อดีตของแมลงสาบ
> นิทานสอนใจ
ในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง มีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น และมีเหล่าแมลงอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้มากมายหลายชนิด เช่น ยายแมลงปอ ลุงแมลงหวี่ ป้าตั๊กแตน พี่แมลงทับ เป็นต้น แมลงทุกตัวต่างก็รักใคร่กันเหมือนพี่เหมือนน้องและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แมลงทั้งหมดนี้อยู่ในความปกครองของพระราชาผีเสื้อผู้สง่างาม พระองค์มีปีกสีทองส่องประกายแพรวพราวและที่สำคัญ พระราชาผีเสื้อมีของวิเศษอย่างหนึ่งที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ นั่นก็คือ “ไม้ประกายเพชร” ซึ่งทำด้วยทองคำแท้ อันมีอำนาจวิเศษสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ได้ทุกอย่างตามพระราชประสงค์ของพระราชาผีเสื้อ
พระราชาผีเสื้อทรงมีพระสหายชื่อว่า “แมลงเพชร” เป็นผู้ที่มีความสามารถมาก และมีความจงรักภักดีต่อพระราชาผีเสื้อ ได้กระทำความดีเป็นที่ถูกพระทัยของพระราชา จึงได้รับพระราชทานชื่อจากพระราชา แมลงเพชรมีรูปร่างเล็ก ปีกสีเงิน บินได้สูงและรวดเร็วมาก เป็นที่เกรงขามของเหล่าแมลงอื่นๆ ยิ่งนัก
ต่อมาพระราชาผีเสื้อ ได้มีคำสั่งลับเฉพาะกับแมลงเพชรพระสหายสนิทว่า “แมงเพชรข้าจะให้เจ้ายืมไม้เท้าประกายเพชรของข้าไปและข้าขอให้เจ้าช่วยดูแลเหล่าแมลงทั้งหลายแทนข้าสักระยะหนึ่ง โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามนำไม้ประกายเพชรไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เจ้าจำไว้ให้ดีนะ”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะไม่ทำให้พระองค์ท่านผิดหวัง ถ้าข้าพระพุทธเจ้าผิดสัญญา ขอให้พระองค์ทรงลงโทษได้เลย พระพุทธเจ้าข้า” แมลงเพชรรับคำพร้อมกับให้สัญญา
จากนั้นแมลงเพชรก็ออกไปเที่ยวเยี่ยมเยียนแมลงอื่นๆ พร้อมกับนำไม้เท้าประกายเพชรไปด้วยเสมอ ตั้งแต่ได้รับมอบพระราชอำนาจจากพระราชาผีเสื้อ นิสัยของแมลงเพชรก็เปลี่ยนไป เริ่มเย่อหยิ่งจองหอง ไม่ทักทายลุงแมลงหวี่ ยายแมลงปอ เหมือนเช่นเคย ทำให้ยายแมลงปอสงสัยมาก จึงเอ่ยปากถามแบบหยอกล้อแมลงเพชรว่า “ไงแมลงเพชรหมู่นี้เป็นอะไรไปหรือ ไม่เห็นทักทายกันบ้างเลย หรือว่าถูกพระราชาลงโทษมา หน้าตาไม่ค่อยสบายเลยนี่”
แมลงเพชรเมื่อได้ฟังยายแมลงปอพูดดังนั้น มันรู้สึกโกรธมาก จึงใช้ไม้เท้าประกายเพชรชี้ไปที่ยายแมลงปอแล้วพูดขึ้นว่า “จงเป็นรูปปั้นเดี่ยวนี้”
พอแมลงเพชรพูดขาดคำ ยายแมลงปอก็กลายร่างเป็นรูปปั้นทันที “บังอาจมาพูดล้อเล่นกับข้า จึงต้องได้รับโทษเช่นนี้” แมลงเพชรพูดพลางหัวเราะแกมเยาะเย้ย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีรูปปั้นของแมลงต่างๆ เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน ป่าที่เคยร่มเย็นเป็นสุขและอยู่กันอย่างเงียบสงบ บัดนี้กลับกลายเป็นป่าแห่งความลักลับ เงียบเหงาน่าสะพึงกลัว ปราศจากเสียงหัวเราะหยอกล้อกันดังเช่นแต่ก่อน
แมลงทับตัวหนึ่งรู้สึกหดหู่ใจมากที่เห็นพวกแมลงด้วยกันต้องถูกกลั่นแกล้งรังแกจากแมลงเพชร จึงได้เอ่ยปากปรึกษากับป้าตั๊กแตนว่า “ป้าตั๊กแตนครับ เราจะทำอย่างไรกันดี จึงจะกำจัดเจ้าแมลงเพชรจอมอันธพาลให้พ้นไปจากป่าของเราได้ครับ”
“คงยากหลานเอ๋ย เพราะเจ้าแมลงเพชรมีไม้เท้าวิเศษอยู่ในมือของมัน ขืนใครไปต่อปากต่อคำมันเข้า ก็ต้องถูกมันสาปให้กลายเป็นรูปปั้นไปหมด เจ้าก็เห็นอยู่แล้วมิใช่หรือ”
“ถ้าพวกเราทั้งหมดจะรวมตัวกันไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพระราชาผีเสื้อให้ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของพวกเรา ป้าว่าจะดีไหมครับ” แมลงทับออกความเห็น
“เออก็น่าจะลองดูเหมือนกันนะหลาน เพราะพระราชาท่านจะได้ทรงรู้ความจริงว่า ผู้ที่พระองค์ท่านทรงไว้วางพระทัยให้ดูแลพวกเราแทนพระองค์ท่าน มีความประพฤติชั่วช้าเพียงใด” ป้าตั๊กแตนสนับสนุน
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วแมลงทับและป้าตั๊กแตนก็พาสมัครพรรคพวกแมลงทั้งหลายในป่าเข้าไปร้องทุกข์ต่อพระราชาผีเสื้อ ว่าถูกแมลงเพชรข่มเหงรังแกต่างๆ นาๆ จนได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
เมื่อพระราชาผีเสื้อทรงทราบเช่นนั้น จึงได้ให้ไปตามตัวแมลงเพชรเข้าเฝ้า พร้อมกับให้นำไม้เท้าประกายเพชรมาคืนด้วย
“ว่าไงแมลงเพชร พวกแมลงทั้งหลายเขาได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าเจ้าได้ข่มเหงรังแกพวกเขา เป็นความจริงหรือไม่” พระราชาผีเสื้อทรงถาม แต่แมลงเพชรก้มหน้านิ่งไม่ตอบ พระราชาจึงตรัสต่อไปว่า
“นี่แสดงว่าเป็นจริงอย่างที่เขาฟ้องร้องมาใช่ไหม เจ้าถึงก้มหน้านิ่งเฉยอยู่”
“หามิได้พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยข่มเหงใครเลย พวกเขานั่นแหละข่มเหงรังแกกันเอง แล้วโยนความผิดมาให้ข้าพระพุทธเจ้า” แมลงเพชรปฏิเสธ
“ยังมาทำปากแข็งอีก ก็พวกแมลงต่างๆ เขาจะมีปัญญาสาปให้แมลงด้วยกันกลายเป็นรูปปั้นได้หรือ ก็มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่มีไม้เท้าประกายเพชรของข้า เจ้ายอมรับมาเสียดีๆ ก่อนที่ข้าจะโมโห”
“ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับผิด และขอพระองค์จงทรงพระราชทานอภัยโทษให้ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า” แมลงเพชรพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ข้าคงยกโทษให้เจ้าไม่ได้หรอก เพราะเจ้าได้เคยให้สัญญาไว้แก่ข้าแล้วว่า เจ้าจะไม่ใช้ไม้ประกายเพชรของข้าไปสร้างความเดือดร้อนให้แกผู้อื่น เจ้าไม่รักษาคำพูด อีกทั้งมีความเย่อหยิ่งลืมตัว เจ้าควรจะต้องได้รับโทษอย่างหนัก”
“พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าพ้นกระหม่อม แล้วแต่พระองค์จะทรงพิจารณาโทษเถิดพระพุทธเจ้าข้า”
“เอาละข้าจะสาปเจ้าให้กลายเป็นแมลงที่น่าเกลียด มีรูปร่างอัปลักษณ์ โดยให้ร่างของเจ้ามีสีดำ บินได้ต่ำๆ ระยะใกล้ๆ และมีกลิ่นตัวเหม็นสาบ เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป เจ้าจงเป็นแมลงอัปลักษณ์ ณ บัดนี้ เพี้ยง !” พระราชาผีเสื้อตรัสแล้วก็ใช้ไม้เท้าประกายเพชรชี้ไปที่แมลงเพชร
แมลงเพชรก็กลับกลายร่างเป็นแมลงอัปลักษณ์ตามคำสาปทันที เวลาที่มันไปไหนก็จะถูกสัตว์อื่นๆ พูดจาเยาะเย้ยถากถาง และเรียกมันว่า “แมลงถูกสาป” มันรู้สึกอับอายเป็นที่สุด แต่ก็ต้องทนรับทุกข์ต่อไป ในเวลาต่อมาชื่อของมันก็ถูกเรียกให้สั่นลงว่า “แมลงสาบ” จนถึงทุกวันนี้ ส่วนแมลงต่างๆ ที่ถูกแมลงเพชรสาปให้เป็นรูปปั้นนั้น พระราชาผีเสื้อได้ใช้ไม้เท้าประกายเพชรชี้และเสกให้กลายร่างดังเดิมทั้งหมด แมลงทั้งหลายต่างอยู่ร่วมกันในป่านั้นอย่างมีความสงบสุข
ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้
1. เมื่อมีอำนาจอย่างเหลิงอำนาจ ใช้อำนาจในทางที่ผิดไปสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เพราะในไม่ช้าตนเองก็จะต้องได้รับผลกรรมที่ได้กระทำไว้ ดังคำกล่าวว่า “ให้ทุกข์แร่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
2. จงอย่างเป็นคนอวดดีถือดีและลืมตนเอง เพราะจะมีแต่คนรังเกียจ ไม่อยากคบหาสมาคมด้วย
3. จงอย่าลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน ผู้ที่ไม่รักษาคำมั่นสัญญาจะไม่มีคนเชื่อถือ
4. สังคมใด ที่คนในสังคมมีความเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความรักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่อิจฉาริษยากัน สังคมนั้นก็จะมีแต่ความสงบสุข
ที่มา :
http://www.wattrimit.com/n_home01.