อยากตัวดำหรือขาวดีล่ะ????
ถึงจะขาวอย่างไร บางทีก็มีคล้ำกันได้ แหม...ก็แสงแดดบ้านเรานี่ใช่ย่อยซะที่ไหน แผดเปรี้ยงซะขนาดนี้.....
เทรนด์ผิวขาว...เป็นเทรนด์ที่สาว ๆ สมัยนี้นิยมเป็นที่สุด โดยเฉพาะในแถบเอเชียบ้านเราด้วยแล้วยิ่งฮิตติดชาร์ทกันไปใหญ่ แต่เป็นใครก็ไม่รอดไปได้ สาว ๆ เขาถึงกลัวแดดกันนัก
แสงแดดเป็นบ่อเกิดและเป็นตัวอันตรายกับผิวพรรณของสาว ๆ อย่างน่ากลัวทีเดียว อย่างที่เรา ทราบ ๆ กัน เช่น
1. ผิวคล้ำ
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สำหรับผู้หญิงเอเชียนั้นผิวคล้ำ เกิดจากการผลิตเม็ดสีผิวมากเกินไป เป็นความผิดปกติจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น กรรมพันธ์ุ ฯลฯ ส่วนกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ ปานดำ เป็นการเกิดรอยดำที่ไม่เกี่ยวกับกรรมพันธ์ุ แต่มีสาเหตุจากอันตรายของแสงแดดและปัจจัยภายนอกรอยดำพวกนี้มักพบบริเวณ มือหน้า และบริเวณที่ต้องเผชิญกับแสงแดดบ่อยครั้ง
2. ฝ้า
ลักษณะคล้ายกับจุดด่างดำแต่มีบริเวณที่กระจายกว้างกว่าส่วนมากเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
3. กระ
จุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ ที่สามารถเกิดบริเวณใดก็ได้ในร่างกาย แต่ส่วนมากมักพบบริเวณหน้าและมือ ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
4. หูด
ถือเป็นส่วนของการสร้างเม็ดสีเช่นกัน เพราะเกิดขึ้นจากการขยายตัวทีละเล็กทีละน้อยของผิวที่มีสีน้ำตาลอ่อนจนเข้ม ขึ้น เกิดขึ้นได้ บริเวณหนังศีรษะ หน้า คอ หน้าอกและแผ่นหลัง ส่วนมากมักเกิดในวัย 40-50 ปี โดยอาจขยายมาจาก จุดด่างดำนั่นเอง!
ความจริงที่ว่า...
เชื่อไหมว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของการเกิดริ้วรอยกระ ฝ้า หน้าดำ หน้าย่น ที่เป็นเส้นทางของอาการ แก่ นั้นมีต้นเหตุมาจาก "แสงแดด"
ตัวช่วยสำหรับผิวสาวยามออกแดด
มีการค้นพบว่า ปราการป้องกันที่ดีที่สุดนั้นคือ การใช้ ครีมกันแดด ซึ่งในปัจจุบันพบว่า ครีมกันแดดมีให้เลือกมากมายหลากหลายชนิดประเภทของครีมกันแดด
สงสัยล่ะสิว่า ครีมกันแดดมีกี่ประเภทกันแน่ ครีมกันแดดในท้องตลาดตอนนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. Chemical Sunscreen (สารกันแดดดูดแสง) มีหน้าที่ในการดูดซับแสงแดด ซึ่งสารเคมีแต่ละตัวจะป้องกันรังสีได้ต่างกัน บางตัวก็ได้ UVA บางตัวก็ได้ UVB ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย มีสีใส ทำให้สีผิวไม่เปลี่ยน
2. Physical Sunscreen (สารกันแดดสะท้อนแสง) ส่วนใหญ่จะใช้ Titanium Dioxide (TiO2), Zinc Oxide (ZnO) ซึ่งสามารถสะท้อนแดดได้ทั้ง UVA, UVB, Visible Light และ Infrared Light สารพวกนี้สามารถดูดซึมเข้าผิวหนังน้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยเกิดอาการแพ้ แต่จะทำให้เกิดการทึบ แสง (ใบหน้าจะขาววอกนั่นเอง) แต่ในปัจจุบันจะมีตัวยา Micronized Titanium Dioxide เพิ่มเข้ามา เมื่อทาแล้วเกือบ ๆ จะเป็น Transparent ที่ไม่ทำให้หน้าวอกนั่นเอง
เลือกครีมกันแดดอย่างไรดี
1. ต้องเป็น Physical Sunscreen เท่านั้น และควรจะระบุไว้ด้วยว่าสามารถป้องกันแบบ Broad Spectrum คือป้องกันได้ทุกรังสีจากแสงแดด และจะให้ดีควรเป็น Micronised Zinc Oxide หรือ/และ Micronised Titanium Dioxide ด้วย
2. ถ้าเป็นคนผิวมันเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด สูตร Oil Free (ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน) Grease-Free (ไม่มันเยิ้ม) Non-Comedogenic (ทดสอบแล้ว ไม่ทำให้เกิดสิว) สำหรับคนเป็นสิวง่าย เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะซึมซาบเข้าสู่ใต้ผิวหนังได้เร็วและไม่เหนอะหนะ และถ้าเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติและปลอดน้ำหอม
3 SPF อย่างต่ำสุด คือ 15 แต่ถ้าจะให้ดีควรจะเป็น 30
4. จะให้ดียิ่งขึ้น ควรเป็น Transparent Zinc Oxide หรือ Microfine Titanium Dioxide
5. เลือกชนิดที่เป็น Water-Proof ในกรณีต้องตากแดด ในการเล่นกีฬา
หรือลงน้ำ
ป้องกันแสงแดดให้ได้ผล
1. ทาครีมกันแดดล่วงหน้า 30 นาทีก่อนเผชิญแสงแดด และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังว่ายน้ำควรจะทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันผิวอีกชั้นหนึ่ง
2. เลือกใช้ครีมกันแดด สำหรับกิจกรรมทางน้ำที่มีคำว่า Water Proof (ที่จะกันแดดได้นาน 80 นาที) และ Water Resistant (จะกันแดดได้นาน 40 นาที) ทุกครั้ง
3. ทาครีมกันแดดซ้ำบ่อย ๆ และควรจะทาเลยไปที่บริเวณคอและแขนด้วยเพื่อความงามอย่างทั่วถึง
4. การเติมครีมกันแดดในระหว่างวันโดยไม่ต้องล้างหน้านั้น ให้ซับเหงื่อซับมันออกจากหน้าเสียก่อน แล้วใช้นิ้วกลางป้ายครีมมาแตะ ๆ ให้ทั่วหน้า แทนการละเลงครีมไปทั่วหน้า ก่อนจะทาแป้งซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
5. แม้จะทาครีมกันแดดหลังจากตากแดดแรง ๆ แล้ว ควรดื่มน้ำตลอดเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ (Dehydrated) ตรงไหนที่ตากแดดแรง ๆ เป็นเวลานาน ควรจะทา After Sun ที่ช่วยให้บรรเทาอาการแสบร้อน เลือกที่มีส่วนผสมของวิตามินอีและว่านหางจระเข้ และไม่ควรโดนแดดแรง ๆ อีกสักพัก
6. แยกใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกาย ควรใช้เฉพาะจุดที่กำหนด เช่น ใช้ทาหน้า ทาตัว ทามือ และที่สำคัญควรตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุด้วย ควรเลือกวันที่ผลิตจนถึง ณ ปัจจุบันมีอายุไม่เกิน 1 ปี
7. ถ้าผิวกลายเป็นสีชมพูเข้ม รู้สึกร้อนและไหม้ ให้ประคบผิวบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็นผสมนมสด ห้ามใช้น้ำแข็งประคบเพราะจะทำให้ยิ่งไหม้ จากนั้น ชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของอโลเวรา และไม่ควรใช้สบู่ หรือครีมอาบน้ำถูโดยเด็ดขาด
8. แต่ถ้าผิวเป็นสีแดงจัด เป็นรอยย่นจนเห็นได้ชัด ควรอาบน้ำและชโลมผิวเหมือนข้อแรก ทานยาแอสไพรินทุกๆ 4 ชั่วโมง จากนั้นให้ไปพบแพทย์ แต่ถ้าพบว่ามีผิวเป็นสีแดง มีตุ่มน้ำใส ๆ มีไข้ หนาวสั่น ให้ทานยาแอสไพรินแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที
9. ในช่วงเวลากลางวัน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาพอที่จะป้องกันแสงแดดที่ส่องผ่านเข้าสู่ผิวหนัง รวมทั้งแว่นตาป้องกันรังสี UVB อันเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นบริเวณหนังตาที่บอบบางและไวต่อแสงเป็นพิเศษ รวมทั้งถุงมือที่ช่วยป้องกันบริเวณหลังมือที่มักเป็นตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง ผิวหนังมากที่สุดเช่นกัน
Tips หลังออกเดท
1. หลังจากเล่นน้ำทะเล อาบแดดอ่อนๆ ให้ดื่มชาเขียว หรือกินไอศกรีมชาเขียว ซึ่งจะมีฤทธิ์ยับยั้ง และป้องกันมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการ ถูกแดดเผา หรือได้รับแสงอัลตราไวโอเลตมากเกินไป
2. กินผลไม้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวิตามิน A B E C และเบตาแคโรทีน เช่น แตงกวา มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ เป็นต้น โดยควรกินไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของอาหารมื้อนั้นๆ ส่วนโยเกิร์ตก็ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน และถ้ากลับมาหน้าดำเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนหาทางขจัดกระ ฝ้า หน้าแดง หน้าดำ ให้รอสักพักแล้ว เลือกใช้ ส้ม มะนาว มะขามเปียก สับปะรด เพื่อช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
3. การฟื้นฟูสภาพผิวหลังออกแดด ควรทาครีมหรือโลชั่นที่ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น หรือที่เรียกว่า Moisturizer จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น และช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ๆ
4. รับประทานสารอาหารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยยับยั้งการทำลายเซลล์ผิวจากรังสี UV และยังเกี่ยวข้องกับการต้านการเกิดมะเร็งผิวหนัง อันเนื่องมาจาก DNA ของเซลล์ผิวที่ดูดซับรังสี UV เอาไว้ ซึ่งอาจทำให้เซลล์ผิวเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพันธุกรรมจนพัฒนาไปเป็นเซลล์ มะเร็งได้ (สารอาหารดังกล่าวสามารถพบได้ในวิตามิน A, C, E แร่ธาตุสังกะสี และสารสกัด จากธรรมชาติจำพวก Green tea และ Proanthocyanidins จากสารสกัดเมล็ดองุ่น เป็นต้น)
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://women.kapook.com/view7130.html
http://www.naronk.org/uboard/show.php?Category=thai&No=3705