กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง และยังมีสังกะสี เหล็ก กรดโฟลิก แคลเซียม และสารอาหารอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กล้วย ยังมีเพกติน ซึ่งช่วยให้ร่างกายชับของเสียออกได้เช่นเดียวกับแอปเปิล กล้วยมีปริมารไวตามินบี6 เท่ากับตับ ( ในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน ) กล้วยช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
กีวีฟรุต
กีวีฟรุต มีไวตามินวีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า มีกากไยมากกว่าแอปเปิล และมีไวตามินอีเท่ากับอโวคาโด ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยลดความดันดลหิต ลดความเครียด ความอ่อนเพลีย และชาวยระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น
แครนเบอร์รี
อุดมไปด้วยไวตามินซี เหล็ก โพแทสเซียม และ ไวตามินเอ ในมลรัฐแมสซาซูเซตส์ ประเทสสหรัฐอเมริกา จะไห้ตนไข้ที่ป่วยเป็นโรคทางปัสสาวะและนิ่วอดอาหาร ( fast ) ดื่มแต่น้ำแครนเบอร์รี ซึ่งจะช่วยลดแบคทีเรีย และบรรรเทาอาการป่วยลงได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ใดๆ
แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่หวานฉ่ำแสนอร่อย หรือนำมาปั่นเป็นน้ำแตงโมดื่มดับกระหายก็ดี แตงโมเป้นผลไม้ที่กระตุ้นการทำงานของไต เป็นยาระบายอ่อนๆ มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเกาต์หรือท้องผูก เมล้ดแตงโมนำมาต้มไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที นำมาดื่มเป้นยาบรร เทาอาการป่วย เนื่องจากโรคไต หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แตงโมสามารถนำมารับประทานในวันที่อดอาหาร มีประโยชน์เช่นเดียวกับองุ่น คือจะช่วยชำระล้างอวัยวะภายในให้สะอาด
น้ำอ้อย
น้ำอ้อยและนมในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน น้ำอ้อยจะมีแคลเซียมสูงกว่านม มีธาตุเหล็กสูงกว่าไข่ คือ น้ำอ้อย 1 ช้อนโตีะมีธาตุเหล็กถึง 3 มิลลิกรัม และยังมีโพแทสเซียมสูง รวมทั้งไวตามินบีอีกหลายชนิด น้ำอ้อยให้พลังงานสูง แต่ไม่ควรตักน้ำอ้อยรับประทานเปล่าๆ เพราะหวานเกินไป และไม่ดีต่อเหงือกและฟัน
แบลคเคอร์แรนต์
แบลคเคอร์แรนต์ได้ชื่อว่า " ผลไม้ที่ช่วยให้อายุยืนยาว " เพระอุดมไปด้วยไวตามินซี เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งและหัวใจ เม็ดสีที่เรียกว่า " แอนโทไซยาโนไซด์ส " ในเปลือกสีม่วงดำของแบลคเคอร์แรนต์มีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรีย และบรรเทาอาการอักเสบ นยมนำมาใช้รักษาอาการเจ็บคอ โดยให้จินน้ำแบลคเคอร์แรนต์อุ่นๆ น้ำแบลคเคอร์แรนต์ทำได้ง่ายมากโดยใช้ผลแบลคเคอร์แรนต์รครึ่งถ้วยต่อน้ำ 2 ถ้วย ต้มนาน 10 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำผึ้งเล็กน้อย บ้านเราไม่มีแบลคเคอร์แรนต์สด แต่เราสามารถทำได้โดยเติมน้ำร้อนลงใน แยมแบลคเคอร์แรนต์
ราสเบอร์รี
ราสเบอร์รีเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไวตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียมและเหล็ก เหมาะกับผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ รวมทั้งผู้ป่วย โรคหัวใจ ผู้ที่มีร่างการอ่อนเพลีย และผู้ที่เคร่งเครียด ราสเบอร์รีช่วยลดไข้และช่วย
สตรอเบอร์รีเป็นผลไม้เมืองหนาว เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยที่ป้นโรคเกาต์และไขข้ออักเสบ นั่นเป็นเพราะว่า สตรอเบอร์รีเมีคุณสมบัติในการชำระล้างระบบต่างๆในร่างกาย นอกจากนี้สตรอเบอร์รียังเหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง การแพทย์แผนโบราณของยุโรปแนะนำให้ผู้ป่วยเป็นนิ่วในไตรับประทานสตรอเบอร์รี สตรอเบอร์รีมีเหล็กสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจางและร่างกายอ่อนเพลีย ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังก็ควรรับประทานสตรอเบอร์รี หากจะรับประทานสตรอเบอร์รีเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วย ควรรับประทาน สตรอเบอร์รีเพียงอย่างเดียวหรือก่อนอาหาร
ส้ม
ส้มอุดมไปด้วยไวตามินซ๊ นอกจากนี้ส้มยังมีคุณค่าอื่นๆต่อร่างกาย เช่น จากการวิจัยของประเทสสวีเดน พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารเช้าและดื่มน้ำส้มด้วยจะสามารถดูดซึมเหล็กได้ดีขึ้นสองเท่าครึ่ง ส้มยังมีไวตามินเอด้วย นอกจากนี้ยังมี" ไบโอฟลาโวนอย " ซึ่งมีอยู่ในผัก ผลไม้หลายชนิด และเป็นที่รู้จักกันในชื่อไวตามินพี หรือ ซี 2 ซึ่งช่วยให้ไวตามินซีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้ผนังหลอด เลือดฝอยแข็งแรงขึ้น
สับปะรด
ชาวฮาวายจะดื่มน้ำสับปะรดเมื่อมีอาการอาหารไม่ย่อย ปัจจุบันเราทราบแล้วว่า สับปะรดสดมีเอนไซม์ชื่อว่า " โบรมีลีน " ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีความสามารถในการย่อยโปรตีนได้ในเวลาอันรวดเร็ว น้ำสับปะรดสดยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอโดยใช้กลั้วคอ และเป็นส่วนผสมของตำรับยาพื้นบ้านรักษาโรคคอตีบ สับปะรดยังสามารถต่อต้านแบคทีเรียและบรรเทาอาการอักเสบได้ด้วย
เสาวรส
เสาวรสหรือกะทกรกฝรั่ง มีชื่อที่รู้จักกันดีคือ " passion fruit " นิยมนำผลมารับประทาน ลูกเสาวรสมีหลายสี เต็มไปด้วยเมล็ด น้ำเยอะ รสเปรี้ยวมาก มีกลิ่นหอม นิยมนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่ม เสาวรสมีไวตามินเอสูง รับประทานเป็นประจำจะทำให้สุขภาพตาดี สร้างภูมิคุ้มกันโรค และบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ โรคกระเพาะ
องุ่น
องุ่นเป็นผลไม้ที่ให้พลังงาน ช่วยชะล้างทำความสะอาดอวัยวะภายใน เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ โรคโลหิตจาง ร่างกายอ่อนเพลีย โรคไขข้ออักเสบ และโรคเกาต์ การอดอาหารเพื่อล้างพิษด้วยการรับประทานองุ่นเพียงอย่างเดียวจะช่วยบำบัดโรคผิวหนัง โรคทางเดินปัสสาวะ โรคไขข้ออักเสบ โรคเกาต์ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจะใช้วิธีการอดอาหารเพื่อล้างพิษ โดยรับประทานองุ่นเพียงอย่างเดียวทุกๆ 10 วันก็ได้ผลดีเช่นกัน ควรล้างองุ่นให้สะอาดเพราะมีสารจากยาฆ่าแมลงอยู่มาก
แอปเปิล
ชาวตะวันตกตระหนักในคุณค่าทางอาหารของแอปเปิลเป็นอย่างมาก ถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า " หากคุณสามารถปลูกต้นไม้ไว้ในสวนได้ เพียง 1 ต้น ก็ควรจะปลูกแอปเปิล " แอปเปิลมีประโยชน์ต่อหัวใจ สารเพกตินและไวตามินซีในแอปเปิลจะช่วยให้ระดับโคเลสเตอรอลอยู่ในระดับคงที่ จากการศึกษายังพบว่าสารเพกตินช่วยปกป้องเราจากมลภาวะต่างๆ ช่วยขับสารตะกั่ว และโลหะอื่นๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการออกไป กรกมาลิกและกรดทาทาริกในแอปเปิลช่วยระบบการหายใจ และยังช่วยขจัดโปรตีนและไขมันส่วนเกินในร่างกายจึงนำแอปเปิลไปปรุง กับอาหารหลายๆชนิด เช่น แอปเปิลกับหมู แอปเปิลกับเนยแข็ง
แอปเปิลยังมีประโยชน์มากกับผู้ป่วยโรคไขข้อและเกาต์ ผู้ป่วยโรคเหล่านี้ ควรทานแอปเปิลสดเพียงอย่างเดียวสัก 1 ถึง 2 วัน เป็นการอดอาหาร ( fast ) เพื่อให้ร่างกายขับของเสียและสารพิษออกมา จากการวิจัยของฝรั่งเศสพบว่าการทาน แอปเปิลวันละ 2 ผล จะช่วยลดโคเลสเตอรอลลงได้ 10% ควรรับประทานแอปเปิลทั้งเปลือก เพราะสารเพกตินที่ช่วยลด โคเลสเตอรอลอยู่ที่เปลือก
อโวคาโด
ผลอโวคาโดอุดมไปด้วยไขมัน และมีแคลอรีสูง แต่ก้เป็นอาหารที่มีประดยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะมีโพแทสเวียมสูง หากร่างกาย ขาดโพแทสเซียมจะทำให้อ่อนเพลีย มีอาการหดหู้ และระบบทางเดินอาหารบกพร่อง อโวคาโดยังอุดมไปด้วยไวตามินเอ ไวตามินบีรวม ไวตานซีเล็กน้อย และไวตามินอี อโวคาโดเหมาะกับผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ สตรีที่รับประทานอโวคาโดจะช่วยให้ผิวพรรณสวยเพราะอโวคาโดจะช่วยลดอนุมูลอิสระ ไขมันจากผลอโวคาโดย่อยง่าย จากการวิจัยพบว่า เนื้อผลอโวคาโดมีสารต่อต้านแบคทีเรียด้วย
อัลมอนด์
อัลมอนด์อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน และเกลือแร่ หากรับประทานอัลมอนดืกกับน้ำที่มีไวตามินซีสูงจะช่วยให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น อัลมอนด์มีโปรตีนสูงถึง 20% เทียบกับน้ำหนักที่เกันแล้ว มีโปรตีนสูงกว่าไข่ถึง 3 เท่า น้ำอัลมอนด์ย่อยง่าย จึงเหมาะกับผู่ป่วยโรค ทางเดินอาหาร
เราสามารถทำน้ำอัลมอนด็ได้เอง โดยนำอัลมอนด็ 50 กรัม แช่ในน้ำอุ่น 2 ออนซ์ จากนั้นลอกเปลือกออก และนำไปบดหรือปั่นให้ละเอียด เติมน้ำ 1 ลิตร นำไปต้ม เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง แค่นี้ก็จะได้น้ำอัลมอนด์แสนอร่อย
แอพริคอต
แอพริคอตอุดมด้วยเบตาแคโรทันซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในผักผลไม้สีเหลืองส้ม สียิ่งจัดเท่าไรก็จะมีเบตาแคโรทีนมากเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู่ป่วยโรคติดเชื้อ เช่น ผู้ป่วยระบบทางเดินปัสสาวะ หรือผู้ป่วยโรคมะเร็ง แอพริคอตแห้งมีเหล็กมาก ก่อนรับประทานควรนำไปล้างด้วยน้ำอุ่นเพื่อล้างเอาซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกเสียก่อน
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-4/no04/fruit4.html