|
ภาพจาก www.latimes.com |
|
|
6. ภาษาสัมผัส
นับเป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กันเช่นการโอบกอด การจับมือ ฯลฯ เพราะภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล
อย่างไรก็ตาม การสัมผัสนั้นควรมีความพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก และยังสมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนกอดกันบ่อยๆ จับมือเดินไปด้วยกันมักมีความรักที่ไม่เคยเก่าไปสักวัน
7. ภาษาพฤติกรรม
รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม ดังนั้นภาษา พฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน
8. ภาษาสัมพันธ์
สิ่งนี้คือ การจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้น จนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร
9. ภาษาแห่งความสงบ
ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล
ท้ายนี้ หากไม่อยากให้ความรักนั้นจืดจาง ยิ่งนานวันยิ่งเก่า รู้สึกเฉากับชีวิตคู่ ก็ควรเข้าใจ ใส่ใจ มีความละเอียดอ่อน และดูแลซึ่งกันและกันเฉกเช่นวันแรกที่รักกันใหม่ๆ โดยการใช้ภาษารักทั้ง 9 ให้เป็นประโยชน์ แล้วในที่สุดมั่นใจเถอะว่า "คู่แท้"และ"รักแท้" อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เลิฟฟอร์โฮม
|