ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

....."20 ข่าวดังแห่งปี 2552".....


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,172 ครั้ง
Advertisement

....."20 ข่าวดังแห่งปี 2552".....

Advertisement

1. ในหลวงทรงพระประชวร

ยามใดที่ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระอาการประชวร จิตใจของประชาชนไทยทุกคนต่างหวั่นวิตกและเป็นห่วงพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ใจความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรอท (มีไข้) คณะแพทย์จึงกราบบังคมทูลให้ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจพระวรกายและรับยาปฏิชีวนะ

ทันทีที่แถลงการณ์ถูกเผยแพร่ออกไป ประชาชนไทยจากทั่วประเทศก็หยิบเสื้อสีชมพูอันเป็นสีมงคลสำหรับพระองค์ท่านมาสวมใส่ แล้วเดินทางมาโรงพยาบาลศิริราชเพื่อลงนามถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร โดยไม่ต้องมีการนัดหมายหรือสั่งการจากหน่วยงานใดๆ ทั้งสิ้น บางส่วนก็ปักหลักนอนที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อรอฟังแถลงการณ์ฉบับต่อๆ มาของสำนักพระราชวังด้วยจิตใจเป็นกังวล

ไม่กี่วันหลังจากนั้นพระอาการประชวรก็ทุเลา ไม่มีพระปรอท เสวยพระกระยาหาร (กินอาหาร) ได้มากขึ้น เหลือแต่ต้องทรงทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ทรงมีพระกำลังดังเดิม แต่แล้วในวันที่ 28 กันยายน แถลงการณ์ฉบับที่ 9 ก็แจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปรอท (มีไข้) อีกครั้ง และพบว่าพระปัปผาสะ (ปอด) อักเสบ จึงต้องมีการถวายพระโอสถ (ยา) ปฏิชีวนะชนิดใหม่และถวายสารอาหารทางหลอดพระโลหิต ซึ่งก็สร้างความกังวลให้กับชาวไทยมากยิ่งขึ้น จนพากันมาลงนามถวายพระพรที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราชกันอย่างล้นหลาม

ไม่ใช่เฉพาะชาวไทยทุกหมู่เหล่าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย ชาวต่างประเทศที่อยู่ทั่วโลก เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินและบุคคลสำคัญจากทั่วโลก ก็ร่วมถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววันด้วย ด้านคณะแพทย์ก็ได้ถวายการรักษาอย่างเต็มความสามารถ จนพระอาการประชวรทุเลาลงเป็นลำดับ ไม่มีพระปรอท เสวยพระกระยาหารและบรรทม (นอน) ได้มากขึ้น พระปัปผาสะไม่มีการอักเสบ คณะแพทย์จึงถวายพระโอสถและถวายการกายภาพบำบัดเพื่อบำรุงฟื้นฟูพระวรกายต่อไป

วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช ประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้าติดตามพระอาการและลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ได้ปลื้มปีติอย่างถึงที่สุด เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประทับรถเข็นไฟฟ้าลงมาจากห้องประทับรักษาพระอาการประชวร เพื่อทรงนำพวงมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบตร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ประชาชนที่เฝ้าอยู่ที่นั่นต่างปลื้มปีติและส่งเสียงทรงพระเจริญดังลั่นไปพร้อมน้ำตาแห่งความดีใจ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วประเทศที่ดีใจเมื่อได้เห็นพระพักตร์อันแจ่มใสของพระองค์อีกครั้งหนึ่งแม้ขณะนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะยังไม่เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช แต่พระอาการโดยทั่วไปก็เกือบจะเป็นปกติดีแล้ว รอแต่เพียงการฟื้นฟูพระวรกายให้แข็งแรงดังเดิมเมื่อไหร่ก็จะได้เสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งจะเป็นวันที่ประชาชนชาวไทยทุกคนเฝ้ารอคอย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็ยังคงมีประชาชนทุกหมู่เหล่าเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งรวมรายชื่อของผู้ลงนามถวายพระพรตั้งแต่วันแรกได้ถึงกว่า 1 ล้าน 5 แสนรายชื่อแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

2. งานเฉลิมพระชนมพรรษา

โดยปกติแล้วการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มูลนิธิ 5 ธันวามหาราชจะเป็นแม่งานในการจัดการมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้พวกต่อต้านสถาบันกษัตริย์ได้เดินหน้าบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันกันอย่างหนัก ประกอบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ทางรัฐบาลจึงตั้งเป้าให้การจัดงานในปีนี้เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่และแตกต่างจากที่เคยมีมางานเฉลิมพระชนมพรรษาที่กรุงเทพมหานครในปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 13 ธันวาคม แบ่งออกเป็น 4 งานใหญ่ๆ คือ "งานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช" ที่จัดบนท้่องสนามหลวง มีการออกร้านขายของ เวทีคอนเสิร์ต ฉายภาพยนตร์กลางแปลง และจุดเทียนชัยถวายพระพรเหมือนที่เคยทำกันมา "กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา" เป็นการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทั้งแสงสีเสียงบนถนนราชดำเนินกลาง มีการแสดงน้ำพุและขบวนรถประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ดาราดังของไทยมาร่วมในขบวนรถเป็นจำนวนมาก "กิจกรรม พ่อ..The Greatest of the Kings The Greeting of the Land" เป็นการฉายละครเฉลิมพระเกียรติลงบนผนังของพระที่นั่งอนันตสมาคม บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้เทคโนโลยี 4D Visual Light & Sound สร้างภาพ 4 มิติได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และงานสุดท้ายคือ "งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550" ที่ทะเลสาบเมืองทองธานี เป็นการแสดงพลุที่งดงามจากหลายประเทศ

การจัดงานทั้งหมดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมหาศาล ทั่วโลกได้ถ่ายทอดภาพความงดงามและยิ่งใหญ่อย่างยากที่จะได้เห็นในประเทศไหนๆ จนดัชนีความสุขของคนไทยพุ่งสูงสุดในรอบปี อีกทั้งยังเป็นการตอกหน้าพวกต่อต้านสถาบันกษัตริย์ ให้ได้รู้ว่าคนไทยรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์รวมทั้งพระราชวงศ์มากมายเกินกว่าที่จะมีใครมาสั่้นคลอนได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

3. เสื้อแดงป่วนสงกรานต์

ตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์สลับขั้วมาเป็นแกนนำรัฐบาลเมื่อต้นปีนี้ มวลชนคนเสื้อแดงหรือคนรักทักษิณ ชินวัตร ก็จัดการชุมนุมประท้วงมาโดยตลอด แรกๆ เป็นการชุนนุมแบบชั่วคราว แต่เมื่อเห็นว่าไม่อาจสั่นคลอนรัฐบาลได้ จึงเปลี่ยนมาชุมนุมแบบค้างคืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ประกาศปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนกว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จะลาออกจากตำแหน่ง

การชุมนุมดังกล่าวได้รับกำลังใจอย่างดีจากวิดีโอลิงก์และโฟนอินของทักษิณ จนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ วันที่ 7 เมษายน กลุ่มคนเสื้อแดงได้ล้อมรถยนต์ของนายกรัฐมนตรีที่พัทยา แล้วเข้าไปตะโกนด่าทอ ทุบตีรถยนต์จนเสียหาย วันต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบได้กระจายตัวกันออกไปจัดชุมนุมในจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร สถานการณ์ถึงขั้นแตกหักเมื่อวันที่ 10 เมษายน ผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้นำรถยนต์ไปทำการปิดถนนตามแยกต่างๆ ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้การจราจรของเมืองกรุงเป็นอัมพาตไปในทันที รัฐบาลจึงต้องประกาศให้วันนั้นเป็นวันหยุดราชการ

เช้าวันรุ่งขึ้น อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ได้นำผู้ชุมนุมเสื้อแดงนับพันคน พังประตูบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ซึ่งกำลังจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จนทำให้นายกรัฐมนตรีต้องประกาศยกเลิกการประชุมทันที แล้วประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี เพื่อพาผู้นำของประเทศต่างๆ หนีออกจากโรงแรมแล้วส่งกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย

ส่วนที่กรุงเทพมหานคร แกนนำคนเสื้อแดงได้ปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นกว่าเดิม จนนายกรัฐมนตรีต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 12 เมษายน แต่คนเสื้อแดงก็หาได้หวั่น พากันบุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย ล้อมรถยนต์ประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ใช้ไม้ อิฐ กระถางต้นไม้ ทุบตีขว้างปาจนกระจกแตกและบุบไปทั้งคัน ก่อนจะฝ่าออกไปได้สำเร็จโดยนายกรัฐมนตรีปลอดภัย ส่วนอีกจุดหนึ่งก็ล้อมรถยนต์ของนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เอาไว้แล้วทุบตีรถจนพังยับไปทั้งคัน กระทั่งคนเสื้อแดงบางส่วนได้มากันนิพนธ์และคนขับรถออกไป แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไปพอสมควรเช้ามืดวันที่ 13 เมษายน กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ปะทะกับทหารและตำรวจที่บริเวณแยกดินแดง มีผู้บาดเจ็บหลายคน ผู้ชุมนุมจึงได้นำรถแก๊ซแอลพีจีมาจอดไว้ที่หน้าแฟลตดินแดงแล้วขู่ว่าจะจุดระเบิด ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นทนไม่ได้จึงรวมตัวกันขับไล่กลุ่มคนเสื้อแดง แล้วยึดรถแก๊ซคืนมา ส่วนในจุดอื่นๆ ผู้ชุมนุมเสื้อแดงก็นำรถประจำทางมาจอดแล้วเผารถ เผายางรถยนต์ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วกรุง จนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต้องรวมตัวกันออกมาขับไล่ผู้ชุมนุมเสื้อแดง เช่นที่ถนนเพชรบุรี ถนนสาทร ถนนนางเลิ้ง ประกอบกับรัฐบาลได้ใช้กำลังทหารออกมารักษาความสงบ สถานการณ์จึงเริ่มคลี่คลายลง จนกระทั่งเช้าวันที่ 14 เมษายน แกนนำคนเสื้อแดงก็ได้ประกาศยุติการชุมนุม และยอมมอบตัวกับตำรวจ เหตุการณ์วุ่นวายในช่วงสงกรานต์ปีนี้จึงสงบลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

4. ไข้หวัด 2009 ระบาด

เมษายนที่ผ่านมา ได้เกิดไข้หวัดชนิดใหม่แพร่ระบาดสร้างความแตกตื่นไปทั่วโลก ในช่วงแรกตรวจพบว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการผสมสายพันธุ์มาจากหมูและเริ่มแพร่ระบาดอยู่ในประเทศเม็กซิโก จึงเรียกกันว่า ไข้หวัดหมู หรือไข้หวัดเม็กซิโก แต่ต่อมาพบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่มีมาจากหมูเสียทั้งหมด แต่เป็นการผสมกันระหว่างไวรัสไข้หวัดใหญ่ในคน ไวรัส H5N1 หรือไข้หวัดนกที่เคยระบาดมาแล้ว และไวรัสไข้หวัดใหญ่สุกร ซึ่งเรียกชื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า H1N1 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อโรคระบาดในครั้งนี้เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้จะคล้ายกับอาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไป คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก ถ้าผู้ป่วยเป็นคนร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีโรคเกี่ยวกับปอดอยู่แล้ว จะทำให้อาการทรุดหนักอย่างรวดเร็ว คือ มีไข้สูงมาก หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ และเสียชีวิตได้ แต่ถ้าผู้ป่วยมีภูมิต้านทานสูง เป็นคนร่างกายแข็งแรง เมื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ รับประทานยาแก้ไข้ตามปกติ ก็จะสามารถหายป่วยได้เอง

ความน่ากลัวของโรคนี้ไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงของโรค แต่อยู่ที่ความรวดเร็วในการแพร่ระบาด เนื่องจากสามารถติดกันได้อย่างง่ายดาย ด้วยการไอ จาม รับน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วย แบบเดียวกับการแพร่กระจายของไข้หวัดทั่วไป เพียงแค่ไม่กี่วันที่เชื้อไวรัสตัวนี้เริ่มแพร่ระบาดในประเทศเม็กซิโก ก็มีผู้ติดเชื้อไปหลายพันคน มีผู้เสียชีวิตกว่าร้อยราย จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หมายถึงให้ทุกประเทศทั่วโลกเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่เพียง 3 เดือนหลังจากนั้น สถานการณ์การระบาดของโรคนี้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก อยู่ในระดับ 6 คือ ระบาดทั่วโลก มี 138 ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมกว่า 113,148 คน แต่ถ้านับจนถึงปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อแล้วถึง 1,441,409 ราย และเสียชีวิตไป 12,009 ราย ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ 29,370 ราย และเสียชีวิต 189 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

5. กระแสคลั่งแพนด้าหลินปิง

ตั้งแต่ประเทศจีนได้ให้ประเทศไทยยืม ช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย สองแพนด้ายักษ์ มาเลี้ยงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ในปี พ.ศ.2546 ไทยก็ได้เลี้ยงดูไว้อย่างดี และกลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสิ่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยเติบโตเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ก็มีความพยายามทุกวิถีทางให้ทั้งคู่ผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องหันมาเลือกใช้วิธีผสมเทียมในปี พ.ศ.2550 แต่ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน

กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้มีการทดลองผสมเทียมทั้งคู่อีกครั้ง คราวนี้สำเร็จ หลินฮุ่ยตั้งท้องและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม ลูกแพนด้าตัวน้อยก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ท่ามกลางความสนใจของผู้คนทั่วโลก สื่อทุกแขนงเฝ้าติดตามการเจริญเติบโตของแพนด้าน้อยอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะน้ำหนัก สีขน จำนวนฟัน ทุกอย่างล้วนถูกรายงานผ่านสื่ออย่างละเอียดยิบ ข่าวและภาพของแพนด้าน้อยครองพื้นที่สื่อเกือบทั้งหมดเป็นเวลาติดต่อกันนับเดือน มีการประกวดตั้งชื่อให้กับแพนด้าน้อย โดยให้ประชาชนส่งไปรษณียบัตรมาร่วมโหวตชื่อที่ชอบ มีผู้ร่วมโหวตทั้งหมดมากกว่า 20 ล้านฉบับ และสุดท้ายก็ได้ชื่อ หลินปิง มาเป็นชื่อให้กับแพนด้าน้อยตัวนี้

หลินปิงกลายเป็นแม่เหล็กยักษ์ดึงดูดทุกคนให้พุ่งเข้าหา ไม่ว่าจะเป็นคนดัง ไฮโซ ดารานักร้อง สื่อมวลชน นักการเมือง นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทุกคนต่างดั้นด้นมายืนถ่ายรูปคู่กับหลินปิง ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ที่ทรุดหนักจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง ได้ฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้สวนสัตว์อื่นๆ ต้องเกาะกระแสคลั่งหลินปิงด้วยการทาสีแปลงร่างสัตว์ของตนให้กลายเป็นแพนด้า เพื่อเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวบ้าง รอบปีนี้จึงเกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่ขึ้นในประเทศไทยอีกหลายสายพันธุ์ เช่น ช้างแพนด้า หมาแพนด้า แมวแพนด้า หมูแพนด้า ควายแพนด้า หรือแม้กระทั่งจระเข้แพนด้าก็ยังมี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

6. ทักษิณเป็นที่ปรึกษากัมพูชา

หลังจากที่ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหาร ก็ต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ประเทศต่างๆ โดยมีฐานสำคัญอยู่ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ระยะหลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มมีทีท่าไม่พอใจที่ทักษิณใช้ประเทศตนเป็นฐานแทรกแซงการเมืองในประเทศไทย ทักษิณจึงต้องเล็งหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะนี้กัมพูชากำลังมีปัญหากับประเทศไทยอยู่หลายเรื่อง ทักษิณจึงตกลงใจร่วมมือกับฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยทักษิณได้ทั้งแหล่งทำมาหากินใหม่ และได้ฐานดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่สะดวกสบายกว่าเดิม ส่วนฮุน เซน ก็หวังจะได้ทั้งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและเขาพระวิหาร เป็นอันสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

จากคำกล่าวที่ว่ากัมพูชาคือฮุน เซน ทำให้ในวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีพระบรมราชโองการจากกษัตริย์กัมพูชา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซน ทันทีที่คนไทยทราบข่าว ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เพราะกัมพูชากำลังมีข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างหนักกับไทย คำถามคือ ระหว่างผลประโยชน์ของกัมพูชาที่ทักษิณเป็นที่ปรึกษา กับผลประโยชน์ของประเทศไทย ทักษิณจะเลือกช่วยเหลือใคร

รัฐบาลไทยตอบโต้กรณีนี้โดยออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลกัมพูชา เพื่อขอทบทวนพันธกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย เนื่องจากทักษิณนั้นรู้ข้อมูลต่างๆ เป็นอย่างดี จึงอาจทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ได้ พร้อมกับเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศด้วย แต่ดูเหมือนทักษิณและฮุน เซน จะไม่ใส่ใจในท่าทีของไทย เพราะทักษิณยังคงเดินทางเข้ารับตำแหน่งที่ประเทศกัมพูชา และฮุน เซน ก็ให้การต้อนรับอย่างใหญ่โต พร้อมกับปฏิเสธคำขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่รัฐบาลขอไปอย่างสิ้นเชิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

7. เขมรจับกุมวิศวกรไทย

เมื่อทักษิณ ชินวัตร เดินทางถึงกัมพูชาในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชาและที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ได้มีข่าวออกมาในอีก 2 วันต่อมาว่า กัมพูชาได้ขับไล่คำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา กลับประเทศไทย และจับกุมตัวศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรหนุ่มชาวไทยที่ทำงานบริษัท CATS ในกรุงพนมเปญ ด้วยข้อหาจารกรรมข้อมูลเที่ยวบินของทักษิณ ซึ่งฮุน เซน ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของประเทศกัมพูชา

ทางการกัมพูชาดักฟังโทรศัพท์ของสถานทูตไทยจึงทำให้รู้ว่า คำรบได้โทรไปสอบถามเที่ยวบินของทักษิณจากศิวรักษ์ จึงได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 2 คนไว้ ด้านนางสิมารักษ์ ณ นครพนม แม่ของศิวรักษ์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการช่วยเหลือศิวรักษ์ออกมาจากคุกให้เร็วที่สุด ซึ่งก็ได้รับความเห็นใจจากชาวไทยไปอย่างท่วมท้น แต่เมื่อมีการพิจารณารายละเอียดกันสักพัก ก็พบความผิดปกติอยู่หลายประการ เช่น เที่ยวบินของทักษิณเป็นสิ่งที่ต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อจัดการจราจรทางอากาศตามหลักการบินสากล จึงไม่ใช่ความลับ ศิวรักษ์ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทที่จัดการจราจรทางอากาศให้กับกัมพูชา จึงเป็นหน้าที่ของศิวรักษ์อยู่แล้วที่จะต้องรู้เที่ยวบินของทักษิณและไม่มีความจำเป็นต้องขโมยข้อมูลใดๆ ส่วนคำรบซึ่งทำหน้าที่เลขานุการทูตประจำกัมพูชา ก็จำเป็นอยู่แล้วที่จะต้องรู้ว่าทักษิณซึ่งถือเป็นนักโทษหนีคดีของไทย ได้เดินทางเข้าออกประเทศกัมพูชาในเวลาใด ที่สำคัญที่สุด เวลาที่ได้มีการโทรสอบถามข้อมูลกันนั้น เป็นเวลาหลังจากที่ทักษิณได้เดินทางถึงประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว และได้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ของกัมพูชากันอย่างเอิกเกริก จึงยิ่งไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด

ประกอบกับท่าทีในระยะหลังของนางสิมารักษ์ซึ่งไม่ยอมรับความช่วยจากรัฐบาล ไม่พยายามต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย และขอให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับทักษิณช่วยขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งหลังจากติดอยู่ในคุกเขมรอยู่ร่วมเดือน ศาลกัมพูชาก็ตัดสินให้ศิวรักษ์มีความผิดจริง ต้องโทษจำคุก 7 ปี และปรับอีก 85,000 บาท แต่อีกไม่กี่วันหลังจากนั้น กษัตริย์กัมพูชาก็พระราชทานอภัยโทษให้กับศิวรักษ์จริงเช่นกัน

ก่อนที่ศิวรักษ์จะเดินทางกลับประเทศไทยนั้น ฮุน เซน ได้จัดพิธีปล่อยตัวให้กับนักโทษจารกรรมข้อมูลสำคัญอย่างใหญ่โตราวกับเป็นวีรบุรุษของชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ทักษิณผู้ถูกจารกรรมข้อมูลซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัว รวมทั้งบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังได้เดินทางมาร่วมในพิธีนี้กันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับมาต้อนรับเพื่อนกลับบ้าน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเกิดข้อครหาว่า นี่คือละครฉากใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของไทย พร้อมๆ ไปกับสร้างภาพฮีโร่ให้ทักษิณ ซึ่งถ้ามันเป็นละครจริง ก็คงเป็นได้แค่ละครหลังข่าวของประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศ เพราะมันมีแต่บทน้ำเน่า กำกับการแสดงห่วย และตัวแสดงก็เล่นกันไม่สมบทบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

8. สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกยิง

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตเจ้าของสื่อเครือผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเขาคือแนวหน้าในการต่อสู้กับระบอบทักษิณมาเป็นเวลาหลายปี ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลังสนธิยังเอาตัวเองเข้ามาขวางทางโตของกลุ่มอำนาจใหม่ทั้งพวกนักการเมืองสีน้ำเงินและพลพรรคทหารใหญ่ ทำให้เขาถูกหมายหัวจากฝ่ายตรงข้าม

หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ป่วนกรุงเทพมหานครในช่วงสงกรานต์ จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น บรรดาผู้หวังให้สนธิ ลิ้มทองกุล หมดลมหายใจ จึงอาศัยช่วงชุลมุนนี้ ลงขันว่าจ้างมือปืนขนอาวุธสงครามเต็มอัตรามาประกบยิงใส่รถตู้ที่สนธินั่งมาทำงานตามปกติตอนเช้ามืดของวันที่ 17 เมษายน ลูกกระสุนปืนกว่าร้อยนัดที่สาดใส่จนรถตู้พรุนไปทั้งคัน กลับถากตัวสนธิไปหมด มีเพียงสะเก็ดเล็กน้อยที่ฝังเข้าไปในหัว ซึ่งก็ได้รับการผ่าเอาออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนขับรถและผู้ติดตามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเวลาต่อมาก็ได้รับการรักษาจนหายเช่นกัน

ยากเหลือเกินที่จะมีการฆาตกรรมใดอุกอาจไปกว่า การใช้อาวุธสงครามจำนวนมากยิงถล่มบุคคลสำคัญ บริเวณใจกลางพระนคร ระหว่างที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งมีทหารประจำการอยู่ตามจุดสำคัญๆ ทั่วกรุง แต่คนร้ายที่กระทำการอุกอาจเช่นนี้กลับหนีลอยนวลไปได้ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหมดปัญญาจะตามตัวมารับโทษทัณฑ์ จึงกลายเป็นเรื่องถกเถียงของคนในสังคมถึงตัวการที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีกำลังภายในสูงจนสามารถกลายร่างเป็นตอขนาดใหญ่ขวางกระบวนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เอาไว้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

9. ทวงคืนพื้นที่เขาพระวิหาร

ช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยกับกัมพูชามีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องเขาพระวิหารมาโดยตลอด เนื่องจากกัมพูชาพยายามรุกล้ำเข้ามาตั้งมั่นอยู่ในบริเวณซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อน ทั้งตั้งกองกำลัง สร้างหมู่บ้าน สร้างวัด แล้วอ้างสิทธิเหนือพื้นที่นั้น ห้ามไม่ให้ฝ่ายไทยเข้าไป ในขณะที่รัฐบาลไทยและกองทัพก็ไม่กระตือรือร้นจนถึงขั้นวางเฉย ทำให้กัมพูชาได้ใจและยื่นเรื่องต่อยูเนสโกเพื่อขอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนโดยรอบตัวปราสาทเขาพระวิหารไปอีกเป็นจำนวนมาก

เมื่อกลางปีที่ผ่านมารัฐบาลเริ่มทนแรงกดดันไม่ไหว จึงต้องยื่นขอคัดค้านการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และขอขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกร่วมกันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีการผลักดันให้ฝ่ายกัมพูชาถอนออกจากพื้นที่ทับซ้อน ได้แต่ตรึงกำลังทหารกันไว้ทั้งสองฝ่าย

ทำให้ภาคประชาชนผู้รักชาติและหวงแหนแผ่นดินไทยทนไม่ไหว ต้องรวมตัวกันหลายร้อยคนในวันที่ 19 กันยายน เพื่อเดินทางไปเขาพระวิหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์ทวงคืนที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหารซึ่งถูกกัมพูชารุกเข้าครอบครอง แต่กลับถูกประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ปักหลักอยู่บริเวณโรงเรียนภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ออกมาขัดขวาง จนกระทั่งเกิดการปะทะกัน บาดเจ็บไปทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ทางฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเช่นเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

10. ไฟไหม้ซานติก้า

โดยปกติแล้ว ปีใหม่คือเทศกาลแห่งความรื่นเริง เฉลิมฉลอง และส่งความสุขให้แก่กัน แต่เทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2552 กลับเป็นช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก ร่ำไห้ และการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของหลายๆ คนที่ได้ไปร่วมเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ในซานติก้า ผับหรูกลางซอยเอกมัย เมื่อค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2551 ก้าวข้ามมาจนถึงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2552

ในขณะที่นักเที่ยวหลายร้อยคนกำลังเต้นรำอย่างเมามัน และเตรียมพร้อมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ก็ได้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นบริเวณฝ้าเพดานของร้านซึ่งเกิดจากพลุเอ็ฟเฟคที่ยิงขึ้นไป แล้วลุกลามไปหน้าเวที ทำให้นักเที่ยวแตกตื่น วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ทางออกที่คับแคบไม่เพียงพอกับจำนวนนักเที่ยวหลายร้อยคนที่กรูไป จึงเกิดการหกล้มและเหยียบกันไปมา ประกอบกับไฟฟ้าได้ดับลงจนมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วเพียงไม่กี่นาทีต่อมาทั้งร้านก็ตกอยู่ในกองเพลิง ภายในร้านเต็มไปด้วยไฟและควัน ส่วนภายนอกร้านหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยกำลังทำงานอย่างเต็มที่ จนสามารถควบคุมเพลิงและฝ่าเข้าไปในร้านได้ในอีกชั่วโมงต่อมา

ศพแล้วศพเล่าที่ดำเป็นตอตะโกถูกลำเลียงออกมากองไว้หน้าร้าน บางรายเสียชีวิตในท่าตะเกียกตะกายด้วยความทรมาน ภาพอันน่าสยดสยองเหล่านี้ถูกบันทึกไว้โดยสื่อมวลชนและกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ในภายหลัง สร้างความสลดสะเทือนใจให้กับคนไทยในเทศกาลปีใหม่นี้เป็นอย่างมาก รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถึง 64 ราย กับผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 300 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

11. ไมเคิล แจ็คสัน ตาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉายา "King of pop" ของไมเคิล แจ็คสัน นั้นมาจากความสามารถส่วนตัวบวกกับการอยู่ยงคงกระพันในวงการดนตรีโลกมาอย่างยาวนาน แม้ในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมาไมเคิลจะไม่มีอัลบัมใหม่ และไม่มีการแสดงคอนเสิร์ตใดๆ เลย แต่แฟนเพลงทุกคนก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เห็นได้จากเมื่อประกาศกลับมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในชีวิต เพื่อหาเงินมาล้างหนี้สินจำนวนมหาศาล ซึ่งเตรียมไว้ 10 รอบ บนสนามโอทูอารีน่าขนาดมหึมากลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็มีแฟนเพลงจากทั่วโลกแห่กันไปซื้อตั๋วจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ไมเคิลต้องเพิ่มรอบการแสดงเป็น 50 รอบ

ผู้คนทั่วโลกต่างเฝ้ารอชมการแสดงรอบแรกที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ เช่นเดียวกับไมเคิลที่เฝ้ารอคอยและหวังอย่างยิ่งว่าจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งก่อนจะลาจากวงการไป ไมเคิลและทีมงานจึงทุ่มเทซักซ้อมอย่างแข็งขัน ทั้งที่เขามีปัญหาสุขภาพและต้องใช้ยาแก้ปวดมาตลอดเป็นเวลานับสิบปี

แต่แล้วเรื่องช็อคโลกก็เกิดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน เมื่อไมเคิลถูกหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่ทันการ ไมเคิลได้สิ้นใจลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน จากการชันสูตรศพพบว่ามียาแก้ปวดอยู่ในกระแสเลือดของไมเคิลเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดอาการช็อคและหัวใจล้มเหลว ซึ่งในทางกฎหมายต้องสืบสวนกันต่อไปว่ายาเหล่านี้มาจากไหนและเข้าไปในร่างกายของไมเคิลได้อย่างไร แต่ในสำหรับวงการดนตรีของโลก ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ในพิธีศพของไมเคิลมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก มีบุคคลสำคัญจากทุกวงการไปร่วมไว้อาลัยให้กับราชาเพลงป๊อป ที่จากไปแต่ร่างกาย แต่ผลงานและชื่อเสียงจะยังคงอยู่กับโลกนี้ต่อไปอีกนานแสนนาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง


12. นาธานลวงโลก

นาธาน โอมาน นักร้องสังกัดอาร์เอส ชายหนุ่มผู้กำเนิดที่ประเทศเนปาล และมีประวัติในวัยเด็กอันโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นการตะลุยป่าหิมพานต์ ซ่อนแอบในโลงศพมัมมี่ ผจญกองโจรทะเลทราย ฝึกพูดจนพูดได้ถึง 5 ภาษา หนีเข้าประเทศไทยจนได้มาเป็นนักร้อง และมาโด่งดังสุดๆ เมื่อรอดชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ของไทยในปี พ.ศ.2547 กับได้ออกรายการเจาะใจตอนพาน้องอ้อมเด็กดักแด้ไปเที่ยวทะเล แต่หลังจากนั้นข่าวคราวของนาธานก็ค่อยๆ จางหายไปจากหน้าสื่อ

จนกระทั่งมาเป็นข่าวเกรียวกราวอีกครั้งเมื่อกลางปีนี้ที่นาธานออกมาเปิดเผยว่า ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ฮอลีวูดเรื่อง The Prince Of Red Shoe ของค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ ที่มีวูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน เป็นผู้กำกับ มีบรูซ วิลลิส และคริสติน่า ริชชี่ เป็นตัวแสดงนำ เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แบ่งฉาย 3 ภาค ลงทุนเป็นพันล้านบาท นาธานได้ค่าตัวเกือบร้อยล้านบาท และต้องไปถ่ายทำหลายประเทศในแถบตะวันออกกลาง ข่าวนี้ทำให้คนไทยตื่นเต้นดีใจมาก ที่จะมีดาราไทยโกอินเตอร์ได้สำเร็จแบบจริงๆ จังๆ เสียที แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนไปค้นหาข้อมูลของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่พบอะไรเลย จึงเกิดข้อกังขาว่าเป็นข่าวจริงหรือหลอก ประกอบกับภาพเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ที่นาธานนำออกมาเผยแพร่ ก็มีคนจับได้ว่ามันคือภาพถ่ายในเทศกาล Burning Man 2005 ไม่ใช่เบื้องหลังการถ่ายทำอย่างที่กล่าวอ้าง แต่นาธานก็ยังออกมายืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาได้แสดงภาพยนตร์ฮอลีวูดจริง จึงทำให้เกิดกระแสคุ้ยหาความจริงกันขึ้นมา โดยเฉพาะผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปที่ตั้งตัวเป็นนักสืบพันทิป และสื่อมวลชนอีกหลายสำนักช่วยกันค้นหาหลักฐานคนละอย่างสองอย่าง จนกระทั่งนำมาปะติดปะต่อได้ว่า นาธาน โอมาน คือจอมลวงโลกที่สุดในรอบปี พ.ศ.2552

นาธาน โอมาน มีชื่อโดยกำเนิดว่าธัญญวัฒน์ หยุ่นตระกูล เกิดและโตที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อแม่เป็นไทยแท้ ไม่มีเชื้อสายเนปาล ไม่เคยไปผจญภัยหลุดโลกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น และไม่ปรากฏภาพยนตร์เรื่อง The Prince Of Red Shoe อยู่ในสารบบการสร้างของทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น หลายฝ่ายยังได้ช่วยกันออกมาแฉพฤติกรรมลวงโลกเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมหุ้นทำร้านอาหารที่อ้างว่าถูกนาธานโกงเงิน อดีตแม่บ้านของนาธานที่อ้างว่าถูกนาธานหลอกให้จำนองที่ดินเอาเงินมาให้นาธานยืนแล้วไม่ยอมใช้คืน ยายของน้องอ้อมเด็กดักแด้ที่ออกมาเปิดเผยว่านาธานมายืนเงินน้องอ้อมไปหลายครั้งแล้วไม่คืน ลูกทัวร์เนปาลที่นาธานเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ก็ออกมาแฉว่าจ่ายเงินครบเป็นปีแล้วแต่ยังไม่ได้ไปทัวร์ หรือแม้แต่น้าสาวแท้ๆ ของปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง อดีตนักร้องค่ายเดียวกับนาธาน ก็ยังถูกนาธานหลอกเอาเงินไป สารพัดบุคคลและหลักฐานที่ถูกนำออกมาแฉ แต่นาธานก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิมว่าเขาไม่ได้ทำ เขาไม่ผิด เขาไม่เคยหลอกลวง และเขาพูดความจริงทุกอย่าง จึงทำให้สังคมยอมรับไม่ได้ และนาธานต้องพาตัวเองหนีไปซ่อนตัวอยู่ตามชนบทในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

13. เคอิโงะตามหาพ่อ

ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สื่อมวลชนหลายแห่งได้รายงานข่าวว่า ที่วัดท่าหลวง ในตัวเมืองจังหวัดพิจิตร มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ปี มานั่งตามหาพ่อ โดยมีเพียงรูปถ่ายใบเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นหลักฐานได้ ยิ่งเมื่อนักข่าวสอบถามรายละเอียดก็ยิ่งพบความน่าเวทนา เมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกครึ่ง มีพ่อชื่อ คัทซูมิ ซาโต เป็นชาวญี่ปุ่นที่กลับประเทศไปตั้งแต่เคอิโงะยังแบเบาะ ส่วนแม่เป็นคนพิจิตรเข้ามาทำงานที่กรุงเทพมหานคร ทิ้งให้เคอิโงะอยู่กับญาติๆ จนเมื่อปี พ.ศ.2551 เกิดป่วยหนักจึงกลับมาอยู่ที่พิจิตร ทั้งสองคนพากันมานั่งอยู่หน้าอุโบสถวัดท่าหลวง เพื่อดักรอนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น แล้วเอารูปคัทซูมิให้ดูเผื่อจะมีใครรู้จัก แต่ก็ไม่เคยได้รับข่าวดีเลย จนกระทั่งแม่ของเคอิโงะเสียชีวิตลงในเดือนเมษายน เคอิโงะก็มานั่งรอพ่ออยู่เพียงลำพัง สร้างความเวทนาให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

เรื่องราวที่น่าสงสารประกอบกับความน่ารักน่าเอ็นดูของเคอิโงะ ทำให้สื่อมวลชนช่วยกันประโคมข่าว จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องโด่งดังไปทั้งประเทศ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ จึงพุ่งมาที่เคอิโงะอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระเมตตารับสั่งให้รองราชเลขาธิการสอบถามความคืบหน้า ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรและสถานทูตไทยในประเทศญี่ปุ่นประสานกับทางการและสื่อมวลชนในญี่ปุ่นช่วยกันค้นหาจนเจอตัวคัทซูมิ ซาโต แต่น่าเสียดายที่เขาได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว จึงต้องขอเวลาสะสางปัญหาต่างๆ ก่อนจะบินมาพบกับเคอิโงะ

ชีวิตของเคอิโงะ เด็กตัวน้่อยๆ ที่ไม่เคยมีใครใส่ใจ กลายเป็นคนดังของสังคมไทยในเวลาเพียงไม่ถึงเดือน สื่อทุกสื่อรุมสัมภาษณ์ ถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ แม้กระทั่งจับมาทำอัลบั้มเพลงขาย เคอิโงะทำให้ทุกคนที่มุ่งหาประโยชน์จากตัวเขาได้สมหวัง แต่ตัวเขาเองกลับยังไม่สมหวังที่จะได้พบพ่อ จนกระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คัทซูมิ ซาโต ก็เดินทางมาถึงประเทศไทย โดยมีเคอิโงะไปรอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ สื่อมวลชนจำนวนมากไปเฝ้ารอถ่ายทอดสดการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคน ทำให้คนทั่วประเทศได้เห็นภาพการโผเข้ากอดกันของคนทั้งคู่ ปิดฉากการตามหาที่ยาวนานหลายปีลงด้วยน้ำตาจากความดีใจของคัทซูมิและเคอิโง ซาโต
ข่าวที่เกี่่ยวข้อง

14. พายุกิสนาถล่ม

26 กันยายนที่ผ่านมา พายุโซนร้อนกิสนาได้พัดเข้าถล่มกรุงมะนิลาเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์และปริมณฑล ทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและน้ำท่วมหนักไปทั่วทั้งเมือง เพียงแค่วันแรกก็มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบสิบราย และมีผู้อพยพไร้ที่อยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนมาก จากนั้นพายุได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น พัดทำลายประเทศฟิลิปปินส์จนราบเป็นหน้ากลอง จำนวนผู้เสียชีวิตเท่าที่สำรวจได้กว่าร้อยราย ส่วนจำนวนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยมากถึง 3 แสนราย ส่วนเวียดนามก็ได้รับผลไปด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย และต้องอพยพผู้คนอีกเป็นแสนรายเช่นเดียวกัน

ส่วนประเทศไทยก็ตื่นตัวเตรียมความพร้อมรับหางๆ ของพายุที่จะพัดผ่านทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของไทย ทางการประกาศให้ประชาชนเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์เพื่อรับภาวะน้ำท่วมกันอย่างคึกคัก แต่โชคดีที่พายุอ่อนกำลังลงแล้วเมื่อเข้าสู่ประเทศไทย จึงทำให้เกิดฝนตกทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มีน้ำท่วมประปราย แต่ไม่เกิดน้ำท่วมรุนแรงอย่างที่กลัวกัน

พายุกิสนาสำแดงพิษสงอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ สร้างความเสียหายให้กับประเทศในกลุ่มอาเซียนหลายประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว และไทย คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 400 ราย แต่ทำให้มีผู้อพยพไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 5 แสนราย ทำให้ทั่วโลกต้องระดมความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

15. แก๊งปาหินระบาด

ยังจำกันได้หรือไม่ว่าเมื่อปี พ.ศ.2547 โจ้ ม๊กจ๊ก ตลกร่างแคระ เคยถูกวัยรุ่นจังหวัดอยุธยา ปาก้อนหินใส่รถตู้มาถูกใบหน้าจนเสียชีวิต หลังจากนั้นข่าวทำนองนี้ก็เงียบหายไป จนกระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ก็มีข่าวอีกครั้งว่า วัยรุ่นจังหวัดอยุธยาที่คึกคะนองได้เอาก้อนหินขว้างใส่รถยนต์ที่วิ่งสวนมา จนมีบาดเจ็บเป็นจำนวนหลายคน

หลังจากนั้นก็มีข่าวเช่นเดียวกันที่จังหวัดสุพรรณบุรี ครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บหลายคนและมีผู้เสียชีวิตด้วย ต่อมาก็เกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นในอีกหลายๆ จังหวัด เช่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ลำปาง พังงา ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ชลบุรี นครปฐม ลพบุรี หรือแม้แต่กรุงเทพมหานคร เรียกได้ว่าทั่วประเทศจริงๆ

แก๊งปาหินทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ โจอี้ บอย นักร้องชื่อดัง ก็โดนแก๊งวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ปาหินใส่รถตู้ของเขา โชคดีที่คนขับสามารถควบคุมรถไว้ได้ และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ก็ทำให้กลายเป็นเรื่องหวั่นวิตกของผู้ใช้ถนนหนทาง จนหลายๆ คนต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงที่จะไม่เดินทางในเวลากลางคืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

16. เพชรา เชาวราษฏร์ คืนจอ

เมื่อเรียกมิตร ชัยบัญชา ว่าพระเอกตลอดกาลของไทย เพชรา เชาวราษฏร์ นางเอกคู่ขวัญของเขา ก็ต้องถูกเรียกว่า นางเอกตลอดกาลของไทยด้วยเช่นกัน เพราะเพชรา เชาวราษฏร์ ผู้มีฉายาว่า นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง มีผลงานการแสดงมากกว่า 300 เรื่อง ตลอดระยะเวลาระหว่าง พ.ศ. 2505 - 2521 หลายต่อหลายเรื่องโด่งดังและทำรายได้อย่างมากมาย ส่งผลให้เพชรากลายเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของไทย ยิ่งในช่วงที่จับคู่แสดงร่วมกับมิตร ชัยบัญชา จนกลายเป็น คู่ขวัญมิตร - เพชรา เธอโด่งดังมากๆ แต่ละเดือนมีคิวถ่ายภาพยนตร์ประมาณ 12 - 18 เรื่อง และแต่ละวันต้องวิ่งรอกเข้าฉากภาพยนตร์วันละ 3 - 4 เรื่อง

แต่ความดังก็กลายเป็นโทษ เมื่อดวงตาของเธอถูกใช้งานมากจนเกินไป จากบทที่ต้องร้องไห้บ่อยๆ จากแสงไฟในการถ่ายทำภาพยนตร์ และจากแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปที่รุมถ่ายเธอมาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ตาของเธอจึงเริ่มพล่าเบลอ และมืดลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถแสดงภาพยนตร์ได้อีกตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 และในที่สุดดวงตาของเธอก็บอดสนิทในปี พ.ศ.2524 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นเธอทางสื่อใดๆ อีกเลย

จนกระทั่งต้นปีนี้ เธอได้ให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ถึงแม้จะยังไม่เปิดเผยหน้าตา แต่ก็ได้ไปถ่ายทำและพูดคุยกันถึงในบ้านของเธอ ซึ่งจุดกระแสความคิดถึงเพชราได้เป็นอย่างดี ทำให้บริษัทมิสทีนรีบคว้าตัวเพชรามาแสดงภาพยนตร์โฆษณาเครื่องสำอาง ในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นวันออกฉายครั้งแรกทางสถานีโทรทัศน์ ผู้คนต่างเฝ้ารอดูการกลับมาอีกครั้งของเพชรา และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเธอยังคงความงามไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนที่เฝ้ารอดูถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความคิดถึง ทำให้ในวันต่อมา ชื่อของเพชรา เชาวราษฏร์ ปรากฏอยู่ในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ และกลายเป็นที่หัวเรื่องสำคัญที่คนไทยนำมาพูดคุยกัน
ข่าวที่เกี่ี่ยวข้อง

17. เครือข่ายสังคมออนไลน์บูม

ถ้าพูดถึง Social Network หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ คงมีหลายคนทำหน้างง แต่ถ้าบอกว่ามันคือรูปแบบของเว็บไซต์ hi5, facebook และ Twitter ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในยุคนี้คงต้องร้องอ๋อ และเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้วเป็นแน่

การสร้างเครือข่ายเพื่อนในเว็บไซต์ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมอย่างมากในปีนี้ เพราะมันสามารถทำให้เรามีเครือข่ายกว้างขวางได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเครือข่ายขยายตัวในลักษณะเดียวกับธุรกิจขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ที่แตกแขนงออกไปเรื่อยๆ ทำให้เราพบเจอเพื่อนใหม่ได้มากมายในแต่ละวัน และในบรรดาเว็บไซต์มากมายที่ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ที่ฝ่าด่านเข้ามาโด่งดังเป็นพลุแตกในบ้านเราก็คือ hi5 เรียกได้ว่าวัยรุ่นไทยที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตแทบทุกคนต้องเคยได้สัมผัสกับมันมาแล้ว แต่หลังจากกระแส hi5 ซาลงเพราะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น หากิ๊ก ขายบริการ ล่อลวงไปข่มขืน เป็นต้น ผู้คนจึงหนีไปเล่น facebook ที่มี application เด็ดๆ โดยเฉพาะเกมอยู่เป็นจำนวนมากแทน และที่กำลัง In trend ที่สุดในขณะนี้ก็ต้องเป็น twitter ที่แม้แต่คนระดับผู้นำประเทศของเรายังใช้กันอย่างแพร่หลาย

เว็บไซต์ที่ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกก็คือ facebook มีสมาชิกราว 350 ล้านคน รองลงมาก็คือ MySpace แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในเมืองไทย ส่วน hi5 มีสมาชิกประมาณ 80 ล้านคน และ Twitter มีสมาชิกประมาณ 44.5 ล้านคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

18. iPhone vs BlackBerry

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปแล้ว โดยเฉพาะคนในวัยรุ่นและวัยทำงานของไทย ถือเป็นผู้บริโภคหลักในตลาด โทรศัพท์มือถือรุ่นแล้วรุ่นเล่าถูกนำมาวางขายล่อกิเลส บางรุ่นขายดี บางรุ่นขายไม่ดี แต่มีอยู่ 2 รุ่นที่ขายดีจนกลายเป็นกระแสบ้าคลั่งทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย นั่นก็คือ iPhone จาก Apple และ BlackBerry จาก Research In Motion (RIM)

ในช่วงแรก iPhone สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ถึงขนาดต้องแย่งกันซื้อจนผลิตเครื่องขายไม่ทัน พ่อค้าโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครองก็ไม่รอช้า หิ้วเครื่องจากต่างประเทศมาขายในราคาสูงลิบลิ่วเกือบ 3 หมื่นบาท แต่ก็ยังขายดิบขายดี จนบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยต้องนำเข้ามาขายอย่างเป็นทางการในราคาที่แพงไม่น้อยหน้ากัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน BlackBerry หรือที่เรียกย่อๆ ว่า BB ก็ถูกส่งมาถล่ม iPhone ด้วยฟังก์ชั่นส่งข้อความสั้นถึง BB เครื่องอื่นได้โดยไม่เสียค่าบริการ ทำให้สามารถแชตกันได้อย่างเมามันไม่ต่างจากโปรแกรม MSN ในคอมพิวเตอร์ บวกกับราคาที่ถูกกว่า iPhone และดาราไฮโซเมืองไทยใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้เกิดกระแสคลั่ง BB ในหมู่วัยรุ่นไทยตามมาในเวลาอันรวดเร็ว

iPhone ทำยอดขายทั่วโลกตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบันไปแล้วกว่า 33 ล้านเครื่อง แต่ในปีนี้ถูก BlackBerry ทำยอดขายแซง โดย BlackBerry ทำยอดขายรวมตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้ถึง 65 ล้านเครื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

19. โรนัลโด้ย้ายทีม

เชื่อว่าแฟนกีฬาฟุตบอลทุกคนต้องรู้จัก คริสเตียโน โรนัลโด้ นักเตะชาวโปรตุเกสที่ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อมาร่วมทีมเมื่อปี พ.ศ.2546 ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ เขาโชว์ผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของ Ballon d'Or และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของ FIFA ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดรางวัลของนักฟุตบอล มาครองได้ในปี พ.ศ.2551 เวลานั้นแทบปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาผู้นี้คือนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก

แน่นอนว่าทีมฟุตบอลที่มีเงินถุงเงินถังอย่าง รีล มาดริด ของสเปน ย่อมต้องสนใจที่จะคว้าตัวโรนัลโด้มาร่วมทีม ซึ่งก็ได้ตามจีบกันอยู่นาน แต่โรนัลโด้ก็ยังไม่ตกลงใจ ในขณะที่ทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่อยากเสียยอดนักเตะคนนี้ไป สุดท้ายในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รีล มาดริด จึงตัดสินใจทุ่มเงินอย่างบ้าระห่ำจำนวน 80 ล้านปอนด์ หรือ 4,000 ล้านบาท ซื้อโรนัลโด้มาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้สำเร็จ

นักฟุตบอลคนหนึ่งซึ่งมีค่าตัว 4,000 ล้านบาท หรือกว่า 4 เท่าของงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานพัฒนาสุขภาพของประชาชน ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไทยในปีนี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า นี่คือการทำลายโครงสร้างราคานักเตะ และจะทำให้ทีมฟุตบอลเล็กๆ ที่ไม่สามารถทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อตัวนักเตะ ต้องล่มสลายลงในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

20. เปิดรถไฟฟ้าฝั่งธนบุรี

มันน่าน้อยใจแค่ไหนสำหรับคนฝั่งธนบุรี ที่เห็นรถไฟฟ้าบีทีเอสวิ่งฉิวไปฉิวมาอยู่บนฝั่งพระนคร โดยที่สถานีสุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน จากปี พ.ศ.2542 ที่เริ่มเปิดให้บริการ เวลาผ่านมาจนเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไป 6 คน และผู้ว่าฯ กทม. อีก 4 คน ก็ยังไม่สามารถสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งธนบุรีได้สำเร็จ

จนกระทั่งปี พ.ศ.2552 ฝันของคนฝั่งธนบุรีก็เป็นจริง เมื่อการก่อสร้างดำเนินมาจนสามารถทดลองวิ่งได้ในเดือนเมษายน และเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้บริการเป็นครั้งแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 23 สิงหาคม

แม้มันจะเป็นระยะทางสั้นๆ ที่ต่อมาจากสถานีสะพานตากสิน เพียง 2.2 กิโลเมตร และมีเพียง 2 สถานีเท่านั้น คือ สถานีกรุงธนบุรี และสถานีวงเวียนใหญ่ แต่มันก็ช่วยให้คนฝั่งธนบุรีไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อหนีรถติดบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือแย่งกันขึ้นเรือข้ามฟาก รอมา 10 ปี ได้แค่นี้ก็ดีใจกันจนแทบน้ำตาไหลแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

https://news.myfirstinfo.com

 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 923 วันที่ 19 ธ.ค. 2552

ขายดีมากครับคุณครู (พร้อมส่ง) เครื่องเคลือบบัตรA4 รุ่นSL200 เครื่องเคลือบกระดาษA4 A3 A5 ABSป้องกันการ์ด ในราคา ฿368 - ฿999 ที่ Shopee

https://s.shopee.co.th/4VLvxbi7ho?share_channel_code=6


....."20 ข่าวดังแห่งปี 2552"..........20ข่าวดังแห่งปี2552.....

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ให้สิ่งใด...ได้รับสิ่งนั้น

ให้สิ่งใด...ได้รับสิ่งนั้น


เปิดอ่าน 7,156 ครั้ง
บริหารอารมณ์

บริหารอารมณ์


เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง
ผญา  (ปรัชญา)  คำสอน

ผญา (ปรัชญา) คำสอน


เปิดอ่าน 16,225 ครั้ง
อัญมณี.....แห่งความมั่งคั่ง

อัญมณี.....แห่งความมั่งคั่ง


เปิดอ่าน 7,161 ครั้ง
ที่หลวง...ไม่ใช่ที่หวง

ที่หลวง...ไม่ใช่ที่หวง


เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง
4 วิธีมองหารักจริง

4 วิธีมองหารักจริง


เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

โบกมือลาคอเลสเตอรอล.. .กันเถอะ

โบกมือลาคอเลสเตอรอล.. .กันเถอะ

เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เทคนิคเพิ่มความสดใส
เทคนิคเพิ่มความสดใส
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย

เคล็ดลับหุ่น......สวยด้วยบันได 10 ขั้น
เคล็ดลับหุ่น......สวยด้วยบันได 10 ขั้น
เปิดอ่าน 7,155 ☕ คลิกอ่านเลย

6 วิธี......ที่ช่วยพยุ่งใจในวันที่อ่อนล้า!!
6 วิธี......ที่ช่วยพยุ่งใจในวันที่อ่อนล้า!!
เปิดอ่าน 7,161 ☕ คลิกอ่านเลย

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการถือศีล-อด
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการถือศีล-อด
เปิดอ่าน 7,157 ☕ คลิกอ่านเลย

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
เปิดอ่าน 7,162 ☕ คลิกอ่านเลย

วันลอยกระทง
วันลอยกระทง
เปิดอ่าน 7,185 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

5 ทางเลือกเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบ New-Normal
5 ทางเลือกเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบ New-Normal
เปิดอ่าน 16,373 ครั้ง

เด็กชายใช้เงินหมดทุกสัปดาห์ พ่อสงสัยแอบตามสืบ แต่กลับพบสิ่งไม่คาดคิด
เด็กชายใช้เงินหมดทุกสัปดาห์ พ่อสงสัยแอบตามสืบ แต่กลับพบสิ่งไม่คาดคิด
เปิดอ่าน 10,626 ครั้ง

รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด
เปิดอ่าน 15,035 ครั้ง

การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ
การจัดคนเข้าพักบ้านราชการ
เปิดอ่าน 36,070 ครั้ง

กลุ่มคน 1%ของโลก ครอบครองทรัพย์สินกว่าครึ่งโลก
กลุ่มคน 1%ของโลก ครอบครองทรัพย์สินกว่าครึ่งโลก
เปิดอ่าน 11,352 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ