Advertisement
เปิดใจ อนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่งในหลวง
Posted by ชมพู่แก้มแหม่ม , ผู้อ่าน : 113 , 06:20:36 น.
หมวด : ดารา/นักร้อง/คนดัง
พิมพ์หน้านี้
เปิดใจ อนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่งในหลวง |
|
|
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ในการบันทึกรายการตีสิบ ช่วงหนึ่งนายวิทวัส สุนทรวิเนตร์ พิธีกรรายการ ได้สัมภาษณ์นายอนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง
นายอนันต์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเข้าไปดูแลรถยนต์พระที่นั่งว่า เดิมเป็นช่างทำสีรถยนต์ทั่วไป กระทั่งเมื่อประมาณปลายปี 2541-2542 มีคนมาคุยที่ร้าน แต่งชุดธรรมดามาบอกว่าจะให้ทำสีรถยนต์พระที่นั่ง ตอนนั้นคิดว่าล้อเล่นจึงปฏิเสธ ไม่นานเขานำรถยนต์ รยล. และแต่งชุดเต็มยศเข้ามาหาที่อู่ พร้อมทั้งจดหมายจากสำนักพระราชวัง บอกว่าพรุ่งนี้ให้แต่งชุดสุภาพเพื่อเตรียมเข้าวังไปพบท่านรองราชเลขาธิการ พอเข้าไปในสวนจิตรลดา ท่านรองฯ ถามว่าจะให้ดูแลทำสีรถยนต์พระที่นั่งทั้งหมด จะทำได้ไหม ก็รับคำทันที
ส่วนรถยนต์พระที่นั่งคันแรกที่ได้ทำนั้น นายอนันต์ กล่าวว่า คือรถโรลส์รอยซ์ ที่เป็นรถยนต์พระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ในพระราชพิธีสวนสนาม วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี
"เราเห็นเข่าอ่อนเลย วันแรกที่เห็นรถก็นั่งมองรถตั้งแต่ 9 โมง ถึงตีสาม และฝากให้สารถีถามท่านว่าท่านโปรดสีรถยนต์ยี่ห้อไหน แต่ท่านมีรับสั่งกลับว่าให้ใช้สีที่นายช่างใช้ ก่อนที่เราจะทำสีรถก็ก้มกราบที่เยื้องพระบาทขึ้นรถยนต์ จากนั้นจึงเริ่มทำ ระหว่างที่ทำก็ต้องติดกล้องวงจรปิดส่งภาพให้ทางสำนักพระราชวังดู และมีตำรวจมาคอยตรวจดู ตอนนั้นเรานอนเฝ้ารถยนต์พระที่นั่งเลย ตอนที่ซ่อมแม่มาเห็นเข้าก็บอกว่าให้เราซ่อมถวายท่านเลยได้มั้ย เพราะว่าแม่เป็นคนจีนโล้สำเภามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจากท่าน อยากจะตอบแทนคุณท่าน ให้ลูกทำแทนแม่ได้มั้ย เราก็รับคำแม่ทันทีว่าได้ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเศรษฐกิจไม่ดี เราเป็นหนี้อยู่ 10 ล้าน แต่เราก็พยายามทำงานให้ท่านอย่างดีที่สุด" นายอนันต์กล่าว
ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง เล่าอีกว่า พอทำสีรถยนต์ไปได้สัก 7 คัน มีผู้ใหญ่ทำจดหมายขึ้นกราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า นายช่างทูลเกล้าฯ ถวายค่าซ่อมรถทั้ง 7 คัน ก็มีรับสั่งมาว่าขอบใจ แต่ตอนหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งให้สารถีมาบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดที่นายช่างทำแบบนี้ อยากให้นายช่างรู้จักประมาณตนว่าอะไรควรถวาย อะไรไม่ควรถวาย
"ท่านคงรู้ว่าผมมีปัญหาหนี้สินมาก ท่านก็เลยเตือนสติ ผมถือว่าเป็นพรที่นำคำว่ารู้จักประมาณตน มาใช้จนทุกวันนี้" นายอนันต์กล่าว
นายอนันต์ เล่าต่อว่า นอกจากรถยนต์พระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังดูแลรถยนต์พระที่นั่งของพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย
"ครั้งหนึ่งผมต้องซ่อมรถตู้เชฟโรเลต ซึ่งเป็นรถที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ สมัยท่านเรียนจบที่จุฬาฯ และเป็นคันโปรดของท่านด้วย ก่อนซ่อมข้างประตูด้านที่ท่านประทับเวลาฝนตกจะมีน้ำหยด แต่หลังจากที่ซ่อมแล้ว วันหนึ่งท่านก็รับสั่งกับสารถีว่า วันนี้รถดูแปลกไป น้ำไม่หยด อย่างนี้ก็ไม่เย็นน่ะสิ แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเอากระป๋องมารอง" นายอนันต์เล่าถึงพระอารมณ์ขันของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
นายอนันต์เปิดเผยว่า ภายในรถยนต์พระที่นั่งของแต่ละพระองค์นั้น เรียบง่ายมากไม่มีอะไรเลยที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก มีแต่ถังขยะเล็กๆ กับที่ทรงงานเท่านั้น
ส่วนการได้มีโอกาสดูแลรถยนต์พระที่นั่ง ทำให้ได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนั้น นายอนันต์กล่าวว่า ครั้งหนึ่งมีรถยนต์พระที่นั่งที่เพิ่งทรงใช้ในพระราชกรณียกิจมาทำ เห็นว่าพรมใต้รถมีน้ำแฉะขังอยู่และมีกลิ่นเหม็นด้วย แสดงว่าพระองค์ท่านทรงนำรถไปทรงพระราชกรณียกิจในที่ที่น้ำท่วม แถมน้ำยังซึมเข้าไปในรถพระที่นั่งด้วย แสดงว่าน้ำก็ต้องเปียกพระบาทมาตลอดทาง จึงถามสารถีว่า ทำไมไม่รีบเอารถมาซ่อม ก็ได้คำตอบว่าต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกิจก่อน
เมื่อพิธีกรถามว่า จากการที่ได้มีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ได้เห็นถึงความพอเพียงของพระองค์อย่างไร นายอนันต์ ตอบว่า "ปกติถ้าทรงงานส่วนพระองค์ ท่านก็ใช้รถคันเล็กเพื่อประหยัดน้ำมัน และเมื่อเราสังเกตสีรถพระที่นั่ง จะเห็นว่ามีรอยสีถลอกรอบคันรถ กว่าที่ท่านจะนำมาทำสีใหม่ก็รอบคันแล้ว แต่คนใช้รถอย่างเราแค่รอยนิดเดียวก็รีบเอามาทำสีแล้ว และครั้งหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังประสานงานไปรับรถพระที่นั่งของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก็มีวิทยุของข้าราชบริพารบอกกันว่ารถติดมาก สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เสด็จฯ ขึ้นรถไฟฟ้าไปแล้ว"
ในช่วงตลอดเวลา 10 ปี ที่ปฏิบัติงานถวายนั้น นายอนันต์กล่าวว่า พระราชกระแสรับสั่งที่ให้เราประมาณตน ทำให้เรายึดมั่นคำนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันมาโดยตลอด ทำงานด้วยความสุจริต ไม่เอาเปรียบใคร
"เชื่อมั้ยว่าชีวิตจากที่เป็นหนี้ 10 ล้าน ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ขยายกิจการมาโดยตลอด ครอบครัวมีความสุข คุณแม่ที่เคยขอให้เราทำงานเพื่อตอบแทนพระคุณท่าน ก็อายุ 90 ปีแล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงอยู่ เหมือนสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดเป็นพรที่สะท้อนกลับมาหาผมเป็นทวีคูณ" นายอนันต์กล่าวในตอนท้าย
วันเดียวกัน สำนักพระราชวังแจ้งว่า ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อทรงรับการถวายการรักษาพระอาการประชวรเป็นเวลา 70 วัน ปรากฏว่ามีพระประมุขและผู้นำประเทศส่งพระราชโทรเลข พระราชสาส์น และสาส์นถวายพระพร รวมทั้งสิ้น 11 ประเทศ อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงส่งพระราชโทรเลขถวายพระพรมีใจความว่า "หม่อมฉันและพระสวามีมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ที่ทราบว่าฝ่าพระบาททรงพระประชวร และขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาททรงพระสำราญในเร็ววัน"
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งชาวเบลเยียม อัลแบร์ที่ 2 ทรงส่งพระราชโทรเลข มีใจความว่า "เมื่อทราบว่าฝ่าพระบาททรงเข้ารับการถวายการรักษาพระอาการประชวร หม่อมฉัน พระราชินี และพระราชวงศ์ ขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาททรงพระสำราญในเร็ววัน"
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย มีพระราชสาส์นความว่า "หม่อมฉันและพระราชินีรู้สึกห่วงใย ขอสวดมนต์ภาวนาเพื่อฝ่าพระบาทมีพระพลานามัยสมบูรณ์ ทรงพระเกษมสำราญมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน" ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปน ฮวน คาร์ลอส โซเฟีย ความว่า "ขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาทเกษมสำราญโดยเร็ววัน" ด้านสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร มีพระราชสาส์นความว่า "หม่อมฉันรู้สึกเป็นห่วงเมื่อทราบว่าฝ่าพระบาทประชวรเมื่อไม่นานนี้ ขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาททรงพระสำราญในเร็ววัน"
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://news.thaiza.com/เปิดใจ%20อนันต์%20ร่มรื่นวาณิชกิจ%20ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่งในหลวง_1212_170387_1212_.html
เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ดูเหมือนกัน ตั้งใจว่าจะต้องนำเรื่องราวดีๆ ที่เป็นสิ่งที่เป็นมงคลมาลงในบล็อก เพื่อที่ว่าจะได้เข้ามาอ่านและ ร่วมยินดีด้วยกัน ฟังเรื่องราวจากคุณอนันต์แล้วทำให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงใช้ชีวิตอย่างพอเพียงมากจริงๆ แม้กระทั่งสมเด็จพระเทพฯ แล้ว พระเมตตาของพระองค์ท่านนั้นที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์ในด้านความเป็นห่วงพสกนิกรนั้นทรงถอดแบบมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วได้เป็นอย่างดี ทำให้รักพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้นจนไม่รู้ว่าจะเอาเครื่องวัดชนิดใดมาวัดความจงรักภักดีที่มีต่อ ในหลวง สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพฯ ได้เลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ท่านทำเพื่อประโยชน์และความสุขของพสกนิกรของพระองค์ตลอดมา โดยที่พระองค์ท่านไม่เคยคำนึงถึงความสุขความสบายของพระองค์เลยแม้แต่น้อย ความสุขขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นอยูที่ พสกนิกรของพระองค์ พสกนิกรมีความสุข พระองค์ท่านก็ทรงมีความสุขด้วย เมื่อใดที่พสกนิกรของพระองค์มีความทุกข์นั้น พระองค์ท่านมิได้ทรงมีความสุขเลยพระองค์ท่านกลับเป็นทุกข์มากกว่า
แต่เราซึ่งเป็นพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น อยากเห็นพระองค์ท่านมีแต่ความสุขความสบายทั้งพระวรกาย รวมไปถึงพระราชหฤทัยของพระองค์ตลอดไป
ดิฉันเชื่อว่าทุกท่านที่เข้ามาอ่านในคอลัมน์นี้มีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับดิฉันอย่างแน่นอน.
|
วันที่ 4 ธ.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,151 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,171 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,151 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,751 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,993 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,253 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,414 ครั้ง |
เปิดอ่าน 1,479 ครั้ง |
|
|