Advertisement
บางครั้งการตัดสินว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ก็ไม่อาจมองเพียงด้านเดียวได้ เช่นเดียวกับนิสัยและพฤติกรรมเหล่านี้ ที่หลายๆ คนมองว่าต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน แต่หากคุณลองหันมามองอีกด้าน คุณจะพบว่า นิสัยแย่ๆ เหล่านี้ ดีต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
1. ติดซอสมะเขือเทศ
เด็กหลายคนติดอกติดใจในรสชาติของซอสมะเขือเทศ ไม่ว่าจะกินอะไรก็เรียกหาซอสมะเขือเทศตลอดเวลา จนบางครั้งคุณแม่อาจกังวลว่ามันจะมากเกินไปหรือเปล่า ตอบได้อย่างมั่นใจค่ะว่า ไม่มากไปหรอก เพราะที่จริงแล้วการกินซอสมะเขือเทศมากๆ กลับเป็นสิ่งที่ดี เพราะจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าในซอสมะเขือเทศมีสาร Lycopene ซึ่งจัดเป็นแอนตี้ออกซิเดนต์ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งอื่นๆ อีกหลายชนิด
นอกจากนั้นมะเขือเทศยังเป็นแหล่งวิตามิน C ที่สำคัญซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในซอสมะเขือเทศบางชนิดอาจมีปริมาณเกลือมากเกินไปจนเกิดอันตรายต่อร่ายกายได้เช่นกัน ดังนั้น ก่อนซื้อคุณควรอ่านฉลากให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณเกลือในระดับที่เหมาะสม
2. ชอบกินถั่วเป็นกับแกล้ม
แม้ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้แอลกอฮอล์มากไปสักนิด หรือติดการกินถั่วเป็นกับแกล้มจนเป็นนิสัยมากไปสักหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ‘มันไม่ดี’ การกินถั่วแกล้มกับไวน์สักแก้ว จัดเป็นพฤติกรรมการกินที่ดีต่อสุขภาพ เพราะในถั่วลิสงและถั่วชนิดอื่นๆ ประกอบไปด้วยสารเคมีธรรมชาติที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จากการศึกษาของ Harvard School of Public Health ยังพบอีกว่า ผู้หญิงที่กินเนยถั่วประมาณ 5 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แม้บางคนอาจจะค้อนว่าในถั่วมีไขมันอยู่ไม่น้อยทีเดียว แล้วมันจะดีต่อสุขภาพจริงหรือ สบายใจได้ค่ะ เพราะไขมันที่อยู่ในถั่วกว่า 50 เปอร์เซนต์เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งดีต่อสุขภาพ แถมยังช่วยบรรเทาความหิวได้เป็นอย่างดี
นักวิจัยกล่าวเสริมว่า ถั่วลิสงเป็นแหล่งวิตามิน B ที่เยี่ยมยอดมาก ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานจากอาหารได้ดี แถมยังช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้แก่ร่างกายอีกด้วย
3. กินช็อกโกแลตบ่อยเกินไป
สาวๆ มักเกลียดกลัวช็อกโกเลตเพราะเชื่อว่าเป็นศัตรูของความงามและน้ำหนัก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ปีศาจช็อกโกแลตของสาวๆ ก็มีดีอยู่บ้างเหมือนกัน แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็น ช็อกโกแลตดำ (Dark Chocolate)เท่านั้นนะคะ เพราะในช็อกโกแลตดำนั้นประกอบไปด้วยสาร Flavonoids ในปริมาณสูง พ่วงด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ชนิดเดียวกับที่พบใน ไวน์แดง ชา ผลไม้และผักบางชนิด จากผลวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย Glasgow สก็อตแลนด์ พบว่า flavonoids สามารถช่วยต่อต้านการก่อตัวของมะเร็งได้
แต่หากคุณเกลียดช็อกโกแลตดำเพราะรสชาติออกขมๆ ไม่อร่อยเอาเสียเลย ลองหันมากินช็อกโกแลตนมแทนก็ได้ แม้ในช็อกโกแลตนมจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนต์น้อยกว่าช็อกโกแลตดำ แต่ก็มีปริมาณแคลเซียมสูงกว่าถึง 5 เท่า
ดังนั้น ช็อกโกแลตนมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของกระดูก
และหากคุณรู้สึกดีมากๆ เวลากินช็อกโกแลตแล้วล่ะก็ ไม่ต้องแปลกใจ เพราะผลวิจัยหลายชิ้นพบว่า เวลาคนเรากินช็อกโกแลตนั้น สมองจะปล่อยสารเอนโดฟีน ซึ่งออกฤทธิ์เหมือนฝิ่นธรรมชาติ (ไม่เป็นอันตรายค่ะ) ซึ่งทำให้เราอารมณ์ดีและบรรเทาความเจ็บปวดได้
4. โกรธและวีนชาวบ้านบ่อยๆ
แม้ว่านิสัยเสียแบบนี้อาจทำให้คุณถูกเพื่อนๆ คว่ำบาตร แต่ถ้ามองในแง่ดี การโกรธกลับส่งผลดีต่อสุขภาพได้ เช่นกัน การโกรธเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเราจะรู้สึกตัวหรือไม่ก็ตาม Harriet Lerner นักจิตวิทยา เจ้าของผลงานเขียน “The Dance of Anger” กล่าวไว้ว่า การโกรธเป็นสัญญาณของเราที่ชี้ให้เห็นว่าบางอย่างผิดปกติไป แต่การยอมรับและเข้าใจในอารมณ์โกรธของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็น การหันไปเผชิญหน้ากับความโกรธอย่างเข้าใจ สามารถช่วยลดอาการบันดาลโทสะจนควบคุมสติไม่ได้ และป้องกันการเกิดภาวะที่เรียกว่า‘อกกลัดหนอง’(เจ็บปวดทางใจ) จนอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยทางกายในภายหลังได้
แต่คุณไม่ถึงกับต้องปิดบ้านเงียบเพื่อจัดการกับความโกรธที่เกิดขึ้นหรอกค่ะ เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่ร่างกายและจิตใจเลย ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ในทางตรงกันข้าม หากคุณแสดงความโกรธนั้นออกไปจะเป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ แถมนักวิจัยยังกล่าวเสริมอีกว่า ผู้ชายที่สามารถระบายความโกรธของตัวเองออกไปได้จะลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้มากกว่าครึ่ง เทียบกับผู้ชายวัยเดียวกันที่หาทางระบายความโกรธไม่ได้ และมักจะเก็บกดจนล้มป่วยในที่สุด
5. แอบงีบระหว่างวันทำงาน
การแอบงีบในที่ทำงานเป็นพฤติกรรมที่เจ้านายคุณเกลียดกลัวมากที่สุด และหากคุณแอบงีบไม่เนียนพอละก็ ตัวใครตัวมันค่ะ แม้ว่าการแอบงีบจะจัดเป็นพฤติกรรมของพนักงานขี้เกียจในสายตาเจ้านายไทย แต่การแอบงีบหลับระหว่างวันกลับเป็นพิธีกรรมที่น่ารักในเม็กซิโกและกรีซ ชาวโปรตุเกสก็ชอบงีบหลับเช่นกัน จนถึงกับมีการจัดตั้ง Association of Friends of the Siesta ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มคนเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการงีบหลับในช่วงบ่ายให้คงอยู่ต่อไป
มีผลวิจัยมากมายหลายชิ้นที่กล่าวถึงประโยชน์ของการงีบหลับ เช่น คนที่งีบหลับในช่วงบ่ายจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคนที่ไม่งีบหลับระหว่างวัน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญในการนอนแนะนำว่ามนุษย์ทุกคนควรจะงีบประมาณ 30 นาทีหลังจากอาหารกลางวัน แต่ไม่ควรงีบในช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะอาจทำให้คุณกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว ไม่ยอมหลับยอมนอนในเวลากลางคืนได้
6. เครียดและกดดัน
รู้ไหมว่า ความเครียดเป็นแรงผลักดันให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง หากปราศจากความเครียด มนุษย์จะไม่ลุกจากเตียง หรือกระตือรือร้นหาอาหารใส่ท้อง ความเครียดเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเราให้บรรลุเป้าหมายและภารกิจต่างๆ หลายๆคนยอมรับว่า มักจะทำงานได้ดีภายใต้ความกดดันและความเครียด แต่ความเครียดและความกดดันนี้จะเกิดปัญหาก็ต่อเมื่อมันมากเกินไปและคุณไม่สามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากมองในแง่ดี ความเครียดนั้นสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ใช้มันเป็นแรงผลักดันเวลาคุณต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในชีวิตให้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องมีแผนการเฉพาะกิจไว้จัดการกับความเครียดได้อย่างทันท่วงที ในเวลาที่รู้สึกว่ามันชักจะมากเกินไป เช่น มีเพื่อนสนิทไว้ปรึกษา การออกกำลังกาย การดูหนัง ฟังเพลง หรืออะไรก็ตามที่คุณคิดว่ามันช่วยคุณได้ ทำไปเถอะค่ะ!
7. เป็นสาวเจ้าน้ำตา
อย่าสนใจต่อเสียงล้อเลียนของเพื่อนร่วมงานว่าคุณเป็นสาวเจ้าน้ำตา เพราะการร้องไห้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดจากร่างกายได้อย่างดี จากผลวิจัยของ Ramsey Dry Eye and Tear Research Center พบว่า เมื่อเราร้องไห้ ร่างกายจะขจัดฮอร์โมนความเครียดส่วนเกิน อาทิ ฮอร์โมนprolactin (ฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมพิทุอิตารีด้านหน้า มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำนมหลังจากการคลอดบุตร) ได้
นอกจากนี้น้ำตายังอาจช่วยให้ร่างกายกำจัดสารเคมีในร่างกายชนิดอื่นได้อีกหลายชนิด เช่น แมงกานีส ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และ lysozymes เอนไซม์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลพุพอง
แต่มันคงไม่ดีนักหากคุณจะระเบิดสงครามน้ำตาในที่ทำงานทุกวี่วัน เพราะนั่นอาจสร้างความรำคาญให้คนอื่นๆ และทำให้เจ้านายมองว่าคุณมีปัญหาทางจิตได้ ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการร้องไห้ที่บ้าน และถ้ามีเพื่อนสนิทที่รู้ใจคอยปลอบอยู่ข้างๆ ได้ก็ยิ่งดี
8. เป็นสาวช่างเม้าท์
ผู้หญิงกับการเม้าท์เป็นสองสิ่งที่เกิดมาเพื่อกันและกัน เวลาที่เธอเจอกัน ทุกอย่างจะพรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติชนิดที่ไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้าว่าจะคุยเรื่องอะไร ฟังดูอาจดูน่ารำคาญในสายตาผู้ชาย แต่ถ้าผู้ชายลอง เม้าท์ ได้สัก เศษหนึ่งส่วนสามของผู้หญิง จะส่งผลดีต่อสุขภาพชนิดที่คุณคาดไม่ถึง
จากการศึกษาของ Social Issues Research Centre in Oxford พบว่า การพูดคุยนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ เรียนรู้ทักษะทางสังคม และแก้ปัญหาความขัดแย้ง ได้ บางองค์กรถึงกับมีการส่งเสริมการซุบซิบ พูดคุย ภายในองค์กรอย่างออกหน้าออกตา เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจเนื่องจากสามารถกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ และถือเป็นวิธีระดมพลังสมองที่ดีมากเช่นกัน
‘การคุยโม้’เป็นปฏิกิริยาทางสังคมโดยธรรมชาติที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด การคุยโม้ เป็นหนทางที่เปิดโอกาสให้เรารู้จักคนอื่นๆ ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ในรูปแบบ เพื่อนหรือคนรัก ต่อไป นอกจากนี้ การคุยโม้ ยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟิน ที่ช่วยทำให้อารมณ์ดีและจิตใจปลอดโปร่งอีกด้วย
9. ติดชาร์ทนักดื่มตัวยง
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณ มีผลการศึกษามากมายที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ อาทิ ผลการศึกษาโดย Joseph Fourier University of Grenoble ในฝรั่งเศส พบว่า ไวน์แดงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวาย และช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดโอกาสการเกิดเนื้องอกในลำไส้และ ป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ และในปี 2003 ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ รายงานว่า นักดื่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ 30-35 เปอร์เซนต์ แต่การดื่มมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อบุคลิกและตับได้ แถมบางคนหากเผลอดื่มขณะท้องว่างก็เป็นการทำลายกระเพาะดีๆ นี่เอง
ที่มา www.oknation.net/blog/hs9coz/2008/07/14/entry-2
วันที่ 10 ธ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,418 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,433 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,211 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 24,181 ครั้ง |
เปิดอ่าน 41,442 ครั้ง |
เปิดอ่าน 104,168 ครั้ง |
เปิดอ่าน 29,387 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,971 ครั้ง |
|
|