Advertisement
สีส้มนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ประจำฤดูร้อนแล้ว ยังเป็นสีที่ช่วยกระตุ้นความหิวและความอยากอาหารด้วย ไม่เชื่อคุณลองสังเกตง่ายๆ ตามร้านอาหารมักจะใช้ไฟสีส้ม หรือตกแต่งจานด้วยผักผลไม้สีส้มเป็นส่วนใหญ่ นั่นเพราะแสงสีส้มจะช่วยดึงดูดให้อาหารนั้นๆ ดูน่ารับประทานมากขึ้น ในหมวดหมู่ของผักและผลไม้ก็เช่นกัน ผักและผลไม้ที่มีสีส้มล้วนมีที่มาและประโยชน์ที่น่าสนใจไม่แพ้สีอื่นๆ เหมือนกัน
มะละกอ (papaya)
มะละกอมีต้นกำเนิดมาจากแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แถมถูกขนานนามจากชนพื้นเมืองของที่นั่นว่าเป็น ‘ต้นไม้แห่งสุขภาพ’ หรือชนบางกลุ่ม เช่น ลูกเรือของโคลัมบัสถึงกับเรียกมะละกอว่าเป็น ‘ผลไม้ของนางฟ้า’ เลยทีเดียว แต่สำหรับบ้านเรา มะละกอดิบเป็นอาหารจานโปรดในเมนู ‘ส้มตำ’ ที่ใครๆ ต่างก็ยกนิ้วให้กับรสชาติแซ่บๆ
ในมะละกอนั้นมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า ‘พาเพน’ ซึ่งสามารถนำมาปรุงเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย อย่างได้ผลดี ไม่เพียงเท่านี้ น้ำมะละกอยังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร การทำงานของลำไส้ก็จะดีขึ้น ช่วยทำความสะอาดไต ทำให้เลือดแข็งตัว และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ชั้นดีอีกด้วย
Did you know? หญิงชาวจีนกวางตุ้งนิยมรับประทานผลมะละกอดิบกับเนื้อสัตว์ต้มผสมน้ำเพื่อช่วยขับน้ำนม
แคร์รอต (carrot)
แท้จริงแล้วบ้านเกิดของแคร์รอตอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง ก่อนจะอพยพครอบครัวไปในทวีปยุโรป และเดินทางต่อมาที่ทวีปเอเชียของเราด้วยสรรพคุณชั้นยอด สมัยโบราณแคร์รอตมีเนื้อแข็งและเสี้ยนเยอะเหมือนไม้ เช่นเดียวกับสีของหัวแคร์รอตที่ไล่ตั้งแต่เฉดเหลืองไปจนถึงม่วงเข้ม แต่แคร์รอตสีส้มที่รับประทานกันทั่วไปเป็นแคร์รอตที่เพิ่งจะได้รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18 นี้เอง
คุณรู้หรือไม่ว่าสีส้มของแคร์รอตอุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ที่ชื่อเบต้า-แคโรทีนในปริมาณสูงที่สุดในบรรดาผักสีส้มด้วยกัน เมื่อเดินทางเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนสภาพเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสายตา ทำให้มองเห็นในที่มืดและรักษาโรคตาฟางได้ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหรือ Antioxidant ซึ่งช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากควันบุหรี่และแสงแดดที่แรงจัดได้
Did you know? แคร์รอตเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของชาวอเมริกา ที่นำมาปรุงเป็นยารักษาโรคประสาท โรคผิวหนัง และหืดหอบให้ทุเลาลงได้
แอปริคอต (apricots)
สีส้มจัดของแอปริคอตนั้นถือว่าสวยที่สุดในบรรดาผลไม้ด้วยกัน หากสุกงอมเมื่อไหร่จะมีรสชาติหวานอร่อยกำลังดี ที่น่าแปลกก็คือหากรับประทานตอนดิบจะมีรสหวาน แต่ถ้าผ่านกระบวนการความร้อนจนสุกได้ที่ก็จะเปลี่ยนจากรสชาติหวานเป็นเปรี้ยว จึงเป็นที่รู้จักันในร้านทำเค้กหรือแยมว่าต้องใช้กับน้ำตาลมาก แต่ฝรั่งยังคงติดใจในรสชาติและสีสันที่น่ารับประทานที่แม้จะนำมาอบหรือเคี่ยวเป็นวันแล้วก็ตาม
สารเบต้าแคโรทีนในแอปริคอตจะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตาจึงช่วยในการมองเห็นได้ดีขึ้น และสามารถป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ ในผลแอปริคอตตากแห้งจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินเอที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
Did you know? นักโภชนาการแนะนำว่าหากรับประทานแอปริคอตได้ในปริมาณ 25 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยรักษาปฏิกิริยาจากสารก่อภูมิแพ้รวมทั้งอาการอ่อนเพลียได้
ส้ม (Orange)
ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่หากินได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งแบบรับประทานสดหรือคั้นน้ำ ส้มเป็นนางเอกสุดฮอตในเรื่องของวิตามินซี เจ้าวิตามินซีตัวนี้เองที่มีฤทธิ์ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และอัดแน่นด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่วนกากใยด้านนอก ดังนั้นเวลาทานส้มจึงไม่ควรลอกเยื่อบุผิวขาวๆ ส่วนที่เป็นกากใยออก เพราะกากใยนี้ช่วยในการขับถ่ายได้ดีเชียวล่ะ
นอกจากเนื้อในจะมีประโยชน์แล้ว น้ำมันจากเปลือกส้มที่อยู่ด้านนอกยังกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารเอนโดรฟินในสมอง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและผ่อนคลายมากขึ้น จากรายงานการวิจัยประเทศญี่ปุ่นค้นพบว่าการรับประทานส้มจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับได้ เนื่องจากมีสารยับยั้งอย่างแคโรทีนอยด์บรรจุอยู่ในผลแบบเต็มๆ
Did you know? รับประทานน้ำส้มคั้มสดๆ สักหนึ่งแก้วก่อนอาหารเช้า จะช่วยเติมเต็มวิตามินซีให้ร่างกายได้ตลอดวัน ส่วนสาวๆ ที่กำลังไดเอทควรรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องและไม่อ้วน
ลูกพลับ (persimmon)
สำหรับชาวจีนแล้วลูกพลับได้รับการยกย่องว่าเป็นผลไม้สูงค่า และเป็นไม้มงคลที่สื่อความหมายถึงความมั่งมีศรีสุข ด้วยเปลือกผลสีส้มและเหลืองสุกราวกับทอง เปรียบเสมือนเป็นผลไม้ทองคำจากสวรรค์ ชาวจีนจึงนิยมนำมาแลกเปลี่ยนเป็นของกำนัลในเทศกาลต่างๆ
ลูกพลับเป็นผลไม้เนื้อกรอบชวนเคี้ยวที่อุดมด้วยความหวานตามธรรมชาติ มีวิตามินเอและซีสูงมาก ในตัวมันเองนั้นมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความดัน ห้ามเลือด บรรเทาริ้วรอยจ้ำเลือดเนื่องจาดเกล็ดเลือดน้อยกว่าปกติรวมไปถึงช่วยบรรเทาอาการปวดท้องจากความเย็นและช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายได้ชะงักนัก
Did you know? เมื่อท้องว่างห้ามรับประทานลูกพลับเด็ดขาด เพราะเมื่อไปผสมรวมกับน้ำย่อยแล้วจะทำปฏิกิริยากับกรดจนกัดกร่อนกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเกิดแผลในกระเพาะได้
เห็นประโยชน์ของผักและผลไม้สีส้มกันแล้ว คราวนี้ก็ลองเลือกซื้อหา มารับประทานกันดูนะคะ
วันที่ 16 ก.ย. 2551
Advertisement
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,339 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,133 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 9,577 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,266 ครั้ง |
เปิดอ่าน 44,193 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,694 ครั้ง |
เปิดอ่าน 26,022 ครั้ง |
|
|