และแล้วก็ใกล้จะเข้าสู่ปี 2552 เข้าไปทุกทีแล้ว โดยในปีหน้านี้เทคโนโลยี ซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ก็กำลังต่อคิวเปิดตัวกันอีกมากมาย แต่ทั้งนี้ในปีหน้า ถ้าข่าวลือที่หลุดออกจากปาก บิล เกตต์ นั้นเป็นความจริง ไม่ว่าเทคโนโลยีหรือซอฟท์แวร์ใดจะเปิดตัวก็ไม่อาจเทียบเคียงกระแสของ Windows 7 ผนวกกับยิ่งมีกระแสข่าวลือต่อมาอีกว่า Windows 7 จะมีการเปิดตัวในวันที่ 3 มิถุนายน 2009 เพราะต้องรีบออกมาทดแทนส่วนที่ขาดทุนไปกับ Windows Vista ที่ขายไม่ออก ก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือเข้าไปอีก
2. UI (User interface) ที่ยังคงมีกลิ่นอายของ Vista ผสมอยู่
UI ของเจ้า Windows 7 ในรุ่น Build 6956 นี้จะถูกเปลี่ยนเป็น Aero Glass ตั้งแต่ติดตั้งเสร็จเลย และเท่าที่ลองกับเครื่อง Pentium 4 ที่มีการ์ดแสดงผลเพียง Geforce FX5200 64 MB ก็สามารถใช้ Aero Glass นี้ได้โดยไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด แถมยังเร็วกว่า Vista อีกด้วย ซึ่งใครที่ใช้ Vista อยู่ประจำเมื่อเปลี่ยนมมาใช้ Windows 7 ก็คงใช้ได้อย่างสบาย เพราะไม่ต่างอะไรกันเลย
3. Taskbar แนวใหม่ ใหญ่กว่าเดิม
ในส่วนของ Taskbar ของ Windows 7 Build 6956 จะถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีชื่อว่า Super Bar โดยจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม และเมื่อใช้งานจะไม่มีตัวหนังสือบอกชื่อโปรแกรมต่อท้ายไอคอนเหมือนแต่ก่อน แต่จะเหลือเพียงรูปไอคอนเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่มากยิ่งขึ้น แถมเวลาเราเปิดโปรแกรมเดียวกันซ้อนกันหนึ่งหน้าต่างขึ้นไป เจ้าไอคอนจะรวมกันเป็นหนึ่งไอคอน โดยเมื่อเรานำเมาส์ไปคลิ๊กหรือชี้บนไอคอนโปรแกรมที่เปิดซ้อนกันไว้ ไอคอนก็จะแสดงหน้าต่างที่ซ้อนกัน (Desktop Preview) ออกมาดังภาพประกอบด้านบน ซึ่งทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าเราเปิดหน้าต่างอะไรไว้บ้าง และอีกลูกเล่นหนึ่งคือเราสามารถลากโปรแกรมจากในเมนู Start ลงมาไว้ที่ Taskbar ได้ทันทีอีกด้วย
4. โปรแกรม Paint, Wordpad และ Calculator ใหม่ถอดด้าม
เมื่อพูด Paint, Wordpad และ Calculator สามโปรแกรม Accessories ในตำนานของวินโดว์ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะโปรแกรมเหล่านี้เป็นโปรแกรมสุดฮิตที่คนเล่นคอมพิวเตอร์ต่างต้องเคยผ่านมือกันมาทุกคน โดยในWindows 7 Build 6956 นี้โปรแกรม Paint, Wordpad และ Calculator ได้ถูกลื้อแล้วผลิตใหม่หมดโดยมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาให้ออกไปทางโปรแกรมในชุด Office 2007 และปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อย่าง Wordpad เองก็สามารถแทรกรูปภาพได้ หรือตัว Calculator ก็ได้ปรับเปลี่ยนระบบและหน้าตาใหม่ พร้อมทั้งสามารถแปลงค่าเทียบอัตราส่วนต่างๆได้ด้วย
5. โปรแกรม Capture หน้าจอตัวใหม่ Snipping Tool
ใน Windows 7 นั้นได้แถมโปรแกรมสำหรับไว้ Capture หน้าจอไว้ให้ด้วย โดยเจ้าโปรแกรมนี้จะมีข้อดีกว่าการกดปุ่ม Print Screen แบบเดิมๆ ตรงที่มันสามารถทำการกำหนดขอบเขตในการจับภาพได้ว่า ต้องการแค่ไหน โดยวิธีการคือ คลิ๊กเมาส์ซ้ายค้างไว้ตอนเปิดโปรแกรม หน้าจอจะกลายเป็นสีจางๆ จากนั้นก็ทำการลากเมาส์ครอบพื้นที่ที่เราต้องการจะจับภาพ จากนั้นโปรแกรมจะปรากฏภาพที่ Capture ออกมา พร้อมเซพได้ทันที
6. IE 8 Beta ตัวใหม่เร็วขึ้นแต่ปัญหายังคงอยู่
หลายคนอาจเคยใช้ IE8 รุ่น Beta มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเสียงจากผู้ใช้จำนวนมากมักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ดี กินแรม ภาษาไทยไม่สมบูรณ์" โดยถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นนี้ที่มากับ Windows 7 Build 6956 ก็ไม่ต่างอะไรกันเลย เพียงแต่ทำงานได้เร็วกว่าเก่าเท่านั้นเอง นอกนั้นปัญหายังคงมีอยู่ ดังภาพประกอบด้านบน ที่ตัวอักษรขาดๆ หายๆ รูปภาพขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง ซึ่งสำหรับใครที่กำลังใช้ Windows 7 เวอร์ชั่นนี้ก็ขอแนะนำให้ใช้เว็บบราวเซอร์อื่นไปก่อน คาดว่าอีกไม่นานคง
7. Internet Games กลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่ใน Vista ถูกตัดออก แล้วมีคนบ่นพอสมควรว่า จะตัดออกทำไม โดยเฉพาะเกม Internet Checkers หรือ หมากฮอสสากล ที่เมื่อสมัย XP ยุคแรกมีคนเล่นติดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ในครั้งนี้ทาง Microsoft ได้นำกลับมาปัดฝุ่นใหม่พร้อมพัฒนาภาพกราฟฟิคให้สวยงามขึ้นกว่าเดิม อักทั้งยังได้รวมเกมจาก Vista อย่าง Purble Place ไว้อีกด้วย
8. ระบบค้นหา Driver ติดตั้งฮาร์ดแวร์อัตโนมัติ
Add New Hardware คำๆ นี้คุณผู้อ่านคงยังจำได้ทุกครั้งที่ได้มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ลงไปในคอมพิวเตอร์ เพราะเราจะต้องเป็นคนหาแผ่น Driver มาติดตั้งหรือสั่งให้มันหาเอง ซึ่งคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ก็อาจจะทำได้ลำบาก ดังนั้นใน Windows 7 เวอร์ชั่นนี้ เมื่อเราเสียบฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ เจ้าวินโดว์จะทำการค้นหา Driver ให้เองแบบอัตโนมัติ แต่เราจำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ทไว้ ซึ่งก็นับว่าสะดวกมาก เพราะเมื่อเสร็จสิ้นก็จะมีหน้าต่างขึ้นมาบอกเรา แต่ถ้าตัววินโดว์หา Driver ของฮาร์ดแวร์ตัวไหนไม่เจอ โปรแกรมจะบอกให้เราเป็นคนจัดการเอง (Manual Setup)
9. เปลี่ยนจาก My Do***ent เป็น Libraries
อันนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนทำไม เลยทำให้ดูงงๆ เล็กน้อยเวลาใช้งาน
10. ระบบ Gadgets แบบใหม่ที่ไม่มี Side Bar มากวนใจ
หลายๆ คนอาจชอบลูกเล่นนี้ใน Vista โดยเฉพาะคนที่มีจอภาพแบบ Widescreen แต่ทั้งนี้พอเปิดลูกเล่นนี้ที่ไร เครื่องจะต้องอืดทุกที เลยจำใจต้องปิดไป แต่ใน Windows 7 เวอร์ชั่นนี้ ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป พร้อมทั้งยังสามารถเคลื่อนย้าย Gadgets ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเพราะไม่มีตัว Sidebar เป็นตัวล็อค Gadgets เหล่านั้นไว้แล้ว โดยวิธีการเลือกใช้งานก็ง่ายมาก เพียงคลิ๊กขวา บน Desktop แล้วคลิ๊กซ้ายตรง Gadgets เพียงเท่านี้ก็เปิดใช้งานคุณสมบัติเหล่านั้นได้ทันที
11. Background Desktop แบบใหม่ เปลี่ยนเองได้ทุกเวลา
ใน Windows 7 เมื่อเราคลิ๊กขวาแล้วเลือกคำสั่ง Personalize จะปรากฏหน้าต่างให้จัดการกับ Desktop ขึ้น โดยภาพ Background และ Theme ของเจ้าเจ็ดนั้นจะมาแบบเป็นชุดๆ โดยเราสามารถแก้ไขได้ว่า ชุดนี้จะนำรูปอะไรมาเป็น Background บ้าง (เลือกได้มากกว่า 1) และอยากใช้ Theme สีอะไร เพราะเมื่อเราทำการเลือกใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังเปิดหน้าต่างวินโดว์ใช้งานอยู่สักพัก ภาพ Background เดิมจะ Fade เปลี่ยนเป็นภาพต่อไปที่เราได้เลือกไว้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกจำเจกับภาพ Background เก่าๆ เมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
12. Aero Snap สุดเจ๋ง
สำหรับในส่วนนี้ถ้าใครเคยใช้ GridVista ของโน้ตบุ๊ค Acer ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะระบบนี้ใน Windows 7 ก็เป็นแบบเดียวกับ GridVista อย่างใดอย่างนั้น แต่สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ ผมขออธิบายว่า ระบบนี้เป็นระบบการขยายหน้าต่างแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อเราคลิ๊กเมาส์ซ้ายค้างไว้บนแทบ Title Bar แล้วลากไปอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของขอบจอภาพ หน้าต่างจะขยายออกเองอัตโนมัติ แต่จะขยายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอีกด้านเราสามารถทำซ้ำแบบนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งเปรียบเสมือนการแบ่งหน้าจอกันใช้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเล่น MSN ไปพร้อมกับเล่นเว็บ เราก็สามารถจัดหน้าจอเป็นดังภาพประกอบด้านบนได้ โดยทำตามวิธีที่ได้กล่าวไป
ส่วนของแถมอีกอย่างที่ขอนำมาอธิบายตรงส่วนนี้เลยก็คือ เมื่อเราขยายหน้าต่างวินโดว์จนเต็มหน้าจอ (Maximize) เราสามารถกลับมาเป็นหน้าต่างปกติ (Minimize) ได้โดยการกดเมาส์ซ้ายค้างไว้ตรงแทบ Title Bar พร้อมลากเมาส์ลงมา หน้าต่างก็จะย่อกลับไปขนาดเท่าเดิม
13. Windows Media Player 12 มุ่งเน้น Media Library
Windows Media Player สิ่งที่อยู่คู่วินโดว์มานานเช่นเดียวกับเจ้า 3 โปรแกรมอัตถประโยชน์ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยใน Windows 7 Build 6956 ได้แถม Windows Media Player เวอร์ชั่น 12 มาให้ ซึ่งจากภาพรวมแล้วจะเห็นว่าหน้าตาเปลี่ยนไปไม่มากจากเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ โดยสีที่ใช้จะเน้นไปทางโทนสีดำมากขึ้น และในส่วนของ Media Library ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก (แต่ถึงอย่างไรผมเองก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดี) และมีข่าวบอกว่าสามารถเล่นไฟล์ Hi-Def ที่เข้ารหัส H.264 ได้เลยโดยไม่ต้องลง Codec แต่ทั้งนี้เท่าที่ผมทดสอบก็ไม่เห็นจะเล่นไฟล์ดังกล่าวได้ เอ..หรือว่าไฟล์ Hi-Def ที่ผมมีมันเข้ารหัสที่ซับซ้อนกว่านั้นก็ไม่ทราบ
14. Windows PowerShell V2 โปรแกรมที่ใช้ติดต่อ Windows แบบ Command line
สำหรับ Windows PowerShell นั้นก็มีมาตั้งแต่สมัย XP แล้วเพียงแต่ไม่ได้ติดมากับตัววินโดว์ แต่ล่าสุด Microsoft ก็จับมารวมกับ Windows 7 Build 6956 โดยโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมในการติดต่อวินโดว์ผ่าน command line shell และ task-based scripting technology ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบ วินโดว์หรือ ผู้ดูแลระบบอย่าง สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการจัดการะบบที่เป็นอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่โปรแกรมเหล่านี้จะใช้งานบนระบบ Server
15. XPS Viewer คู่แข่งคนสำคัญของ Adobe Reader
XPS Viewer โปรแกรมที่ใช้เรียกดูเอกสารที่มีนามสกุล .XPS ซึ่งก็มีหลักการทำงานคล้ายๆ Adobe Reader แต่ตัวโปรแกรมจะมีขนาดเล็กกว่า และทำงานได้รวดเร็วกว่า โดยจะสนับสนุนไฟล์ของ Adobe PDF ด้วย อย่างนี้อนาคต Adobe Reader ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วสิ
16. Start Menu แบบใหม่ เรียกไฟล์ล่าสุดได้ทันใจนึก
ยังจำตัว My Recent Do***ents ที่ใช้ในการจดจำชื่อไฟล์แบบรวมๆ ที่เราเปิดครั้งสุดท้ายไว้ เพื่อให้เราสามารถกลับมาค้นหาได้ไหมครับ ซึ่งใน Windows 7 Build 6956 นี้ได้มีพัฒนาขึ้นมาให้ใช้งานง่ายขึ้น เพราะเจ้า My Recent Do***ents จะถูกแจกจ่ายไปตามโปรแกรมต่างๆ ที่เป็นโปรแกรมจำพวกจัดการเอกสาร โดยลักษณะจะเป็นดั่งภาพประกอบด้านบน ซึ่งทำให้การเข้าถึงไฟล์เก่าๆ นั้นง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ 16 สิ่งใหม่ที่อาจทำให้เกิดอาการ แรกเริ่มแรกรักเข้ากับ Windows 7 Build 6956 ได้เลย แต่ทั้งนี้ถ้าจะให้กล่าวเพียงแค่ระบบใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในวินโดว์เวอร์ชั่นนี้เพียงอย่างเดียว ก็อาจจะยังไม่น่าสนใจพอสำหรับบางคน โดยเฉพาะบรรดาเกมเมอร์หรือพวกที่ต้องใช้วินโดว์เป็นเวลานานๆ เพราะในเรื่องประสิทธิภาพและความเสถียรของตัววินโดว์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรได้รู้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะมาทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Windows 7 Build 6956 กันว่าจะช้าหรือเร็วมากน้อยเพียงใด
SPEC ที่ใช้ในการทดสอบ
Acer Aspire 4920G |
CPU |
Core 2 Duo T8300 2.4GHz |
RAM |
2GB DDR2 667Mhz |
VGA Card |
ATI Mobility Radeon HD 2400XT |
OS |
Windows 7 Build 6956 32 bit
Windows XP SP3
|
*เหตุที่ไม่ใช้ Vista ทดสอบก็เพราะว่า จากข้อมูลของ Adrian Kingsley-Hughes ผมคิดว่าคู่แข่งคนสำคัญของ Windows 7 น่าจะเป็น Windows XPวินโดว์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกมากกว่า
โดยอันดับแรก มาเริ่มกันที่ทดสอบเวลาบู๊ตเข้าระบบ โดยมีโปรแกรมที่ต้องถูกเรียกระหว่างการทดสอบดังนี้ (อยู่ในส่วนของโฟล์เดอร์ Startup)
- Kaspersky 9
- Bluetooth
- Windows Live Messenger Beta
- Power ISO
ซึ่งผลที่ออกมาคือ Windows XP SP3 ใช้เวลาบู๊ตเข้าระบบถึง 70 กว่าวินาที ในขณะที่ Windows 7 Build 6956 ใช้เวลาไปเพียง 57 วินาทีรวมการโหลด Gadgets จำนวน 2 ตัวด้วย ซึ่งก็นับว่าเป็นเวลาที่ใช้ในการบู๊ตเข้าระบบที่เร็วที่สุด โดยเมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว Windows XP SP3 จะใช้แรมไปประมาณ 490 MB แต่ Windows 7 Build 6956 จะใช้แรมถึง 513 MB ซึ่งเหตุที่ Windows 7 Build 6956ใช้แรมไปจำนวนมากกว่า XP SP3 เพราะว่ามีการโหลดในส่วนของ Gadgets จำนวน 2 ตัวด้วย แต่ถ้าเทียบกับ Vista ที่เมื่อเข้าระบบเสร็จจะเรียกแรมถึง 980 MB ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ แล้ว
ส่วนการใช้งานในส่วนอื่นๆ ผมเองได้ลองลงโปรแกรมไปจนครบซึ่งโปรแกรมส่วนใหญ่จะทำงานได้ดีไม่ค่อยมีปัญหา แต่จะมีบางโปรแกรมเช่น Demon Tools ที่ใช้ไม่ได้ เลยต้องหันไปใช้ Power ISO แทน และในส่วนของระบบ Flip 3D ทำออกมาได้ดีกว่า Vista มาก เพราะโหลดเร็วกว่าและเสถียรกว่ามาก
และก็มาถึงการทดสอบขั้นที่ 2 โดยผมจะทำการทดสอบการบริโภคทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ของวินโดว์แต่ละตัวว่าทำได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งผมได้ทดลองเปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Firefox เป็นจำนวนมากจนกว่าเครื่องจะค้างและทำอะไรไม่ได้ โดยผลที่ออกมาก็คือ Windows XP SP3 สามารถเปิดเว็บบราวเซอร์ Firefox ได้จำนวน 280 หน้าต่างและบริโภคแรมไป 1.52 GB เครื่องจึงเริ่มอืดและไม่สามารถเปิดโปรแกรมอะไรได้เพราะเครื่องจะเริ่มค้าง แต่ใน Windows 7 Build 6956 จะสามารถเปิดเว็บบราวเซอร์ Firefox ได้จำนวน 300 หน้าต่าง โดยบวกกับ Gadgets จำนวน 2 อัน, Windows Media Center, IE8 Beta จำนวน 2 หน้าต่าง, โปรแกรม MP3 AIMP2 และ Microsot Word 2007 เครื่องถึงจะเริ่มอืด แต่ยังไม่ค้าง จนเปิด Adobe Photoshop CS4 ถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงค้างในที่สุด โดยทั้งหมดก่อนเครื่องค้างวินโดว์บริโภคแรมไปแค่เพียง 1.40 GB เท่านั้น
ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วในผลสรุปของหัวข้อนี้ว่า Windows 7 Build 6956 มีระบบการจัดสรรการบริโภคทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดตั้งแต่มีวินโดว์มา โดยสามารถล้มแชมป์วินโดว์ที่เสถียรที่สุดตลอดกาลอย่าง XP ลงได้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ
ส่วนการทดสอบขั้นสุดท้ายจะเป็นในเรื่องของการเล่นเกม โดยเกมที่วันนี้ผมนำมาทดสอบกับวินโดว์ทั้ง 2 ตัวก็คือ Call of Duty: World at War โดยผลการทดสอบที่ได้สามารถแบ่งคำตอบออกเป็น 2 หัวข้อคือ
ในด้านคุณภาพกราฟฟิค
อาจเพราะเกมๆ นี้ใช้คุณสมบัติกราฟฟิค เพียง DirectX 9 ทำให้ไม่เห็นข้อแตกต่างใดๆ ทั้งสิ้น โดยวินโดว์ทั้งสองตัวสามารถแสดงผลกราฟฟิคของเกมได้เท่ากันและอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ในด้านของประสิทธิภาพ
ในส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูล โดย Windows 7 Build 6956 สามาถเข้าถึงข้อมูลเกมได้เร็วกว่า XP SP3 อย่างมาก และยิ่งเฉพาะการโหลดฉากและมีการเล่น Movie ของเกมระดับ HD ไปด้วยนั้น Windows 7 Build 6956 สามารถดึงข้อมูลโดยไม่ทำให้ Movie เกมกระตุกแต่อย่างใด แตกต่างจากใน XP SP3 ที่มีอาการสะดุดให้เห็นบ้างเป็นระยะๆ
สรุป
ก็จบไปหมดแล้วนะครับสำหรับการเจาะลึก Windows 7 Build 6956 พร้อมผลการทดสอบคร่าวๆ จากกระผม ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ตัววินโดว์หมายเลขเจ็ดจะทำออกมาได้ดีในทุกๆ ด้านเมื่อเทียบกับวินโดว์สุดฮิตตลอดกาลอย่าง XP ทั้งๆ ที่ยังเป็น Pre-Beta อยู่ แต่ใช่ว่าประสิทธิภาพดีแล้วจะไม่มีปัญหานะครับ เพราะปัญหาในเรื่อง Driver ที่เป็นปัญหาสุดฮิตมาตั้งแต่สมัย Vista ก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นนัก โดยเฉพาะปัญหาวินโดว์ลง Driver ตัวนั้นตัวโน้นไม่ได้ จนบางทีทำให้ผู้ใช้ต้องพยายามลงแบบ Manual เอาเอง แต่ก็อย่างว่า เป็นแค่ Pre-Beta เองจะเอาอะไรมาก อ้อ.. และอีกข้อหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจาก Windows 7 Build 6956 คือ ระบบ User Account Control ที่ไม่ค่อยเด้งขึ้นมากวนใจ เหมือนสมัย Vista แล้ว
สุดท้ายนี้เราๆ ท่านๆ ก็คงต้องรอตัวเต็มของ Windows 7 กันต่อไปว่าจะมีอะไรที่เป็นไม้เด็ดมากกว่านี้ โดยถ้าเมื่อไหร่ที่ Windows 7 วางจำหน่ายอย่างสมบูรณ์แบบ ปีนั้นอาจเป็นปีสุดท้ายของ Windows XP และ Vista ก็เป็นได้ เพราะดูจากการทดสอบจากหลายๆ ที่ หลายสำนักแล้วเจ้า Windows 7 มักทำคะแนนในทุกส่วนได้ดีกว่า XP และ Vista แถมยังรองรับคุณสมบัติใหม่ๆ ของเทคโนโลยีในอนาคตอีกด้วย แล้วอย่างนี้ในอนาคต ตัว Windows 7 จะเป็นวินโดว์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดตามคำบอกเล่าของใครต่อใครจริงๆ ใช่หรือเปล่า