางทูลว่า
"ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ หม่อมฉันมีความชื่นชมต่อฝ่าบาท เพราะทรงมีพระอุตสาหะพยายาม ไม่ทรงท้อถ้อยเลยแม้แต่น้อย แต่พระองค์ก็ยังทรงพลั้งพลาดอยู่เป็นนิจ"
พระเจ้าวิกรมาทิตย์ทรงกริ้ว จึงยกพระหัตถ์จับผมเวตาลกระชากแรงจนหน้าหงาย แต่เวตาลก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอ่ยปากเล่านิทานถวายต่อไป
ในเมืององคราษฎร์ มีกษัตริย์องค์หนึ่งพระนามว่า "พระยศเกตุ" มีพระสิริโฉมงามราวเทพบุตร จึงเป็นที่เพลินตาเพลินใจของนางๆ ทั้งหลาย ดังนั้น พระองค์จึงมีนางข้างในจำนวนไม่น้อย และเพิ่มปริมาณขึ้นอยู่เรื่อยๆ
พระเจ้ายศเกตุ มีมุขมนตรีคนสนิทคนหนึ่งชื่อ "ทีรฆะทรรศิน" เป็นคนที่มีความสามารถ เฉลียวฉลาด เป็นที่ไว้วางรพระทัยอย่างยิ่ง พระเจ้ายศเกตุจึงพระราชทานอำนาจให้ดูแลราชการบ้านเมืองแทน ส่วนพระองค์นั้นทรงปล่อยปละละเลย มิได้เอาพระทัยใส่ในกิจการดูแลบ้านเมือง ทรงสุขสำราญอยู่กับสาวสรรกำนัลนางและน้ำจัณฑ์
ครั้นทีรฆะทรรศิน ได้รับมอบหมายเช่นนั้น ก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างด้วยความสุจริต โดยมิได้แสวงหาอำนาจ ลาภยศ เกินตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งแต่ประการใด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิวายที่จะถูกครหานินทา
ทีรฆะทรรศิน เมื่อได้รู้ถึงคำเล่าลือ อันไม่เป็นมงคลแก่ตนเองเช่นนั้น ก็เกิดความน้อยใจและเสียใจอันมาก เมื่อกลับไปถึงบ้าน จึงพูดแก่นางเมธาวดี ผู้เป็นภรรยาว่า
"น้องรัก พี่กลุ้มใจเหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวของเราเวลานี้ก็ทรงเสวยแต่น้ำจัณฑ์ มิทรงออกว่าราชการบ้านเมืองเลย ตัวพี่เองก็ได้กระทำหน้าที่อย่างสุจริต มิได้เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย แต่ว่าในเวลานี้มีผู้คิดไปในทางผิดๆ จนเป็นที่เล่าลือกันไปทั่ว เป็นที่ไม่สบายใจแก่พี่เหลือเกิน พี่ควรจะทำเช่นไรดีเล่าน้องรัก"
นางเมธาวดี ครั้นได้ยินสามีกล่าวเช่นนั้น นางจึงตอบว่า
"เพื่อเป็นการไปให้พ้นคำครหานินทาว่าร้าย สักระยะหนึ่ง ท่านพี่จงทูลลาพระเจ้าอยู่หัวไปเสียจากพระนคร โดยอ้างกับพระองค์ว่า จะไปยังท่าน้ำอันเป็นบุณยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่ออาบน้ำชำระบาป เมื่อท่านพี่ได้ไปเสียแล้ว คนทั้งหลายก็จะเห็นความจริงเองว่าท่านพี่มิได้มุ่งหมายที่จะหาอำนาจ คำเล่าลือก็จะหมดไปเอง และเมื่อท่านพี่ไม่อยู่ พระเจ้าอยู่หัวก็ต้องทรงดูแลออกว่าราชการบ้านเมืองด้วยพระองค์เอง เมื่อได้ทรงว่าราชการอย่างเหน็ดเหนื่อย ความหมกมุ่นในกามารมณ์ก็จำต้องลดน้อยถอยไป"
ทีรฆะทรรศิน ได้ฟังภรรยาพูดเช่นนั้นก็เห็นชอบด้วย ดังนั้นวันรุ่งขึ้น จึงเข้าเฝ้าพระยศเกตุแล้วทูลพระองค์ตามที่ภรรยากล่าวไว้
ครั้นพระเจ้ายศเกตุ ได้ทรงฟังเช่นนั้นก็ตรัสว่า
"ท่านทีรฆะทรรศิน ท่านอย่าจากพระนครไปเลย เมื่อท่านไปแล้วใครจะทำหน้าที่แทนท่านได้ การทำบุญท่านสามารถทำที่บ้านท่านก็ได้ ซึ่งจะเป็นผลบุญพาท่านไปสู่สวรรค์เหมือนกัน ไม่เห็นว่าต้องออกเดินทางเลย"
ทีรฆะทรรศิน ทูลตอบว่า
"ความบริสุทธิ์ อันเกิดจากการที่จะต้องใช้ทรัพย์นั้น คนทั่วๆ ไปก็ทำได้พระเจ้าค่ะ แต่การอาบน้ำที่ท่าบุญนั้น ให้ความบริสุทธิ์อันมิรู้เสื่อมคลาย พระองค์จึงทรงโปรดประทานอนุญาตให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ"
พระเจ้ายศเกตุมิได้ทรงรับสั่งแต่ประการใด ปรากฏแต่พระอาการว่าไม่เต็มพระทัยที่จะให้ไป และยังมิทันได้ประทานอนุญาต เมื่อมีขุนนางประจำห้องเข้ามาทูลว่า ได้เวลาสรงน้ำแล้ว พระเจ้ายศเกตุก็ลุกจากพระที่นั่ง เสด็จเข้าห้องสรงไปทันที
ครั้นทีรฆะทรรศิน กลับถึงบ้านแล้ว ก็ได้สั่งเสียภรรยาให้อยู่ดูแลบ้านเรือน แล้วลอบออกเดินทางออกจากพระนครไป แม้แต่บ่าวไพร่ในเรือนก็มิมีใครรู้เลยแม้แต่น้อย ครั้นทีรฆะทรรศินได้ออกจากพระนครไปแล้ว ก็เที่ยวไปตามท่าน้ำต่างๆ จนเข้าแคว้นปาณฑระ มีเมืองๆ หนึ่งตั้งอยู่ใกล้ฝั่งทะเล ทีรฆะทรรศินได้ไปแวะพักผ่อนที่นั้น
เผอิญได้มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ "นิธิทัตต์" ได้แลเห็นทีรฆะทรรศินนั่งพักผ่อนอยู่ด้วยอาการอ่อนเพลียเพราะความร้อนของแสงแดด ร่างกายก็เต็มไปด้วยฝุ่นที่เกาะตามทางเดิน นิธิทัตต์เป็นพ่อค้าที่มีใจโอบอ้อมอารี ครั้นเห็นทีรฆะทรรศินมีอาการเช่นนั้น จึงเชิญให้ไปบ้านของตน
ทีรฆะทรรศิน ตอบตกลงและตามไปยังบ้านของนิธิทัตต์ เมื่อไปถึงเจ้าของบ้านก็ต้อนรับเป็นอย่างดี นิธิทัตต์ก็เอ่ยถามว่า
"ขอโทษเถิด อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลย ข้าพเจ้ายังมิรู้ว่าท่านชื่อว่ากระไร แล้วมาแต่ไหน จะไปที่ไหนต่อล่ะท่าน" ทีรฆะทรรศินได้ฟังก็ยิ้ม พลางตอบว่า
"ท่านผู้ใจบุญ ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ชื่อ ทีรฆะทรรศิน มาจากเมือง องคราษฎร์ เที่ยวอาบน้ำตามท่าบุญต่างๆ แล้วท่านล่ะ"
นิธิทัตต์พ่อค้าเป็นคนชอบรับแขก เมื่อเห็นแขกมีลักษณะดีก็ยิ่งชอบใจ จึงตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นพ่อค้าชื่อ นิธิทัตต์ กำลังจะไปค้าขายยังเกาะที่มีชื่อว่า "สุวรรณทวีป" ท่านจงพักผ่อนอยู่ที่บ้านของข้าให้สบาย จนกว่าข้าจะกลับมา แล้วท่านค่อยเดินทางต่อไปเถิด" ทีรฆะทรรศิน จึงตอบว่า
"ถ้าท่านเต็มใจให้ข้าพเจ้าเดินทางไปด้วย ข้าพเจ้าอยากไปยังสุวรรณทวีปกับท่าน" นิธิทัตต์ยินดียอมให้ตามต้องการ ทีรฆะทรรศินก็พักอยู่ในเรือนนั้นอีกคืนหนึ่ง เมื่อรุ่งขึ้นนิธิทัตต์ก็พาไปลงเรือ ซึ่งบรรทุกสินค้ามากมาย แล้วออกแล่นใบไปในทะเล
ครั้นไปถึงที่หมาย นิธิทัตต์ก็ทำการค้าขายสินค้าตามธรรมเนียม ขากลับก็ได้ซื้อสินค้าบรรทุกเรือจนเต็มลำ แล้วจึงออกจากเกาะแล่นเรือกลับมาตามทาง
ระหว่างทาง ทีรฆะทรรศินออกมายืนรับลมอยู่บนท้ายเรือ ได้เห็นคลื่นลูกหนึ่งเกิดขึ้นในทะเล แล้วมีต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้นมาจากน้ำ กิ่งก้านเป็นทองทั้งต้น มีอาสนะประดับด้วยแก้ว และบนอาสนะนั้นมีนางทิพย์นั่งเอนกิ่งอยู่ ทีรฆะทรรศินมองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หยิบพิณขึ้นดีดและขับร้องด้วยสำเนียงอันไพเราะจับใจว่า
อันปวงกรรมทำไว้ในปางหลัง เป็นพืชยังปางนี้ให้มีผล
หว่านพืชดี ผลดีมีแก่ตน หว่านพืชชั่วกลั้วผลที่ข้นแค้นฯ
แล้วนางทิพย์ก็ค่อยๆ กลับจมหายลงไปในทะเลดังเดิม ทีรฆะทรรศินยืนตรึกตรองอยู่เช่นนั้น ด้วยเพราะได้เห็นสิ่งประหลาด แต่นายท้ายเรือและลูกเรือทั้งหลายกลับไม่เห็นเป็นสิ่งแปลกอะไร เพราะนางนั้นมักจะผุดขึ้นจากทะเลและทำกิริยาเช่นนี้อยู่เสมอ จนคนเดินเรือทุกคนพากันชินตาเสียแล้ว
ครั้นเรือสินค้าของนิธิทัตต์ถึงท่าแล้ว ลูกเรือก็พากันทยอยขนสินค้าขึ้นบก แล้วนิธิทัตต์ก็พาทีรฆะทรรศินกลับเรือนของตน แล้วจัดการต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี ทีรฆะทรรศินพักอยู่กับพ่อค้าได้สองวัน ก็ได้ลากลับยังบ้านเมืองของตน ต่างคนต่างอวยพรแสดงความอาลัยต่อกัน แล้วทีรฆะทรรศินก็บ่ายหน้ากลับยังเมืององคราษฎร์ทันที
ฝ่ายพระเจ้ายศเกตุทรงทราบว่า ทีรฆะทรรศินได้เดินทางกลับมา ใกล้จะถึงพระนครแล้วก็ทรงดีพระทัย เสด็จออกไปรับด้วยพระองค์เอง ทรงแสดงความยินดีแล้วตรัสให้ทีรฆะทรรศิน ซึ่งมีร่างกายขะมุกขะมอมเปรอะเปื้อน ให้ตามเสด็จเข้าไปในวัง แล้วทรงรับสั่งว่า
"ท่านทีรฆะทรรศิน เป็นเหตุใดท่านจึงกระทำการโหดร้าย ปราศจากความกรุณาต่อเราเพียงนี้ ท่านทิ้งเราไปเราก็ได้รับความลำบากต่างๆ แล้วดูซิ ตัวท่านเองก็ได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องทรมานร่างกาย เดินทางเตร็ดเตร่เร่ร่อน ท่านจงเล่าให้เราฟังซิว่าท่านเดินทางไปเมืองใดมาบ้าง และที่ผ่านมาในระหว่างทางเจ้าได้เห็นอะไรแปลกประหลาดไหม"
ทีรฆะทรรศินได้ฟังรับสั่งถามดังนั้น ก็ทูลเล่าโดยตลอดนับแต่ออกจากพระนครไปเจอพ่อค้าใจบุญ และเล่าถึงนางทิพย์กับต้นกัลปพฤกษ์ จนกลับมายังพระนคร
พระเจ้ายศเกตุ ครั้นได้ทรงฟังทีรฆะทรรศินเล่าถึงนางทิพย์ ก็เกิดความรุ่มร้อนในพระทัย ใคร่อยากจะได้เห็นนางบ้าง จึงตรัสแก่ทีรฆะทรรศินว่า
"เราจำเป็นที่จะต้องไปเห็นนางองค์นั้นให้ได้ เราจะออกเดินทางไปตามที่ท่านเล่ามา โดยเราจะปลอมตัวไปเพียงลำพัง และท่านต้องคอยรักษาราชการบ้านเมืองแทนเราไว้ ความต้องการที่กล่าวมานี้ ท่านจะขัดขืนหรือคัดค้านมิได้เป็นอันขาด เมื่อกลับมาจากภารกิจนี้แล้วเราจะตั้งใจดูแลบ้านเมืองด้วยตัวเองเป็นอย่างดี"
เมื่อพระเจ้ายศเกตุทรงรับสั่งแก่ทีรฆะทรรศินมุขมนตรี ของพระองค์อย่างเด็ดขาดแล้ว ก็ทรงตรัสให้ทีรฆะทรรศินกลับไปบ้าน เพื่อนำความยินดีมาสู่บุตรและภรรยา ซึ่งตั้งใจรอคอยการกลับมาของทีรฆะทรรศิน
ครั้นวันรุ่งขึ้นเวลากลางคืน พระเจ้ายศเกตุก็ทรงปลอมองค์เป็นดาบสลอบออกจากพระนคร ไปลำพังเพียงพระองค์เดียว ทรงพระดำเนินไปตามทางที่ทีรฆะทรรศินได้ทูลไว้
ณ ท่าจอดเรือ ลักษมีทัตต์พ่อค้าเรือสำเภา ได้แลเห็นพระดาบสมีลักษณะเหมือนองค์กษัตริย์ ดูมีสง่าราศีจึงเลี้ยงดูต้อนรับเป็นอย่างดี และเมื่อดาบสแปลงเอ่ยปากขออาศัยลงเรือไปด้วย ลักษมีทัตต์จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นาน เรือก็ได้แล่นไปถึงกลางท้องทะเล พระเจ้ายศเกตุได้ทอดพระเนตรเห็นต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้นมาจากทะเล และมีนางทิพย์นั่งอยู่บนกิ่งไม้ตามที่ทีรฆะทรรศินได้ทูลไว้จริงๆ พระองค์ทรงเพ่งดูนางจนพระเนตรไม่กระพริบ แล้วนางก็หยิบพิณขึ้นมาดีดและขับร้องคำกลอนอันแสนจะไพเราะ....แล้วนางก็กลับจมไปในทะเลดังเดิม
ฝ่ายพระเจ้ายศเกตุ เมื่อเห็นต้นกัลปพฤกษ์กำลังจะจมหายสู่ใต้น้ำทะเล พระองค์จึงกระโจนลงตามไปอย่างมิเกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ ภายใต้เบื้องล่างนั้น พระองค์ได้ทอดพระเนตรแลเห็นและเสด็จไปยังเมืองๆ หนึ่งซึ่งสวยงามนัก มีแสงระยิบระยับจากเรือนมณี ประดับประดาด้วยของอันมีค่าต่างๆ มากมาย ภายในตัวเมืองนั้นมีเรือนอยู่มากมายหลายเรือน แต่ก็ปราศจากคนอยู่ พระเจ้ายศเกตุทรงเที่ยวดำเนินค้นหาตัวนางทิพย์ แต่ก็ยังไม่ทรงพบใครเลยแม้สักคนเดียว
ครั้นทรงดำเนินเที่ยวค้นหาต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก็ทรงพบวังสูงใหญ่ประดับด้วยมณีงดงาม พระเจ้ายศเกตุจึงทรงเปิดประตูเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรภายในวัง ทรงพบคนนอนอยู่บนเตียงคนหนึ่ง มีผ้าคลุมตัวโดยตลอดร่าง พระองค์จึงเปิดผ้าขึ้นดูก็ทอดพระเนตรเห็นนางทิพย์องค์ที่ปรารถนา
ฝ่ายนางทิพย์นั้น เมื่อลืมตาขึ้นเห็นชายหนุ่มรูปงามไปยืนอยู่ที่ข้างที่บรรทมเช่นนั้น ก็รีบผุดลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว
"ท่านเป็นใคร และท่านมาที่นี่เพื่อประสงค์สิ่งใด ท่านคงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ เพราะกายท่านมีเครื่องหมายอย่างกษัตริย์ ขอท่านจงชี้แจงแก่ข้าพเจ้าด้วย"
พระเจ้ายศเกตุ พลางตรัสอธิบายว่า
"เราเป็นกษัตริย์ครองเมืององคราษฎร์ นามว่า "ยศเกตุ" เราได้ยินคำจากเพื่อนที่เชื่อถือและไว้ใจได้ เล่าถึงความงดงามของนาง เราจึงปลอมตัวมา ขอนางจงบอกเราเถิดว่านางเป็นใครกันแน่" นางทิพย์ก้มหน้า แล้วทูลตอบว่า
"มีพระราชาองค์หนึ่ง มีวาสนาเป็นใหญ่ในหมู่พวกวิทยาธรเพคะ และหม่อมฉันนั้นเป็นพระธิดาของพระราชาพระองค์นั้น แต่พระราชบิดาของหม่อมฉันได้ไปเสียจากเมืองนี้แล้วเพคะ ทิ้งหม่อมฉันไว้เพียงลำพังผู้เดียว หม่อมฉันต้องอยู่อย่างว้าเหว่และหงอยเหงา ด้วยเหตุผลที่หม่อมฉันต้องคำสาปที่พระราชบิดากล่าวไว้ เพียงเพราะหม่อมฉันได้บูชาองค์พระศิวะเพลินไปตลอดทั้งวัน พระองค์จึงไม่ยอมเสวยพระกระยาหาร ตั้งพระทัยรอคอยหม่อมฉัน จนหิวมาก ก็เลยทรงพระพิโรธเพคะ
แต่อีกไม่กี่เวลานี้ หม่อมฉันก็จะได้พ้นคำสาปแล้ว และเมื่อถึงวันนั้นหม่อมฉันจะต้องรีบกลับไปเข้าพวกวิทยาธรโดยเร็วเพคะ"
เมื่อพระเจ้ายศเกตุได้ฟังดังนั้น ก็ทรงเร้าร้อนพระทัย จึงคิดวางอุบายที่จะพานางไปอยู่บนโลกมนุษย์ให้ได้ จึงทรงตรัสกับนางวิทยาธรว่า
"ถ้าพี่จำเป็นจะต้องพลัดพรากจากเจ้า ก็เพราะกรรมที่ทำไว้ เหลือที่ใครจะแก้ไขได้ แต่ขอให้เจ้าอยู่กับพี่สัก 7 วัน จากนั้นเจ้าจะไปเฝ้าพระราชบิดาก็ตามใจเจ้าปรารถนาเถิด ส่วนพี่ก็จะกลับคืนสู่พระนครของพี่ เมื่อเจ้าจะต้องจากไป"
พระเจ้ายศเกตุ ทรงวิงวอนร้องขอเช่นนี้ จนนางสงสาร ยอมทำตามพระประสงค์ และในระหว่างนั้นพระเจ้ายศเกตุก็ทรงตรัสถามนางทิพย์ถึงหนทางที่จะกลับคืนสู่โลกมนุษย์
นางจึงพาพระเจ้ายศเกตุไปที่ห้องๆ หนึ่ง ซึ่งในห้องนั้นมีอ่างแก้วอันเป็นประตูที่จะพากลับไปยังโลกของมนุษย์ได้ ในเวลาที่นางทิพย์กำลังชะโงกหน้าชี้ให้ทอดพระเนตรอยู่นั้น พระองค์ก็กอดพระศอของนางแล้วพาโจนลงอ่างแก้วไป
ในทันใดนั้น ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จผุดขึ้นในสระของพระราชอุทยาน เมือง องคราษฎร์ คนเฝ้าอุทยานเห็นองค์พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมาก็ดีใจ รีบไปส่งข่าวบอกให้ ทีรฆะทรรศินรู้ทันที
ฝ่ายทีรฆะทรรศินนั้น เมื่อได้เห็นพระเจ้ายศเกตุทรงพานางทิพย์ตามเสด็จกลับมาด้วย ก็อดแปลกใจไม่ได้ และรู้สึกในทันทีว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้น
ส่วนนางทิพย์นั้น เมื่อได้มาถึงยังพระนครแล้ว ก็คิดจะเหาะกลับไปยังพวกของตนโดยเร็ว แต่ครั้นจะเหาะก็เหาะไม่ขึ้น จึงแสดงอาการเศร้าโศกเสียใจจนพระเจ้ายศเกตุทรงสังเกตเห็น ก็ตรัสถามว่า
"เป็นเพระเหตุใดนางจึงเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้"
นางทิพย์จึงทูลตอบว่า
"ก็เพราะหม่อมฉันอยู่กับเสด็จพี่นานเกินควร ไม่รีบกลับไปเข้าพวกวิทยาธรด้วยกัน ทำให้หม่อมฉันลืมวิชาทั้งหมดเพคะ"
พระเจ้ายศเกตุได้ฟังดังนั้น ก็ทรงพระสรวลด้วยความดีพระทัย ทรงตรัสว่า
"ครั้งนี้เราได้นางไว้เป็นที่แน่นอนแล้ว เพราะนางไม่มีวิชาที่จะหนีไปไหนได้"
ฝ่ายทีรฆะทรรศิน ก็เริ่มคิดตรึกตรอง นับตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวได้พานางทิพย์เสด็จกลับมาที่วังด้วย ก็นอนคิดคำนึงต่อไปจนสิ้นลมหายใจในทันที
รุ่งเช้า มีผู้นำความไปกราบทูล พระเจ้ายศเกตุทรงเศร้าโศกเสียใจ เพราะไม่มีใครที่จะอยู่ดูแลราชการบ้านเมืองได้ พระเจ้ายศเกตุจึงต้องทรงดูแลเองต่อมาด้วยความยากลำบาก โดยมีนางทิพย์เป็นพระมเหสีสมพระประสงค์
เวตาล หยุดเล่านิทานแล้วทูลถามพระเจ้าวิกรมาทิตย์ว่า
"ทีรฆะทรรศิน นั้นสิ้นใจตายเพราะเหตุใด พะยะค่ะ"
คราวนี้พระเจ้าวิกรมาทิตย์ ทรงนิ่งไม่รับสั่งประการใด เวตาลจึงทูลซ้ำอีกว่า
"ฝ่าพระบาทคงจะคิดว่า ทีรฆะทรรศิน เสียใจตายเพราะไม่ได้นางทิพย์มาเป็นของตัวเองดอกละกระมัง พะยะค่ะ เพราะตัวได้เห็นนางก่อน ถ้าไม่นำความมาเล่าถวายพระเจ้าอยู่หัว แล้วตัวเองพากเพียรเอง ก็อาจจะได้นางมาเป็นเมียอีกคน"
พระเจ้าวิกรมาทิตย์ ไม่โปรดความคิดของเวตาล ที่กล่าวหาทีรฆะทรรศิน ที่เป็นคนดี จึงทรงตรัสตอบว่า
"อ้ายผีใจสกปรก ไม่ใช่อย่างที่เอ็งว่าเป็นอันขาด ทีรฆะทรรศินหาได้เป็นคนชนิดนั้นไม่ เหตุที่ทำให้ทีรฆะทรรศินเสียใจคิดมากจนตาย เพราะเขาคิดว่า "แม้แต่มนุษย์ที่เป็นหญิงธรรมดา พระเจ้ายศเกตุยังคงลุ่มหลงละทิ้งราชการบ้านเมืองเสียแล้ว ต่อเมื่อพระองค์ได้นางทิพย์นางสวรรค์ที่งดงามกว่ามาเช่นนี้ ต่อไปบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรเล่า" ทีรฆะทรรศินเองก็เหนื่อยมามาก จนถึงกับต้องออกอุบายออกไปท่องเที่ยว ครั้นพอกลับมาหวังจะให้พระองค์ดีขึ้น การกลับตรงข้ามกัน ทีรฆะทรรศินจึงตายด้วยความเศร้าใจต่างหาก อ้ายผีโง่"
เวตาล หัวเราะ แล้วทูลว่า
"ถ้าพระองค์จะทรงกลับไปที่ต้นอโศก อีกหลายเที่ยวละก็ อย่าทรงเศร้าโศกจนสิ้นพระชนม์เร็วนักล่ะ พะยะค่ะ หม่อมฉันขอทูลลา ฮะ ฮะ ฮะ"
เวตาลทูลเพียงเท่านั้น แล้วก็หลุดลอยออกไปจากย่ามตามเดิม.
วันที่ 27 ต.ค. 2551
Advertisement
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,434 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,157 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,150 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 23,761 ครั้ง |
เปิดอ่าน 349,988 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,601 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,941 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,126 ครั้ง |
|
|