ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ตามรอยพระยุคลบาท..ใต้ร่มฉัตรจักรีวงศ์


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,140 ครั้ง
Advertisement

ตามรอยพระยุคลบาท..ใต้ร่มฉัตรจักรีวงศ์

Advertisement

❝ ทรงพระเจริญ ❞

          ข้าพเจ้าเคยให้คำขวัญเกี่ยวกับครูว่า “ครู  คือผู้กำหนดอนาคตของสังคม” ซึ่งทำให้คำขวัญดังกล่าวได้มีการนำไปใช้ในการพัฒนาบทบาทของครูอยู่ในระยะหนึ่ง  ในโอกาสนี้  ข้าพเจ้าขอถือโอกาสเสนอคำขวัญที่เกี่ยวกับการศึกษาว่า “การศึกษา คือหัวใจของการพัฒนาคนบนแผ่นดิน” โดยมีเหตุผลแห่งความคิดนี้ว่า แผ่นดินใดที่ไร้การศึกษา  การพัฒนาความคิด การพัฒนาจิตใจ ตลอดการพัฒนาสังคมย่อมไม่เกิดขึ้น  ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นแม่แรงที่จะยกแผ่นดินให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
          ใครกันเล่าจะเป็นคนที่ขันสกรูแม่แรงทางการศึกษาให้สูงขึ้น  คำตอบ คือทุกคนในชาติ
          การจัดการศึกษาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  มีจุดมุ่งหมายสำคัญพอสรุปได้สามประการ คือ
 1.เพื่อสนองความต้องการของบ้านเมืองที่ต้องการคนเข้ารับราชการ
 2.เพื่อคุณประโยชน์ทั่วไป (จัดการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์หรือเพื่อเยาวชนของชาติส่วนใหญ่ได้รับการศึกษา)
 3.เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาพระศาสนา
 ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง  ดังนั้นในปี พ.ศ.2414 พระองค์ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง  นับเป็นโรงเรียนแรกที่ได้จัดตั้งขึ้นตามแบบโรงเรียนที่เข้าใจอยู่ในปัจจุบัน  โดยทรงโปรดเกล้า ฯให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย  อาจารยางกูร) เมื่อครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ ปลัดกรมพระอาลักษณ์เป็นอาจารย์ใหญ่  มีแนวการจัดการศึกษามุ่งไปในทางวิชาหนังสือและเลข  เพื่อให้กุลบุตรกุลธิดามีความรู้ความสามารถพอที่จะเข้ารับราชการได้  แต่โรงเรียนหลวงที่จัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ ก็เป็นโรงเรียนสำหรับบุตรพระราชวงศ์และข้าราชการเท่านั้น
           ในด้านการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์ พระองค์ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะจัดขึ้นพร้อม ๆกัน
ดังปรากฏว่า ในการประชุมที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน  เมื่อวันที่ 12  กรกฎาคม  พ.ศ.2417 พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำรัสที่จะให้เครื่องมือสำหรับการประกอบอาชีพแก่ลูกทาสที่จะเป็น”ไท” ว่าเครื่องมือที่จะทำให้ลูกทาสเป็นไทได้จริงนั้น คือ การศึกษา  จากนั้นอีกเพียงปีเดียวพระองค์ทรงโปรดเกล้า ฯ ที่จะให้มีอาจารย์สอนหนังสือไทยและเลขในทุกพระอารามทั่วพระราชอาณาจักรจนกระทั่งปี พ.ศ.2427 พระราชดำริที่จะจัดการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์จึงปรากฏชัดเจนขึ้น  เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปพระราชทานรางวัลแก่นักเรียนที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระราชดำรัสที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่นักเรียน  ได้เน้นให้เห็นถึงพระราชประสงค์ที่จะจัดการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์ ดังมีข้อความบางตอนว่า
           “เจ้านายราชตระกูลตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นไป จนถึงราษฎรที่ต่ำสุดจะได้ทีโอกาส
เล่าเรียนได้เสมอกันไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่”
 ดังนั้น การศึกษาสำหรับทวยราษฎร์หรือที่สมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพทรงเรียกว่า
 “โรงเรียนสำหรับราษฎร” จึงได้มีการริเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในเดือน สิงหาคม พ.ศ.2428 โดยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์ขึ้นคระหนึ่ง   และโรงเรียนสำหรับราษฎรจึงได้มีการจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่วัดมหรรณพาราม ตำบลหัวลำโพง ในปี พ.ศ.2428  นั้นเอง 
          ในยุคปัจจุบัน  การศึกษาถือว่าเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างแท้จริง  ชนใดไร้การศึกษา  การพัฒนาก็ล้าสมัย  ดังนั้นการที่จะทำให้คนในประเทศชาติมีศักยภาพ  จะต้องพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพเสียก่อน  ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตและนักศึกษาวิทยาลัยวิชาการศึกษา เมื่อวันจันทร์ที่  26 พฤศจิกายน 2516 ว่า “จุดประสงค์ของการให้การศึกษานั้น  คือการแนะนำส่งเสริมให้บุคคลมีความเจริญงอกงามในการเรียนรู้  การคิดอ่าน  การกระทำ  และสามารถนำเอาคุณสมบัติทั้งปวงที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เกื้อกูลตนเกื้อกูลผู้อื่น  เพื่อให้อยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นประเทศได้  ผู้มีหน้าที่ในการให้การศึกษาแก่อนุชน  จึงจำเป็นต้องระมัดระวังตั้งใจปฏิบัติงาน โดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมายทั้งนี้อยู่เสมอเป็นนิตย์
 การที่จะอบรมสนับสนุนอนุชน  ให้ได้ผลตามความมุ่งหมายของการศึกษานั้น  ข้าพเจ้าเห็นว่าการฝึกฝนและปลูกฝังความรู้จักเหตุผล ความรู้จักผิดชอบชั่วดี เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อยไปกว่าการใช้วิชาการ  เพราะการรู้จักพิจารณาให้เห็นเหตุเห็นผล ให้รู้จักจำแนกสิ่งผิดชอบชั่วดีได้โดยกระจ่างแจ้ง  ย่อมทำให้มองบุคคลและในสิ่งนั้น ๆ และเมื่อได้มองเห็นความจริงแล้ว  ก็สามารถใช้ความรู้และวิชาการ  ปฏิบัติงานทุกอย่างได้ดีและถูกต้องยิ่งขึ้นเป็นประโยชน์แก่ตนแก่ผู้อื่นได้มากขึ้น”
            จากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเห็นได้ว่า  พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาอย่างมาก  โดยเฉพาะเน้นตรงการฝึกปฏิบัติที่จิตใจ  คือเอาใจเอาจิตคิดพัฒนา หรือเน้นพัฒนาการศึกษาที่ตัวคนควบคู่ไปกับวิชาการ
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  ทรงสนพระราชหฤทัยในการทำนุงบำรุงการศึกษาของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น ใน พ.ศ.2500  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างอาคารเรียนชั้นเดียวในบริเวณสวนจิตรลา และพระราชทานนามโรงเรียนว่า “โรงเรียนจิตรลดา”และโปรดเกล้า ฯ “ให้โรงเรียนรับนักเรียนทั่วไปโดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์”
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริให้ตั้งโรงเรียนในเขตชนบทห่างไกลและบริเวณชานแดนที่ราษฎรยากจนไม่มีสถานที่เรียนของบุตรหลาน  เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสในการศึกษาเหล่านั้นได้เล่าเรียนเท่าเทียมกับเยาวชนในท้องถิ่นอื่น โดยโรงเรียนประเภทนี้เรียกว่า “โรงเรียนร่มเกล้า” และ”โรงเรียนพ่อหลวงอุปถัมภ์”
        โรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรก ตั้งขึ้นที่โรงเรียนร่มเกล้าบ้านหนองแคน จังหวัดนครพนม  และต่อมาได้เกิดโรงเรียนร่มเกล้าขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศไทย  โดยลักษณะสำคัญของโรงเรียน คืออยู่ในชนบทห่างไกล บางแห่งอยู่ชายแดนและอยู่ในเขตก่อกวนของผู้ก่อการร้าย ซึ่งการพิจารณาตัดสินใจก่อสร้างโรงเรียนร่มเกล้าขึ้น ณ แห่งใดนั้น ทรงมอบให้แม่ทัพภาคของแต่ละเขตพื้นที่เป็นผู้พิจารณา การสร้างโรงเรียนร่มเกล้าจึงเป็นการให้ความเสมอภาคทางการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ในชนบทห่างไกล เป็นพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณโดยแท้
 ในส่วนของโรงเรียนพ่อหลวงอุปถัมภ์  เกิดจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน
เขต 5 ค่ายดารารัศมี  จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งขึ้นแห่งแรกที่โรงเรียนบ้านดอนมหาวัน อำเภอ
เชียงของ  ซึ่งต้องใช้ตำรวจตระเวนชายแดนเป็นครู  ต่อมาได้มีการขยายการก่อสร้างโรงเรียนในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นตามลำดับ  ที่สำคัญคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินีนาถ พระราชทานทรัพย์ร่วมสร้างโรงเรียนเหล่านี้
          นอกจากการจัดสร้างโรงเรียนดังกล่าวแล้ว พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาอันเป็นคุณประโยชน์แก่ชาติไทยนั้นมีมากมาย ทรงจัดตั้งโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์  ดังนี้
         โรงเรียนราชวินิต  เป็นโรงเรียนประถมศึกษาให้แก่บุตรหลานข้าราชบริพาร ข้าราชการในสำนักพระราชวัง และบุคคลทั่วไป  ซึ่งคำว่า “โรงเรียนราชวินิต” มีความหมายว่า “สถานที่อบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาของพระราชา”
 โรงเรียนวังไกลกังวล  อยู่ในเขตพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โรงเรียนไกลกังวลเป็นโรงเรียนแม่ข่ายในการที่จะเป็นโรงเรียนที่นำสื่อในการศึกษาทางไกลสายสามัญ ไปสู่โรงเรียนในชนบททั่วทุกแห่งในจังหวัดต่าง ๆทั่วประเทศไทย
          โรงเรียนราชประชาสมาสัย   โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระดำริที่จะหาวิธีควบคุมและกำจัดโรคเรื้อนให้หมดไป  จึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งสถาบันวิจัยโรคเรื้อนขึ้น ชื่อว่า “สถาบันราชประชาสมาสัย” ซึ่งมีความหมายว่า “พระราชาและประชาชนต้องอาศัยซึ่งกันและกัน”  ต่อมาจึงได้ตั้งโรงเรียนสำหรับบุตรของผู้ป่วยโรคเรื้อนแยกออกมา ที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ บริหารขึ้นต่อมูลนิธิราชประชาสมาสัย
          โรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย   เป็นโรงเรียนที่มีพระราชประสงค์จะให้โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนนักเรียนอยู่ประจำ เป็นการอบรมสั่งสอนแบบประเทศตะวันตก  ปัจจุบันอยู่ในความดูและของกระทรวงศึกษาธิการ
           โรงเรียนราชประชานุเคราะห์   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของประชาชน ที่ได้รับผลจากการเกิดวาตภัย   จึงเป็นที่มาของ “มูลนิธิราชประชานุเคราะห์”  โดยในระยะต่อมามูลนิธิได้ร่วมกับจังหวัดต่าง ๆที่เกี่ยวข้องจัดสร้างโรงเรียนขึ้นทดแทนโรงเรียนที่ถูกพายุพัดพัง  และพระราชทานนามว่า”โรงเรียนราชประชานุเคราะห์”  โดยปัจจุบันมีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั้งสิ้น 30 โรงเรียน  โดยมีอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษด้วย  คือโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ 29
          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  นอกจากจะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์กิจการของโรงเรียนแล้ว  พระองค์ยังมีพระดำริที่จะพระราชทานการสนับสนุนตัวผู้ศึกษา ด้วยการพระราชทานทุนการศึกษาในระดับต่าง ๆ ด้วย
 ขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีพระราชดำริจัดตั้ง”ศูนย์ศึกษาการพัฒนา” ขึ้นตามภาคต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมทางวิชาการของภาค  เช่น ศูนย์การศึกษาพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร  เป็นต้น
          โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน  นับว่าเป็นโครงการที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงพระราชทานแก่ชาวไทย เนื่องด้วยหนังสือตามโครงการดังกล่าว เป็นหนังสือ
ประเภทสารานุกรมที่บรรจุสรรพวิชาอันเป็นสาระไว้ครบทุกแขนง  จึงเป็นหนังสือที่มีประโยชน์เกื้อกูลการศึกษา เพิ่มพูนปัญญาด้วยตนเองของประชาชน
          พระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก”   เป็นวรรณกรรมชั้นเยี่ยมที่พระมหากษัตริย์ไทย
ทรงพระราชนิพนธ์  โดยมีวรรคทองของวรรณกรรมว่า “ของจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญา
ที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์”
         สุดท้ายนี้  ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  “เรา” ซึ่งหมายถึงคนไทยทุกคน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียต่อการศึกษา ต่อประเทศชาติ คงจะร่วมกันเดินตามรอยพระยุคลบาท  เพื่อนำการศึกษา  นำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและแท้จริงต่อไปอย่างแน่นอน
 


 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 35 วันที่ 8 ธ.ค. 2552


ตามรอยพระยุคลบาท..ใต้ร่มฉัตรจักรีวงศ์

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

สุขภาพดวงตา...ที่อ่อนเยาว์

สุขภาพดวงตา...ที่อ่อนเยาว์


เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
ก้าวไปให้ถึงดวงดาว

ก้าวไปให้ถึงดวงดาว


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
ฉลาดเลือกครีมกันแดด

ฉลาดเลือกครีมกันแดด


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
ถั่วเขียว...ลบจุดด่างดำ

ถั่วเขียว...ลบจุดด่างดำ


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

มาแก้....กันดีกว่า

มาแก้....กันดีกว่า

เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
จัดสุขภาพอนามัย.....ด้วย 3 ห้องฮวงจุ้ย
จัดสุขภาพอนามัย.....ด้วย 3 ห้องฮวงจุ้ย
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย

วิจัยในชั้นเรียน...กับการหาค่าสถิติฯ...ถ้าง่ายแบบนี้คุณครูคนไหนก็ทำได้!!!
วิจัยในชั้นเรียน...กับการหาค่าสถิติฯ...ถ้าง่ายแบบนี้คุณครูคนไหนก็ทำได้!!!
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

สุดยอด 7 เคล็ดลับที่จะทำให้ชีวิตการทำงานก้าวหน้า
สุดยอด 7 เคล็ดลับที่จะทำให้ชีวิตการทำงานก้าวหน้า
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

ขายประกันผ่าน...ฮัลโหลได้เวลาคุ้มครองผู้บริโภค
ขายประกันผ่าน...ฮัลโหลได้เวลาคุ้มครองผู้บริโภค
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

สวยได้ใน 5 (หรือ 7) นาที
สวยได้ใน 5 (หรือ 7) นาที
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

โดเมนเสียตังค์ สามารถใช้ host free ได้เต็มรูปแบบแล้วครับ
โดเมนเสียตังค์ สามารถใช้ host free ได้เต็มรูปแบบแล้วครับ
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

10 โรคเรื้อรังของคนวัย 40 อัพ
10 โรคเรื้อรังของคนวัย 40 อัพ
เปิดอ่าน 15,372 ครั้ง

"เดอะ เกรท ไฟร์วอลล์" กรณีศึกษา "อินเทอร์เน็ต เกตเวย์" จากจีน
"เดอะ เกรท ไฟร์วอลล์" กรณีศึกษา "อินเทอร์เน็ต เกตเวย์" จากจีน
เปิดอ่าน 10,979 ครั้ง

สารพัดวิธีกินผักแบบเนียน ๆ อร่อยไม่ฝืนใจแถมได้ประโยชน์
สารพัดวิธีกินผักแบบเนียน ๆ อร่อยไม่ฝืนใจแถมได้ประโยชน์
เปิดอ่าน 14,483 ครั้ง

สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
สภาวการณ์การศึกษาไทยในเวทีโลก ปี 2557
เปิดอ่าน 9,596 ครั้ง

ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
เปิดอ่าน 17,417 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ