Advertisement
ตายแล้วไปไหน?....
คำถามที่ว่าตายแล้วไปไหนนั้น เป็นคำถามยอดฮิตในทุกยุคทุกสมัย คำตอบนี้ไม่มีใครตอบได้อย่างแท้จริง เพราะคำถามนี้ไม่มีใครตอบได้ดีที่สุดนอกจากตัวเรา นั่นหมายความว่าตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่เราทำอะไรเอาไว้ด้วยเจตนาอย่าไรตายไปก็ไปอย่างนั้น หรือแม้แต่ว่ามีผู้สอนว่าก่อนตายเราละลึกถึงสิ่งใดเราก็จะไปยังภพภูมินั้น เช่นก่อนตายเรานึกถึงสวรรค์เราก็ไปสุ่สวรรค์อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่คำถามที่ต้องถามต่อว่าเราจะอยู่บนสวรรค์ได้จริงหรือไม่เมื่อจิตของเราออกจากร่างแล้วไปสู่สวรรค์ตามที่นึกไว้ก่อนตายก็เป็นคนละเรื่อง ก่อนตายนึกถึงสวรรค์ตายไปแล้วไปสู่สวรรค์ก็เรื่องหนึ่ง ตายไปแล้วจิตเราไปถึงสวรรค์ตามที่นึกไว้แล้วอยู่บนสวรรค์ได้หรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง
จิตของผู้ก่อบาปกรรมอาจจะไปสู่สวรรค์หรือไปสู่สุคติได้ก็จริง แต่จิตชั่วมีอนุสัยหนักอยู่ในจิตตนจะทำให้พื้นสวรรค์ทรุดตนเองก็ตกจากสวรรค์ตรงลอยที่ทรุดด้วย แล้วสวรรค์ก็สร้างพื้นอดรอยที่ทรุดได้เองโดยอัตโนมัติ นั่นหมายความว่า คำสอนที่ว่าไม่ว่าเราทำอะไรมาก็ตามทำชั่วมาแค่ไหนก็ตาม พอก่อนตายเรานึกถึงสวรรค์จะได้ไปสู่สุคติเป็นอะไรที่ทำง่ายไป หากทำได้จริงจะเป็นการเอาเปรียบคนที่บำเพ็ญเพียรด้วยความขยันหมั่นเพียรและอดทนเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับคนที่ทำดีมาชั่วชีวิตก่อนตายอาจจะไปนรกหรือทุคติก็จริง แต่อยู่ในนรกได้ไม่นาน บุญกุศลที่ตนสร้างเอาไว้ชั่วชีวิตจะทำให้รอดจากทุกคติไปสู่สุคติได้โดยง่าย
หลักการพิจารณาด้วยความรู้สึกจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้โดยง่าย คือตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เรามีสภาพร่างกายเป็นอย่างไรตอนตายเราจะไปอยู่ในสภาพเช่นนั้น เช่นก่อนตายเราป่วยเป็นคนอมโรค โดยเฉพาะยิ่งถ้าเราพยายามปิดบังอำพรางอาการป่วยของเรามิให้คนรับรู้ความจริง เมื่อเราตายไปแล้วเราจะไปสู่ทุคติ เพราะตอนมีชีวิตอยู่ยังใช้บาปกรรมยังไม่หมดสิ้น แล้วไม่มีทางหมดสิ้นอีกทั้งยังสร้างกรรมอันเป็นบาปเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ในทางกลับกันถ้าสุขภาพร่างกายของผู้ใดดี แข็งแรงสม่ำเสมอจนตราบเท่าวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อตายไปจิตของผู้นั้นจะไปสู่สุคติ ที่เขียนมานี้เป็นหลักการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น ยังมิได้นำเหตุปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการทำให้เราตายแล้วไปไหนเข้ามาประกอบการพิจารณา เช่นการสร้างบาปกรรมอย่างร้ายแรงขึ้นมาในปัจจุบันทันด่วนเป็นต้น
หากเราอยากรู้ว่าตายแล้วไปไหน ให้เราถามว่าขณะปัจจุบันนี้เราทำอะไรอยู่ สิ่งที่เนราทำอยู่ในปัจจุบันแล้วจะทำขึ้นในอนาคตมีเจตนาอย่างไร คำถามที่ถามตนเองนั้นจะเป็นคำตอบในตนเองอยู่แล้ว หากเราอย่างให้ตนเองเมื่อตายไปแล้วไปสู่สุคติก็ทำอย่างหนึ่ง แต่ถ้าตายไปแล้วยังไม่อยากไปสู่สุคติยังประสงค์ที่จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏก็ทำด้วยเจตนาอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นการจะไปสู่สุคติหรือไม่เราเท่านั้นเป็นผู้กำหนด เมื่อเราเป็นผู้กำหนดเราทุกคนจึงจำเป็นต้องรู้แล้วรู้อยู่แต่เนิ่น ๆ ว่าตายแล้วไปไหน ไปสู่สุคติหรือทุกคติแล้วแต่ตามใจปรารถนา เช่นผู้เขียนเองก็รู้แล้วตั้งแต่ขณะนี้แหล่ะว่าตายแล้วผู้เขียนไปไหน ทั้งนี้เป็นเพราะผู้เขียนกำหนดมันขึ้นมาเอง ตอนนี้ก็เหลือแต่รอเวลานั้นมาถึงเท่านั้น แล้วผู้เขียนก็พร้อมอยู่แล้วที่จะให้เวลานั้นมาถึง
ฉะนั้นคนที่อยากรู้ว่าตนเองตายแล้วไปไหน หรือเป็นคนที่รักตัวกลัวตายหรือกลัวตายอยู่ เพราะไม่รู้จักสร้างหลักประกันอนาคตให้เกิดขึ้นกับตนเอง หากแต่เราแต่ละคนสร้างหลักประกันในอนาคตต่อตนเองจะเป็นคนไม่เคยกลัวตายอีกต่อไป เพราะเราจะรู้ทันทีว่าตายแล้วไปไหน มีหลักประกันทั้งที่ตอนมีชีวิตอยู่ทำให้คุณภาพชีวิตของตนเองดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่สิ่งที่เราแต่ละคนคาดหวังนั่นคือเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นด้วย เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วสิ่งที่เราอยากได้อับดับแรกหากเรียงตามกฎแห่งกรรมแล้วเราจะได้สิ่งนั้นเป็นสิ่งสุดท้าย นั่นคือด้านเศรษฐกิจ หากเรามีฐานะเศรษฐกิจมาก่อนที่ร่างกายจะหายป่วยตามกรรม หรือได้มาก่อนกรรมที่ทำให้คนในครอบครัวทะเลาะกัน การมีเศรษฐกิจที่ดีจะนำหายนะมาสู่ตนในบั้นปลายเสมอ
ด้วยเหตุผลที่ว่ากรรมมีวาระชดใช้เรียงกันไปตามลำดับจากหนักสุดไปเบาสุดพอสังเขปดังนี้ กรรมตายหนักสุดชดใช้ก่อน กรรมบาดเจ็บสาหัสทุพพลภาพจะถูกชดใช้ต่อมา กรรมบาดเจ็บเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายจะถูกชดใช้ต่อมา กรรมด้านความบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง กรรมด้านความเป็นอยู่ในครอบครัว เช่นการทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวก็จะถูกชดใช้ต่อมา ท้ายสุดคือกรรมด้านเศรษฐกิจ แต่ธรรมชาติของเราทุกคน ต้องการเอากรรมที่ชดใช้ในลำดับท้ายสุดให้ส่งผลเป็นบวกต่อตนเป็นอันดับแรกเสมอ แล้วด้วยความไม่เข้าใจลำดับของการชดใช้กรรมว่ามีลำดับการชดใช้อย่างไร จึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้เรามีความทุกข์เกิดขึ้นในใจตนอีกประการ หากเราเข้าใจลำดับการชดใช้กรรม เราก็ขยันปฏิบัติธรรมแล้วให้กุศลที่ได้จากการแผ่เมตตาด้วยความบริสุทธิ์ไปขอให้นายเวรของเราอโหสิกรรมไปตามลำดับของการชดใช้ จากกรรมที่หนักสุดไปยังเบาสุดด้วยความอย่างน้อยก็สบายใจขึ้น ดีกว่าที่เราไม่รู้ว่าการชดใช้กรรมมีลำดับการชดใช้อย่างไรเสียอีก
เมื่อเรารู้แล้วว่า คำว่าตายแล้วไปไหน เราเป็นผู้กำหนด ถึงเวลาแล้วที่เราจะมากำหนดคำตอบว่าตายแล้วไปไหนด้วยตัวของตนเองด้วยการลงมือปฏิบัติธรรม มาร่วมกันเพื่อกำหนดคำตอบที่แต่ละคนจะได้รับจากคำถามว่าตายแล้วไปไหนด้วยเราแต่ละคนกันเถอะ อย่างน้อยสิ่งที่จะได้รับคือความสุขที่เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวมทันทีหากทุกคนลงมือปฏิบัติธรีรมอย่างจริงจังไม่ต้องรอตอนตาย เพราะความสุขจะเกิดขึ้นนับจากเราเริ่มปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องด้วยความมั่นคงอดทนขยันหมั่นเพียรด้วยความจริงใจต่อตนเองเพื่อนำไปสู่ความจริงจังต่อผู้อื่นได้อย่างแท้จริงนั่นเอง
www.dhumma.net/index.php?option=com_content&view...
วันที่ 14 ธ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,152 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,394 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,291 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,333 ครั้ง |
เปิดอ่าน 33,562 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,662 ครั้ง |
|
|