Advertisement
วิธีง่ายๆ กำจัดถุงใต้ตา
|
ปัญหาเรื่องถุงใต้ตา รอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตา นับเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งการเกิดถุงใต้ตา นั้นมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดมากเกินไป กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อมที่อยู่ รวมถึงอาหารการกิน ความเครียด การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมนเพศหญิง ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวเสื่อมได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของถุงใต้ตา นั้นมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม ซึ่งมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
ถุงใต้ตาแท้
อาจจะมีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ วิธีนี้ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมตกแต่ง เพราะถุงใต้ตาชนิดนี้เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ที่ใต้ตา เมื่อเราอายุมากขึ้นก้อนไขมันเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาแบบแท้ บางครั้งก็สังเกตอาการใหญ่โตของถุงใต้ตาได้ตั้งแต่เพิ่งยี่สิบต้นๆ เลยก็ได้ วิธีการรักษามีตั้งแต่การผ่าตัด การใช้ยาละลายไขมัน การใช้คลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF)
หากเลือกรักษาอาการดังกล่าวด้วยวิธีการใช้คลื่น RF ก็จะช่วยทำให้ไขมันใต้ตาดูเล็กลง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้ปัญหาถุงใต้ตาหายขาดได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการที่ช่วยยกกระชับผิวใต้ตา ซึ่งจะทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การรักษาทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่งโดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดี แต่ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อย นอกจากตัดรอยดำออกไปด้วย ไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การผ่าตัดอาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงสดใส แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง 1-2 ปี หากขาดการดูแลและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำใหม่ได้ เพราะการผ่าตัดคือ การตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังเกิดขึ้นได้ใหม่ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มอ่อนแอลงผนวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมถอยขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง ก่อเกิดการสะสมตัวซ้ำของถุงใต้ตา และริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป
ปัจจุบัน มีวิธีการรักษาใหม่ๆ ด้วยการนำสารโปรตีนอนุภาคเล็กที่เรียกว่า Acetyl tetrapeptide 5 (อะเซ็ทติล เต็ตตร้า เปปไทด์ 5) ที่ทางการแพทย์ใช้เป็นยาลดความดันเลือด นำมาใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิว เพื่อเสริมการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาด้วยตัวเอง ซึ่งมีการศึกษาวิจัยในยุโรปแล้วว่า สารดังกล่าวสามารถช่วยลดการเกิดถุงใต้ตา รอยบวม ตลอดจนรอยคล้ำได้ เพราะช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองให้เป็นไปอย่างสมดุล อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงกระชับขึ้นและช่วยให้ของเสียถูกขับถ่ายออกจากเซลล์ผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมตัวของน้ำและไขมันที่อาจเกิดขึ้นรอบดวงตา
ส่วนวิธีการใช้ยาละลายไขมัน ไม่ขอแนะนำ เนื่องจากไม่ค่อยปลอดภัย แถมยังมีรายงานทางการแพทย์ด้วยว่า เคยมีผู้ป่วยใช้วิธีนี้แล้วเกิดอาการตาบอด เนื่องจากเกิดการอักเสบของไขมันมากเกินไป ซึ่งส่งผลต่อดวงตา และอาจจะทำให้ตาบอดได้ในที่สุด หากใครที่พบเจอปัญหาถุงใต้ตากวนใจก็แนะนำให้ไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ
ถุงใต้ตาเทียม
มีสาเหตุมากจากระบบการไหลเวียนในร่างกายไม่ดี ทำให้ของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตา คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเทียมแบบนี้ มักจะมาจากพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น ชอบนอกดึก ร้องไห้เป็นประจำ ขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตลอดจนการแพ้สารต่าง ๆ เช่น แพ้มาสคาร่า อาจมีการสะสมทำให้คันพอคันก็จะถู ขยี้ตา จะไปกระตุ้นทำให้ทิ้งรอยดำได้
และหนุ่มสาวคนไหนที่มีนิสัยชอบนอนดึกๆ หรืออดนอนอยู่เป็นนิจล่ะก็ รู้ไว้เลยว่าจะทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำก็ชัดขึ้น และหากปล่อยให้เป็นนานๆ เส้นเลือดจะเปราะแตกง่าย ทำให้เกิดสารตกค้างใต้ตาทำให้ตาคล้ำได้
หากเป็นเช่นนี้ คุณสามารถรักษาได้หายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีทั้งหลาย แล้วลองนวดที่ดวงตาเบา ๆ หรือหมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำ อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองค่ะ
วิธีป้องกันถุงใต้ตาง่ายๆ ด้วยตัวเอง
1. อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า
2. ปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ ที่สำคัญ... อย่าขยี้ตา
3. หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที
4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะจะยิ่งเสริมให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงการอดนอน หรือคร่ำเคร่งในการอ่านหนังสือ ? อ่านตำรา และการร้องไห้
6. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลบริเวณรอบดวงตา เพื่อรับมือกับรอยหมองคล้ำและถุงใต้ตาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ที่มา .. แพทย์หญิงพุธศิรินทร์ ชูจันทร์ แพทย์ด้านผิวหนัง
|
|
วันที่ 24 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,168 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง เปิดอ่าน 7,178 ครั้ง เปิดอ่าน 7,412 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,148 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,290 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 2,908 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,496 ครั้ง |
เปิดอ่าน 30,675 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,222 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,617 ครั้ง |
|
|