อาจารย์สมาน คลังจตุรัส สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดดอกไม้จำนวน 199 ชนิด เพื่อนำเงินรายได้จัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ...
เพื่อสานต่อโครงการอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี จึงเดินหน้าจัดกิจกรรมศิลปะการกุศลครั้งใหญ่ในงาน "Art of Mercy... Flowers for Life น้ำใจผลิบาน...ตระการงานศิลป์" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เมื่อเร็วๆนี้ ภายในงาน ศ.พญ. สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์
รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้กล่าวว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของโครงการและระดมทุนที่ยังขาดแคลนอยู่จำนวนมากเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ โดยได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ สมาน คลังจัตุรัส และอาจารย์พิเศษแผนกวาดภาพสีน้ำมันของศูนย์ ศิลปาชีพ บางไทร จังหวัดพระนคร-ศรีอยุธยา ที่ได้สร้างสรรค์ภาพวาดพันธุ์ดอกไม้จำนวน 199 ภาพ เพื่อรับบริจาคในราคาภาพละ 300,000 บาท โดยผู้บริจาคจะได้รับภาพไปชื่นชมที่บ้านแล้ว ภาพแบบเดียวกันนี้ยังจะถูกสร้างสรรค์ เพื่อนำมาตกแต่งในอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ พร้อมทั้งประกาศเกียรติคุณด้วยการสลักชื่อผู้บริจาคใต้กรอบภาพวาดอีกด้วย
อาจารย์สมาน พญ.สุวรรณา นพ.อร่าม
ด้าน อาจารย์สมาน คลังจัตุรัส ศิลปินผู้รังสรรค์งานศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์พรรณไม้ไทย จึงได้วาดดอกไม้พันธุ์หายาก, ไม้มงคลและพันธุ์ไม้ในวรรณคดีให้คนไทยได้รู้จัก นอกจากนี้ ตนยังได้วาดพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะนำมาประดิษฐานที่โถงทางเข้าอาคาร ในขนาด 2.8๚3.9 เมตร ใหญ่กว่าพระองค์จริงถึง 1 เท่าครึ่ง ใช้เวลาวาดปีครึ่ง ผ้าใบที่ใช้เขียนผลิตจากผ้าลินินออยล์มีขนาดหน้าผ้าใบ 3 เมตรที่หาได้ยากต้องสั่งมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ สีที่ใช้เป็นสีน้ำมันที่ดีที่สุดสั่งมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้พระสาทิสลักษณ์สามารถอยู่ได้นับร้อยปีเช่นเดียวกับภาพวาดของศิลปินดังระดับโลก ในส่วนกรอบรูปทำมาจากโครงไม้สักทองแกะสลักลวดลาย 3 มิติและปิดทองด้วยทองคำเปลวมากกว่า 20,000 ใบอย่างสวยงาม
ส่วน ศ.นพ.อร่าม โรจนสกุล ประธานคณะกรรมการศึกษาและพัฒนาระบบบริหารจัดการในอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์กล่าวว่า อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคมนี้และเริ่มดำเนินการตกแต่งภายในและติดตั้งเครื่องมือแพทย์ในเดือนมกราคมปีหน้า โดยกำหนดจะเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2553 อาคารนี้มีจุดเด่นคือจะเป็นศูนย์รักษาโรคซับซ้อนหลากหลายสาขา รวมทั้งเป็นที่รับส่งต่อผู้ป่วยในทุกชนชั้นจากโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศที่ต้องการดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย ดังนั้น จึงต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยกว่า 2,000 ล้านบาท ที่ต้องระดมหาทุนต่อไป.