ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ค้างคาวและโรคพิษสุนัขบ้า


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,140 ครั้ง
Advertisement

ค้างคาวและโรคพิษสุนัขบ้า

Advertisement

ค้างคาวและโรคพิษสุนัขบ้า

Print E-mail

Post by ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา & ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี   

พุธ, 07 กุมภาพันธ์ 2007

      

 

 

       ข่าวชาวเปรูถูกค้างคาวดูดเลือดที่เป็นโรคกลัวน้ำหรือโรคพิษสุนัขบ้ากัด เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2550 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะผู้เสียชีวิตไม่ได้รับวัคซีนอย่างทันท่วงทีหลังจากถูกค้างคาวกัด โดย 5 คน ถูกกัดในป่า จ.มาเดรเดดิออส ส่วนอีก 6 คนถูกกัดใน จ.พูโน่ ซึ่งมีพรมแดนติดกับโบลิเวีย

       ค้างคาวจัดเป็นสัตว์นำโรคพิษสุนัขบ้าที่สำคัญรองจากสุนัข แต่ในทวีปอเมริกา (สหรัฐอเมริกาและประเทศละตินอเมริกา) ค้างคาวมีความสำคัญในการนำโรคพอๆ กับสุนัข

       ค้างคาวที่นำไวรัสพิษสุนัขบ้าในแถบละตินอเมริกามีทั้งชนิดดูดเลือด และไม่ดูดเลือด โดยสถิติช่วงระหว่างปี 2536-2545 มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าจากค้างคาวดูดเลือดสูงถึง 62 ราย และจากค้างคาวไม่ดูดเลือด 27 ราย และยังมีค้างคาวที่ระบุชนิดไม่ได้อีก 79 ราย ขณะที่สหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาเดียวกัน มีคนเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า 26 ราย โดยมีสาเหตุจากสุนัข 5 ราย จากค้างคาวไม่ดูดเลือด 19 ราย และค้างคาวไม่ทราบชนิดอีก 2 ราย ที่ประเทศแคนาดามีอีก 1 ราย ที่เกิดจากค้างคาวไม่ดูดเลือด

       ในสหรัฐอเมริกาค้างคาวไม่ดูดเลือดเป็นปัญหาคุกคามจนถึงปัจจุบัน โดยมีผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าอีก 6 ราย ในปี 2547 โดยที่ 2 ราย ถูกค้างคาวกัดและอีก 4 ราย ติดเชื้อจากการปลูกถ่ายอวัยวะที่ได้จากผู้ป่วยที่ถูกค้างคาวกัดและแพทย์วินิจฉัยไม่ได้ ในปี 2548 พบ 1 ราย และในปี 2549 พบอีก 2 ราย

       ค้างคาวดูดเลือดในแถบละตินอเมริกา เป็นที่ทราบกันดีตั้งแต่ปี พ.ศ.2474 ในทรินิแดด ทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้าโดยมีลักษณะพิเศษ คือแขนขาอัมพาตอ่อนแรง และทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคโปลิโอ หรือเส้นประสาทอักเสบ นอกจากผลกระทบต่อคน ยังทำให้เกิดโรคในสัตว์เศรษฐกิจอย่างมาก เช่น วัว ม้า นอกจากในประเทศเปรูแล้ว ประเทศบราซิล แถบอะเมซอน ยังมีผู้ป่วยตายอีก 21 ราย ในช่วงเดือนมีนาคม และในเดือนพฤษภาคม ปี 2547 และอีก 9 รายในเดือน มิถุนายน 2548 จากค้างคาวดูดเลือด

       พฤติกรรมของค้างคาวดูดเลือดอาจไม่ต่างจากสุนัขที่แพร่โรค กล่าวคือจะต้องทำให้เกิดแผล ค้างคาวดูดเลือดจะคลานเข้าไปกัดคนหรือสัตว์ขณะหลับและปล่อยน้ำลายที่มีทั้งเชื้อไวรัสและสารป้องกันเลือดแข็งตัว จากนั้นจะเลียเลือดจากแผลไปด้วย ส่วนค้างคาวไม่ดูดเลือดในสหรัฐ จะเป็นค้างคาวกินแมลงเข้าสู่ร่างกายได้เมื่อมีรอยขีดข่วนโดยเกาะติดกับเซลล์ในชั้นผิวหนังตื้นๆ เหตุผลดังกล่าวทำให้คนที่ตายจากค้างคาวในสหรัฐมักไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกค้างคาวกัด แต่จากการแยกเชื้อสามารถพิสูจน์ได้ชัดว่ามาจากค้างคาวที่สำคัญ 2 ชนิด คือ Lasionycteris noctivagans และ Pipistrellus subflavus

       โรคพิษสุนัขบ้าในคนที่เกิดจากค้างคาวไม่ดูดเลือด จะมีลักษณะต่างจากค้างคาวดูดเลือดที่มีอัมพาตเป็นอาการเด่น ผู้ป่วยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสในร่างกายเร็วกว่าที่เกิดจากสุนัขกัดซึ่งเป็นข้ออธิบายที่ผู้ป่วย 2 ราย สามารถรอดชีวิตได้ในสหรัฐอเมริกา (รายแรกในปี พ.ศ. 2515 และรายที่ 2 รายงานในปี 2548)

       ในทวีปอื่นๆ นอกจากอเมริกา เช่น ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย ค้างคาวนำโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นกัน แต่ไวรัสมีลักษณะต่างออกไป (genotype) ในออสเตรเลียมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 2 ราย ในปี 2539 และ 2541 โดยรายแรกมีอาการ แขน ขาอ่อนแรง กลอกลูกตาไม่ได้ และรายที่สองมีอาการสมองอักเสบ โดยมาจากค้างคาวแม่ไก่ ซึ่งกินพืช ผลไม้เป็นอาหาร

       ในประเทศไทยศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมองร่วมกับสถานเสาวภา (นายสัตวแพทย์ บุญเลิศ ล้ำเลิศเดชา) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (คุณกัลยาณี บุญเกิด และคุณไสว วังหงษา) มีการสำรวจการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในค้างคาว ในระหว่างปี 2544-2546 โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีค้างคาวในการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 932 ตัว ใน 8 จังหวัด โดยการเจาะเก็บเลือดเพื่อหาหลักฐานการติดเชื้อของไวรัสลิสสา (Lyssavirus) ซึ่งรวมถึงโรคพิษสุนัขบ้า (RABV) ไวรัสลิสสา สายพันธุ์ออสเตรเลีย (Australian Bat Lyssavirus, ABLV) และไวรัสลิสสาสายพันธุ์อื่นๆ (Irkut, Aravan และ Khujand) ผลไม่พบว่ามีการติดเชื้อต่อไวรัสพิษสุนัขบ้า (RABV) แต่พบว่า 16 ใน 394 ตัวอย่าง (จากค้างคาวแม่ไก่ Pteropus lylei 15 ตัวอย่าง และจากค้างคาวหน้ายักษ์ทศกัณฑ์ Hipposideros armiger 1 ตัวอย่าง) มีหลักฐานการติดเชื้อของไวรัสสายพันธุ์ Irkut, Aravan, Khujand และ ABLV คละกันไป การศึกษานี้ให้ข้อสรุปว่าค้างคาวไทยมีการติดเชื้อไวรัสลิสสาที่เป็นสายพันธุ์อื่นของไวรัสพิษสุนัขบ้าและควรเป็นสายพันธุ์ใหม่นอกเหนือจากที่ปรากฏมาก่อน อนึ่ง ค้างคาวที่ติดเชื้อลิสสา หรือเชื้อพิษสุนัขบ้าอาจรอดตาย หายจากการเป็นโรคได้เอง

       ข้อสังเกตค้างคาวติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า คือ มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ค้างคาวบินเข้าในบ้านหรือ คลานตามพื้นในเวลากลางคืน เข้ามาเกาะในบ้านหรืออยู่ตามโต๊ะ เก้าอี้ ในกรณีที่พบค้างคาวมีลักษณะเช่นนั้น หรือพบค้างคาวตายห้ามจับค้างคาวมือเปล่า ต้องสวมถุงมือหรือถุงพลาสติคอย่างหนาก่อนจับ และนำใส่ถุงผ้าหรือภาชนะที่ห่อหุ้มมิดชิด และส่งตรวจที่ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อาคาร อปร.ชั้น 11 ห้อง 1114/3

       นอกจากนั้นศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมองยังได้ศึกษารหัสพันธุกรรมของคน และสัตว์ที่เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าจากทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541-2546 โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สกว.และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ยังไม่พบมีหลักฐานของไวรัสพิษสุนัขบ้าที่มาจากสัตว์อื่นๆ นอกจากสุนัข สัตว์ป่า วัว ควาย แมว คน ที่ตายด้วยโรคนี้ ล้วนมีไวรัสต้นกำเนิดเดียวกันจากสุนัขทั้งสิ้น ถึงกระนั้นยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

       ผู้สัมผัสค้างคาวหรือมีโอกาสใกล้ชิดกับค้างคาวต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตามว่าวัคซีนในขณะนี้จะสามารถป้องกันไวรัสจากค้างคาวในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ไวรัสลิสสากลุ่มที่ 1 (genotype 1)

                                                                                         

                                                                                                            ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3113 วันที่ 8 ธ.ค. 2552


ค้างคาวและโรคพิษสุนัขบ้า ค้างคาวและโรคพิษสุนัขบ้า

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ถึงโดนยั่วก็อย่าใจอ่อน

ถึงโดนยั่วก็อย่าใจอ่อน


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง
อบเชย

อบเชย


เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
คิดแล้ว...ทุกข์

คิดแล้ว...ทุกข์


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
หรือโรคนี้มีอยู่จริง?

หรือโรคนี้มีอยู่จริง?


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

สร้างสมดุลให้สุขภาพ....ด้วยอาหาร

สร้างสมดุลให้สุขภาพ....ด้วยอาหาร 'หยิน-หยาง'

เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี
เรารักพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลวิจัย
ผลวิจัย
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

เปลี่ยนคำด่าให้เป็นกำลังใจ
เปลี่ยนคำด่าให้เป็นกำลังใจ
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

ประมวลการสอน  มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย  วิชาวรรณคดีเปรียบเทียบและหลักการวิจารณ์วรรณคดี
ประมวลการสอน มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิชาวรรณคดีเปรียบเทียบและหลักการวิจารณ์วรรณคดี
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

ศิลปการพูดสร้างแรงจูงใจ?
ศิลปการพูดสร้างแรงจูงใจ?
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

บางอย่างที่เราไม่รู้
บางอย่างที่เราไม่รู้
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

อินโฟกราฟิกประชาสัมพันธ์โครงการTraining OBEC
อินโฟกราฟิกประชาสัมพันธ์โครงการTraining OBEC
เปิดอ่าน 38,975 ครั้ง

เหล็กปลอม ดูกันชัดๆ มันเป็นยังไง (ชมคลิป)
เหล็กปลอม ดูกันชัดๆ มันเป็นยังไง (ชมคลิป)
เปิดอ่าน 16,686 ครั้ง

คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ
เปิดอ่าน 66,382 ครั้ง

Verbs  Tenses
Verbs Tenses
เปิดอ่าน 47,502 ครั้ง

LCD (Liquid Crystal Display)
LCD (Liquid Crystal Display)
เปิดอ่าน 13,582 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ