จาก โพสต์ของ อ.สุทธิพร คล้ายเมืองปัก เห็นว่าดี เลยเก็บมาให้อ่านกันครับ
พฤหัสบดีที่ ๒ ของเดือนมิถุนายน ณ โรงเรียนบ้านหนองนกนอนตาย ได้จัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้นโดยจัดพร้อมๆกับโรงเรียนอื่นๆอีกหลายโรงเรียนด้วยเหตุผลที่ถือว่า วันพฤหัสบดีเป็นวันครู พูดถึงพิธีไหว้ครูนี้ถือกันได้ว่าเป็นประเพณีไทย ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ตั้งแต่ ครั้งโบราณกาลก่อนที่จะมีการเรียนการสอนวิชาการต่างๆ ก็จะทำพิธีไหว้ครูก่อน เป็นอันดับแรก โดยศิษย์จะนำเครื่องสักการะมามอบให้แก่ครูแล้วกล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะเคารพ เชื่อฟัง และอยู่ในโอวาทครู ขอให้ครูรับตนไว้เป็นศิษย์ด้วยพิธีไหว้ครูนี้จะนิยมกระทำกัน ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือกันว่าเป็นวันครู ประเทศไทยมีการประกอบพิธีไหว้ครูในสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็น วัฒนธรรมสืบต่อกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันเราจึงควรภาคภูมิใจและช่วยกันดำรง รักษาประเพณี อันดีงามนี้ไว้อย่าให้สูญหาย
เช้าวันพุธนี้ เป็นวันที่อากาศแจ่มใสอีกวันหนึ่ง เหล่าแมลงปอและผีเสื้อต่างก็บินฉวัดเฉวียน ปีกปลิวว่อนเหนือสนามฟุตบอลโรงเรียน บรรยากาศราวกับว่าเป็นต้นฤดูหนาว ทั้งๆที่ความจริง เพิ่งจะเริ่มฤดูฝน เด็กนักเรียนแต่ละชั้นก็กำลังขมักเขม้นในการทำ“พานไหว้ครู”ของพวกเขา ซึ่ง เด็กๆทุกคน ต่างก็เต็มใจที่จะช่วยกันประดิษฐ์พานดอกไม้ พานธูปเทียน ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้ ก็ได้แก่ หญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และดอกบานไม่รู้โรย
สุมาลี นลิณี จริยา และประภารักษ์นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหัวเรือใหญ่ ในการจัดทำพานไหว้ครูในปีนี้ นอกเหนือจากนั้นเพื่อนๆในห้องคนอื่นๆต่างก็กระวีกระวาด ช่วยกันคนละไม้คนละมือบ้างก็คัดเลือกดอกไม้บ้างก็ตัดไม้กลัด เรียกได้ว่า เป็นลูกมือก็แล้วกัน ป.๖ ปีนี้จัดเป็นนักเรียนชั้นสูงสุดของโรงเรียน ต่างคนก็มีประสบการณ์ในการทำพานไหว้ครูมาถึง ๕ ปี นักเรียนในชั้นทุกคนต่างก็คาดหวังไว้ว่าปีนี้จะต้องคว้ารางวัลมาครองให้ได้อย่างน้อยก็ ๑ อย่างล่ะซึ่งทางโรงเรียนได้จัดรางวัลไว้ ๒ ประเภท ได้แก่ ประเภท สวยงามและความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์
ในเมื่อคนพร้อม อุปกรณ์พร้อมการทำงานก็ ไม่มีปัญหา……….. นักเรียนทั้งหลายเริ่มลงมือ ตั้งแต่ตัดใบตองรองพาน เพื่อที่เวลาล้างทำความสะอาดจะได้ทำได้ง่ายจากนั้นก็นำดินเหนียวที่นวด จนได้ที่ดีแล้วมาปั้นให้ได้รูปทรงวางทับบนใบตองที่รองอยู่กับก้นพานก่อนแล้ว ทั้งสุมาลี นลิณี จริยา และประภารักษ์ ต่างก็ช่วยกันนำดอกรักและดอกบานไม่รู้โรย ที่เพื่อนๆ คนอื่นๆช่วยเสียบ ติดกับไม้กลัดไว้ให้แล้วตกแต่งลงบนรูปปั้นดินเหนียวที่ได้แกะ ลวดลาย เป็นรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ส่วนหญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ เพื่อนๆผู้ชายกำลังง่วนช่วยกันอย่างขมีขมัน โดยนำไป ตกแต่ง ไว้กับ พานธูปเทียน……………………..และแล้ว งานก็เสร็จเรียบร้อยลงเมื่อเวลา ประมาณบ่าย ๓ โมง ต่างคนก็ต่างช่วยกันเก็บทำความสะอาด ปัด กวาด เช็ด ถูก็พอดีกับ ถึงเวลาเลิกเรียน
เพื่อนๆยกหน้าที่ให้กับสุมาลี และนลิณี เป็นผู้นำพานไปเก็บรักษาไว้ที่บ้าน
………ฉั นจะใช้ สเปรย์ฉี ดพ่นน้ำบ่อยๆ ดอกไม้เราจะได้ไม่เหี่ยว……....…สุมาลี กล่าวกับนลิณี เมื่อถือพานดอกไม้ ขึ้นเตรียมจะกลับบ้าน……ดีแล้วหละ เช้าวันพฤหัสบดี……………………
ปาเจราจริยาโหนติ…………………………..………...จบลงที่ทินโนวาเท นมามิหังเป็นเสียงของผู้นำนักเรียนพากล่าว……..และตามด้วยคำปฏิญาณตนจนจบ
ผู้แทนนักเรียนถือพานดอกไม้เตรียมไหว้ครู ขณะที่ดนตรีไทยบรรเลงเพลงสาธุการ เหล่า
นักเรียนชาย-หญิง สองคนที่เป็นตัวแทนจะนำพานไปสักการะและบูชาพระพุทธรูปก่อน จากนั้น
นักเรียนตัวแทนแต่ละชั้นจะถือพานเดินเข่าเข้าไปนั่งตรงหน้าคณะครูแล้วกราบลง ๑ ครั้งพร้อมกัน
โดยไม่แบมือ ครูจะพนมมือรับไหว้นักเรียน นักเรียนจะส่งมอบพานดอกไม้ไหว้ครู เมื่อครูรับ
พานแล้ว นักเรียนก็จะกราบลงพร้อมๆกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงลงจากเวทีกลับไปที่แถวดังเดิม
ตัวแทนนักเรียนก็จะนำกล่าวคำปฏิญาณตน
อาจารย์ใหญ่ซึ่งเป็นประธานในพิธี ก็ทำการเจิมหนังสือ หนังสือที่นำมาเจิมก็จะเป็นหลัก
สูตรการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและตำราเรียน เพื่อให้เกิดกำลังใจแก่ศิษย์……….และกล่าว
ให้โอวาทเกี่ยวกับเรื่องพระคุณของครูว่า……………………………..กว่าที่ครูจะมาเป็นครูได้อย่างทุกวันนี้……………..ครูก็ผ่านชีวิตการเป็นนักเรียนมาก่อนเหมือนกับพวกเธอทั้งหลายที่นั่งอยู่ ณ
ที่นี่แหละเด็กๆในห้องประชุมอาคารเอนกประสงค์ต่างนั่งฟังด้วยกิริยาอาการสงบ ทุกคนต่างก็ ตั้งใจฟัง เพื่อนำกลับไปปฏิบัติ……………….….การที่เราจัดให้มีพิธีนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะ ให้นักเรียนได้รำลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ ที่เปรียบเสมือน พ่อแม่ คนที่สองของเรา
และที่เรานำเอาหญ้าแพรกข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม มาประกอบในการจัด ทำพาน ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความหมายสำคัญ เช่น หญ้าแพรก เป็นหญ้าที่ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด ถึงจะไปเหยียบย่ำมันเข้าก็ไม่ทำให้เราได้รับบาดเจ็บ มีความหมายว่าศิษย์ จะต้อง มีความ อ่อนน้อมถ่อมตน และไม่โกรธตอบใครๆ ครูจะเฆี่ยนตีอบรมสั่งสอน ก็ไม่โกรธ และไม่คิดอาฆาตพยาบาท เพราะครูกระทำลงไป ก็ด้วยความเมตตาอยากให้ศิษย์ทุกคนเป็นคนดี
ข้าวตอก.ก็เปรียบเสมือนความรู้ที่แตกฉาน ดอกเข็มก็เปรียบดังปัญญาอันแหลมคมเปรียบ ประดุจดังดอกเข็ม ส่วนดอกมะเขือก็มีความหมายถึง ศิษย์ที่จะน้อมรับ เอาวิชา ความรู้จากครู ด้วยความเคารพ เสมือนดอกมะเขือ ที่เวลาดอกบาน จะคว่ำดอกลงเหมือนบุคคล ที่มีความอ่อนน้อม
ดังนั้นนักเรียนทั้งหลาย ควรที่จะได้ระลึกถึงพระคุณของคุณครู เป็นต้นว่าประพฤติ
ปฏิบัติตนให้เป็นคนดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของครู ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ดื้อรั้น ไม่เกเร
เมื่อจบคำกล่าวให้โอวาทของอาจารย์ใหญ่ก็เป็นการประกาศผลการตัดสิน การประกวดพาน ซึ่งเป็นเสียงของครูผู้ทำหน้าที่พิธีกรดำเนินการต่อ…………………….เด็กๆทุกชั้นต่างนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ ผลปรากฎว่ารางวัลชนะเลิศ ประเภทสวยงาม ตกเป็นของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่เป็นม้ามืดนอกสายตาส่วนประเภทความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตกเป็นของ นักเรียนชั้น ประถมศึกษา ปีที่ ๖ ตามความคาดหมายส่งผลให้เกิดความยินดี ปรีดา กันทั่วหน้า
ผ่านไปอีก ๑ ปี สำหรับ “พิธีไหว้ครู” จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ไปแล้วพวกเด็กๆทั้งหลายคงจะจดจำและระลึกถึงวันนี้ไปจนตลอดชีวิตเลยทีเดียว