ถามคนร้อยทั้งร้อยว่าอยากให้คนอื่นชมว่า "คุณเป็นคนน่ารัก" ไหม ทุกคนตอบตรงกันหมดว่า อยากค่ะ อยากครับ
ถามว่าคนปกติจะน่ารักเหมือนกันหมดทุกคนไหม ร้อยทั้งร้อยก็ตอบกลับมาตรงกันว่า ไม่ครับ ไม่ค่ะ
และเมื่อถามว่า คนทุกคนสามารถทำตนให้เป็นที่รักของคนอื่นได้ไหม บ้างก็ตอบว่าได้ บ้างก็ตอบว่ายาก บ้างก็อึกอักๆ คล้ายๆ จะลังเล
สำหรับดิฉันเอง ขอตอบว่า "ได้ค่ะ"
คนทุกคนสามารถเป็นที่รักของคนอื่นๆ ได้หมด และแม้ว่าปกติธรรมดาในตัวคน คนหนึ่งจะมีทั้งด้านที่น่ารักและด้านที่ไม่น่ารัก เราก็ยังสามารถนำเสนอความน่ารักของเราต่อผู้อื่นได้ พร้อมกันนั้นก็ค่อยๆ แก้ไข หรือบรรเทาความไม่น่ารักของตัวเราเองให้เจือจางลง
ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนว่า อะไรบ้างที่เป็นความน่ารัก
1.อัธยาศัยไมตรี-รู้สึกดีๆ
สิ่งนี้ถือเป็นประตูบานแรกทีเดียวค่ะ ที่จะเปิดรับความรักจากคนอื่น หรือจะปิดปัง! ใส่เขา สำหรับคนน่ารักแล้ว ประตูบานนี้ย่อมเปิดกว้างและเปิดอย่างมั่นคงแข็งแรงอยู่เสมอ คนน่ารักไม่ใช่แค่มาดดี ดูดี มาดดีๆ ใครๆ ก็วางมาดได้ เรื่องดูดีใครๆ ก็ทั้งตกแต่งและปรุงแต่งได้ แต่อารมณ์ดีๆ อัธยาศัยไมตรีที่น่ารักนี้ มาจากส่วนลึกด้านในทีเดียวละค่ะ
ใครหลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าเรื่อง "บุคลิกภาพ" เป็นความฉาบฉวย เป็นเรื่องของท่าทางและการแต่งกายภายนอก เป็นเรื่องของการ "ดู" เป็นเรื่องของการวางมาด แค่ "ดูดี" ไม่พอหรอกค่ะ ต้อง "รู้สึกดี" ด้วย ไม่อย่างนั้นบุคลิกภาพก็จะกลายเป็นแค่ "การวางมาดใส่กัน" แล้วมันจะดีตรงไหนล่ะคะ รู้สึกดีที่ว่ายังต้องรู้สึกดีทั้งตัวเราเองและคนอื่นอีกด้วย ไม่ใช่รู้สึกดีอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อนำไปรวมกับความเข้าใจแบบแรก บุคลิกภาพก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทั้ง "ดูดี" และ "รู้สึกดี" มีมิติขึ้นมาแล้วเห็นไหมคะ ไม่อย่างนั้น เราก็จะเป็นแค่วัตถุชิ้นหนึ่งที่ดูดี
คนน่ารักจึงต้องมีคุณสมบัติข้อแรกคือ อัธยาศัยดี โอภาปราศรัยกับผู้อื่นด้วยความรู้สึกจริงใจ ไม่เสแสร้งแกล้งทำ พร้อมจะเปิดรับคนอื่นไม่ว่าเขาจะน่ารักหรือไม่น่ารักก็ตาม แต่ให้โอกาสคน ยิ้มให้ทุกคนได้โดยไม่เสียความรู้สึก ยิ้มเพราะอยากยิ้ม เป็นยิ้มที่ "มอบให้" อย่างแท้จริง คนอย่างนี้แหละค่ะ คนน่ารัก
2.เปิดโอกาส-ให้โอกาส
คนน่ารักจะไม่รวบโลกทั้งใบไปเป็นของตนคนเดียว เขาจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่น่ารักที่สุดในโลก หรือน่ารักอยู่คนเดียวในโลก แต่โลกยังมีคนอื่นๆ ที่ดูดี รู้สึกดี และน่ารักดีอาศัยอยู่ด้วยกัน คนน่ารักจึงมักมองเห็นข้อดีของคนอื่น และเปิดโอกาสให้เขาได้โดดเด่นด้วยข้อดีเหล่านั้น โดยไม่รู้สึกริษยาหรือว่าเป็นคู่แข่ง แถมหาวิธีส่งเสริมคนที่มีข้อเด่นข้อดีเช่นนี้เสียด้วยซ้ำไป ต่อให้เจอกับคนที่ยัง "น่ารักไม่พอ" คนน่ารักก็มักให้โอกาสและไม่ด่วนตัดสินคน แต่จะมองหาว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เขาเป็นคนอย่างนี้หนอ เมื่อเข้าใจแล้วก็จะรู้สึกให้อภัย และไม่ "ร้ายใส่" คนน่ารักไม่มีวันจะร้ายใส่ใคร อย่างร้ายที่สุดก็คือ กล่าว หรือบอกด้วยความเมตตาถึงความไม่น่ารักของเขาว่าคืออะไร และจะส่งผลอะไรต่อชีวิตเขาและคนอื่นบ้าง จากนั้นก็ปล่อยวาง วางเฉย ไม่มึนตึง หรือจ้องทำร้าย จ้องแต่จะเอาคืน
คนน่ารักจะเปิดโอกาสให้คนอื่นน่ารักด้วย จะไม่แย่งใครพูด จะไม่นำเสนอทุกเรื่องอยู่คนเดียว ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่เอาความดีเข้าตัวแล้วโยนความชั่วใส่คนอื่น การจะน่ารักอย่างนี้ได้ต้องอาศัยความมีเมตตาและรักในคนอื่นอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติของ "ใจ" ที่สูงส่ง ไม่ใช่ "มาด" ที่สวยสง่า ความน่ารักจึงต้องเกิดมาจากใจที่น่ารัก แล้วส่งผ่านท่าทีที่มีเสน่ห์ เป็นกันเอง ไม่ถือตน ไม่ข่มคน คุณสมบัติอย่างนี้ไม่นับว่ายากจนถอดใจใช่ไหมคะ ลองฝึกฝนดูเถอะคะ ใจคนรับการเปลี่ยนแปลงได้ ขอแค่ให้เวลากับใจบ้างก็เท่านั้น
ส่วนคนที่ไม่น่ารักก็เป็น 2 ข้อที่ตรงกันข้าม คือ
1.ปิดประตูใจ ไม่เปิดรับใครง่ายๆ
2.ไม่ให้โอกาสใคร เพราะฉัน "ใช้ได้" อยู่คนเดียว
ใจที่ปิด ความคิดก็ย่อมไม่เปิด ใจคิดผิด อารมณ์ดีๆ ก็ไม่มีทางเกิด และเมื่อใจไม่ยอมเปิด อารมณ์ดีๆ ไม่เคยเกิด อากัปกิริยา สีหน้าท่าทางของคนเราจะเปิดรับใครได้ จริงไหมคะ มันก็จะดูเหมือนคนเปิดๆ ปิดๆ เพราะเปิดได้แค่ในช่วงที่ต้องการวางมาด และต้องปิดอีกครั้ง เมื่อคิดว่าคงไม่มีใครเห็นแล้ว
บุคลิกภาพที่ดี ที่น่ารัก ไม่ใช่ "การแสดง" นะคะ แต่คือสิ่งที่เราต้อง "เป็น" เช่นนั้นจริงๆ
ดังนั้น คนแบบเปิดๆ ปิดๆ เมื่อต้องไปเจอกับสถานการณ์ที่ไม่อาจเตรียมมาดเอาไว้ล่วงหน้าได้ ก็มักจะแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมาผ่านทางสีหน้า ท่าทาง หรือกระทั่งหลุดออกมากับคำพูดก็แยะ อย่าลืมว่าคนที่มีบุคลิกภาพดีคือคนที่ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะบุคลิกภาพนั้นไม่ใช่เรื่องตายตัวว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา แต่อยู่ในเงื่อนไขของผู้คน เวลา เหตุการณ์ และสถานที่ด้วย ฉะนั้น ดีที่สุดก็คือ เป็นตัวของตัวเองในแบบที่ได้รับการปรับเปลี่ยนแล้ว ให้มีคุณสมบัติพื้นฐานของความน่ารัก
คนน่ารักบางคนมาดไม่ดีนักหรอกคะ แต่ความน่ารักของเขาก็จะเรียกร้องความรักจากผู้พบเห็นได้อย่างท่วมท้น ไหล่อาจจะห่อนิด หน้าอาจจะเหี่ยวหน่อย ก็ไม่เห็นจะเป็นไร อาจจะเดินไม่สวยสง่า แต่วาจานั้นแสนจริงใจ ประกายตาของเขา หรือเธอสวัสดีทักทายต่อคนทุกคน อย่างนี้ก็ดูดีในระดับหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือคะ ที่เหลือก็มาฝึกฝนกันค่ะ ว่าจะวางมาดอย่างไรให้สง่างาม
เมื่อพูดถึงบุคลิกภาพ เรามักเรียกหาท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน และการแต่งกายมาก่อน ไม่ค่อยจะมีใครถามหา "ต้นทุนในใจ" หรือ "ต้นทุนทางความรู้สึก" ที่ดีๆ ก่อนเลยสักคน ดิฉันขอแนะนำแบบที่ไม่เหมือนใคร คือให้สร้างความน่ารักขึ้นในใจ ในเนื้อในตัวของเราก่อน ตรงนี้จะเป็นเสน่ห์ที่ใครก็ไม่มี ต่อให้มาดดี ดูดีขนาดไหนก็เถอะ
เมื่อเรา "สร้างใจ" ที่พร้อมจะเปิดรับใครต่อใคร พร้อมที่จะมองคน มองโลก มองชีวิตในมุมดีๆ แล้ว ความรู้สึกรังเกียจ ความรู้สึกปฏิเสธ ความรู้สึกต่อต้านก็จะไม่มี คราวนี้จะแนะนำให้ยิ้ม ให้ไหว้ ให้ทักทาย ให้ช่วยเหลือ ให้ทำงานร่วมกัน ฯลฯ ก็ได้ทั้งนั้น เพราะใจไม่มีอคติ ไม่มีข้อโต้แย้งที่คอยผุดคำถามขึ้นมาก่อกวนว่า ฉันต้องไหว้คนคนนี้อย่างนอบน้อมทำไม ฉันต้องทักทายเขาด้วยหรือ ฉันจะต้องเดินให้ดี นั่งให้ดี พูดให้ดี คุยให้ดีกับคนคนนี้เพื่ออะไร ฯลฯ
หากความน่ารักคือดอกไม้ บุคลิกดีๆ ก็คือผลไม้ล่ะค่ะ
ผลไม้จะเกิดขึ้นจนสุกงอมหอมหวาน เป็นที่ต้องการของคนอื่นลำบาก หากขั้นตอนของการเป็นดอกไม้ยังไม่สมบูรณ์
มาเริ่มต้นเรียนรู้จากการเป็น "ดอกไม้ที่สมบูรณ์" กันเสียก่อน ดีไหมเอ่ย?
ขอบคุณที่มา http://www.posttoday.com/
|