ถาม – กรรมอะไรที่ทำให้ไปเป็นสัตว์ประเภทต่างๆครับ?
สัตว์ เดรัจฉานเป็นสิ่งจับต้องได้ เราสามารถเห็นพวกมันด้วยตา ฟังเสียงพวกมันด้วยแก้วหู โดยไม่จำเป็นต้องมีตาทิพย์หูทิพย์เสียก่อน ฉะนั้นก็แปลว่าเราสามารถรู้เห็นการรับ ‘ผลกรรม’ มากมายผ่านรูปชีวิตสัตว์อันหลาก
หลายมหาศาลบนโลกใบนี้เอง บางเผ่าพันธุ์เหินไปในเวิ้งอากาศว่าง บางเผ่าพันธุ์แหวกว่ายไปในห้วงน้ำใหญ่ บางเผ่าพันธุ์เอาแต่มุดหัวอยู่ในดินทึบ และหลายเผ่าพันธุ์ก็เคลื่อนไหวอยู่บนผิวโลก รับผัสสะร้อนเย็นต่างกัน มีอัตภาพเล็กใหญ่ล้ำเหลื่อมกัน และสามารถกระทำการผิดแผกกว่ากันวิจิตรพิสดารนัก
แต่สัตว์จะวิจิตรพิสดารปานใด ชนวนเหตุอันนำไปสู่อบายภูมิระดับเดรัจฉานก็ไม่ต่างกันนัก หลักๆได้แก่
๑) มีจิตเศร้าหมองก่อนตาย หมายความว่าไม่ต้องชั่วร้ายมาก ขอแค่จิตเศร้าหมอง หรือพะวงติดข้องอยู่ในความคิดที่เป็นอกุศล ก็เพียงพอแล้วกับการไปถือกำเนิดเป็นสัตว์ เนื่องจากจิตที่เศร้าหมองย่อมขาดกำลังระลึกถึงกุศลผลบุญ ฉะนั้นที่จะให้ไปสู่ภพภูมิที่เจริญคงยาก
๒) ประกอบกรรมชั่วโดยปราศจากความละอาย หมายความว่าชั่วพอประมาณ แต่ยังไม่ทะลุพื้นเดรัจฉานร่วงหล่นลงสู่นรกภูมิ เช่น เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นได้แบบไม่กะพริบตา คดโกงได้หน้าด้านๆ ประกอบกามแบบสำส่อน โป้ปดมดเท็จเอาตัวรอดไว้ก่อน ร่ำสุราจนเมามายโดยขาดความเห็นโทษ อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๕ ประการนี้ก็เพียงพอกับการลงไปเป็นสัตว์ เนื่องจากจิตที่สกปรกย่อมไม่อาจส่องสว่างคู่ควรกับสุคติได้ จิตที่เศร้าหมองก่อนตายด้วยความเป็นผู้ทุศีลนั้น หนักหนากว่าจิตที่เศร้าหมองเพราะความติดข้องห่วงหน้าพะวงหลังมากนัก
ส่วนที่ว่าจะไปเป็นสหายของหมู่สัตว์ชนิดใด ก็ขึ้นอยู่กับกรรมแยกกรรมย่อยที่แต่ละคนกระทำต่างๆกัน จำแนกโดยคร่าวคือ
๑) จำพวกร่างเล็ก ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณมากกว่ามีสำนึกคิดอ่านตริตรอง รูปชีวิตแบบนี้ถือกำเนิดด้วยอำนาจกรรมชั่วที่กระทำโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ สักแต่คิดว่าใครๆเขาก็ทำกัน หรือแม้เมื่อทำดีก็ด้วยกำลังใจที่อ่อน ไม่เป็นตัวของตัวเองในการประกอบบุญกุศล ต้องรอคนชักจูงหรือคะยั้นคะยอจริงจังถึงจะยอมทำแบบเสียไม่ได้
๒) จำพวกร่างใหญ่ มีความคิดอ่านหรือสติปัญญาพอตัว มีลักษณะอุปนิสัยแบบมนุษย์ติดอยู่บ้าง รูปชีวิตแบบนี้ถือกำเนิดด้วยอำนาจกรรมชั่วที่กระทำแบบยั้งใจได้บ้าง อยากปรับปรุงนิสัยใจคออยู่บ้าง เสียแต่ว่าแพ้กิเลส ยอมประกอบกรรมชั่วอยู่เนืองๆมากกว่า แต่พวกนี้อาจเคยทำบุญมาดี มีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่ต้องผลักดันมากก็คิดทำดีด้วยตนเองบ้าง
ส่วนเกณฑ์โดยคร่าวที่ทำให้ไปเป็นสัตว์ในอัตภาพและสิ่งแวดล้อมต่างๆกันนั้น ได้แก่
๑) ประเภทที่เลื่อนชั้นจากสัตว์นรกขึ้นไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน พวกนี้ยังเหลือเศษกรรมที่ควรแก่ความแผดเผา อึดอัด หรือเดือดร้อนทรมาน มักไปอยู่ในสภาพแวดล้อมอันลำบากกันดาร ภูมิประเทศเขตร้อนจัด หรือตกอยู่ในภาวะบีบคั้น น่าอึดอัดคับข้อง น่าตื่นกลัวอยู่เนืองๆ
๒) ประเภทที่เปลี่ยนจากความเป็นสัตว์สู่ความเป็นสัตว์ พวกนี้ยังไม่หมดกรรมระดับเดิม หรือระหว่างมีอัตภาพหนึ่งๆก็ประกอบกรรมซ้ำเติมตนเองเข้าให้อีก ก็ต้องอยู่ในสภาพเดิมๆต่อ เช่นเมื่อถอยลงไปสู่ความเป็นสุนัข ก็อาจติดอาการเห่าเอาเรื่อง ติดกามแบบไม่เลือกหน้าอย่างสุนัข ต้องเป็นสัตว์หน้าขนชนิดเดิมซ้ำซากนับหมื่นชาติ จนกว่าจะมีเหตุให้พัฒนาจิตเลื่อนภูมิไปเป็นสัตว์อื่นที่สบายขึ้น หรือไม่ก็ลดระดับตกต่ำย่ำแย่ลง เช่นพวกมีสันดานชอบความรุนแรงมักเสี่ยงต่อการไหลสู่เหวนรกมากกว่าอยู่กับที่
๓) ประเภทที่ลดชั้นจากเปรตลงมาเป็นสัตว์ พวกนี้เคยสูงกว่าเดรัจฉาน แต่ยังไม่สามารถระลึกถึงกุศล หรือยังไม่มีกุศลในอดีตมาช่วยเลื่อนชั้นให้ไปเป็นมนุษย์ พอจะตายจิตอาจเศร้าหมองจนต้องตกต่ำไปเป็นสัตว์ ซึ่งจะสบายหรือลำบากก็ขึ้นอยู่กับเหตุที่สร้างไว้เมื่อครั้งมีโอกาสเป็น มนุษย์ หากมีบุญหนุนอยู่บ้างก็จะลงไปเป็นพวกที่มีสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้น แต่หากไม่มีบุญหนุนเลย มีแต่บาปถีบหัวส่ง ก็ต้องไปเป็นพวกที่โงหัวลืมตาอ้าปากยากหน่อย
๔) ประเภทที่ลดชั้นจากมนุษย์ลงมาเป็นสัตว์ พวกนี้โดยรวมคือเป็นคนประเภททำตัวตกต่ำจนหลุดระดับชั้นของความเป็นมนุษย์ คือขาดความละอายต่อบาปซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของสุคติภูมิ แต่เมื่อพลาดไปเป็นสัตว์แล้วก็อาจจะยังมีความใกล้เคียงกับครั้งเป็นมนุษย์ อยู่ คือเคยมีนิสัยหลักๆอย่างไร ก็ไปเป็นสัตว์ที่แสดงออกซึ่งนิสัยนั้นๆเด่นชัด เช่นจองหองพองขน ชอบก่อเรื่อง น้อยใจเก่ง หรือขี้ระแวง แมวบางตัวหน้าตาขี้โกงและหวาดระแวงก็เพราะครั้งเป็นมนุษย์นั้นชอบเอารัดเอา เปรียบ มีความตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ตัวจัด จนกลายเป็นผลให้ขี้ระแวงลุกลี้ลุกลน กลัวใครจะมาทำอะไรตนตั้งแต่ยังเล็กๆ
๕) ประเภทที่ลดชั้นจากเทวดาหรือพรหมลงมาเป็นสัตว์ พวกที่ตกร่วงข้ามขั้นจากสภาพทิพย์มาอยู่ในสภาพหยาบนั้น มักมีเหตุอกุศลในอดีตมาบีบคั้น ไม่ค่อยจะใช่พวกทำบาปหนักระหว่างอยู่ในพิมานแมน จัดเป็นของหายากประมาณหนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้าน แต่เมื่อเป็นสัตว์ก็จะมีส่วนของบุญเก่าเกื้อหนุนให้มีลักษณะเลอเลิศหรือมี ความสุขสบายเกินผองเพื่อน เช่นเป็นหมาหรือแมวน่ารัก เป็นสุดพิศวาสขาดใจของเหล่าเศรษฐีซึ่งยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูแสนแพงยิ่งกว่า เลี้ยงดูคน สภาพถูกปรนเปรอเกินสัตว์มักทำให้เย่อหยิ่งเกินสัตว์ไปด้วย แต่ความเย่อหยิ่งนั้นก็มักผูกพวกมันไว้กับความเป็นสัตว์อีกหลายครั้ง เว้นแต่พวกที่เคยอบรมตนให้อ่อนน้อม ไร้ทิฐิ และมีสำนึกคิดอ่านในทางถ่อมตัวมามาก ก็จะไม่เย่อหยิ่งขนาดผูกไว้กับภาวะของสัตว์ได้นานนัก
สำหรับกรรมที่ทำให้ไปเป็นสหายของเหล่าเดรัจฉานนั้น แม้คนธรรมดาที่ไร้ตาทิพย์ทั่วไปก็อาจอนุมานจากความรู้สึกของตัวเองได้คร่าวๆ เพราะ มนุษย์เป็นภูมิที่อยู่สูงกว่าสัตว์ จึงสามารถเลียนแบบลักษณะของความเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งๆได้ด้วยความเข้าใจ ประเมินหรือประมาณจากใจได้ว่าความเป็นสัตว์ชนิดนั้นๆเข้ากันกับความรู้สึก นึกคิดแบบไหน ยกตัวอย่างสักเล็กน้อย เช่น
๑) ลองยืดคางลงต่ำ ห่อปากทำหน้าเหมือนลิง จะรู้สึกถึงคำว่า ‘ลิงหลอกเจ้า’ ใจจะคล้อยไปทางชอบล้อเลียน ชอบเย้ยหยัน ชอบปลิ้นปล้อน ชอบซุกซน
๒) ลองทำตาดุร้ายและแยกเขี้ยวคำราม จะรู้สึกถึงคำว่า ‘ดุเหมือนเสือ’ ใจจะคล้อยไปทางชอบแสดงความโกรธ ชอบแสดงอำนาจข่มขวัญ ชอบใช้เขี้ยวเล็บในการทำร้าย
๓) ลองทำเสียงโฮ้งๆดังๆ จะรู้สึกถึงคำว่า ‘เห่าเหมือนหมา’ ใจจะคล้อยไปทางชอบบ๊งเบ๊ง ชอบทะเลาะเบาะแว้งอย่างไร้เหตุผล ชอบขู่มากกว่ากัดจริง ชอบลอบกัดศัตรูจากข้างหลัง
๔) ลองทำท่าเสือกคลานไปโดยไม่ใช้แขนขา จะรู้สึกถึงคำว่า ‘เกียจคร้านเหมือนงูเหลือม’ ใจจะคล้อยไปทางชอบนอนกองอยู่กับที่ ชอบสวาปามให้อิ่มใหญ่ๆแล้วพักยาว
อกุศลกรรมที่ทำๆไปทุกวันนั้น อาจรวมลงเป็นความชอบใจเข้าข่ายอาการแบบใดแบบหนึ่งในตัวอย่างข้างต้น จิตใจเป็นอย่างไรก็กระเดียดไปมีพฤติกรรมแบบนั้นๆ และยึดภพแห่งความเป็นเช่นนั้นไว้ แต่ตัวอย่างแค่ ๓-๔ ชนิดข้างต้นนี้น้อยเกินไปหน่อยครับ สัตว์มีเป็นแสนเหล่า แต่ละเหล่าอาจแยกย่อยได้เป็นร้อยสายพันธุ์ ลักษณะนิสัยแบบใดแบบหนึ่งมิใช่เกณฑ์ตายตัวให้ต้องอยู่ในภพจำเพาะเจาะจงเสมอ ไป เช่นตอนเป็นมนุษย์ชอบขู่ตะคอกให้คนอื่นกลัว ตายไปอาจไม่เป็นเสือในป่า เพราะวาสนาที่แท้อาจเป็นได้แค่ร็อตไวเล่อร์ที่ชอบกัดเด็กก็ได้
เมื่อเป็นสัตว์แล้ว แต่ละประเภท แต่ละเผ่าพันธุ์ก็มีสิทธิ์พัฒนาที่แตกต่างกัน การที่ได้มีโอกาสเกิดเป็นสัตว์เลี้ยงของคนมีบุญนั้น เป็นโอกาสใกล้ที่สุดที่จะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้น โดยอาจไปเป็นเปรตประเภทที่มีความสบายมากกว่าความลำบาก หรือถ้ามีวาสนาพอจะไปอยู่ในวัดที่มีพระผู้ทรงศีลให้ความเมตตาเป็นพิเศษ ก็อาจได้สปริงบอร์ดกระดกขึ้นมาเป็นมนุษย์ไปเลย
อย่างไรก็ตาม การอยู่ใกล้คนมีบุญไม่ประกันความปลอดภัยเสมอไป ตรงข้าม หากบันดาลโทสะเผลอทำร้ายมนุษย์ผู้เลี้ยงดู ก็อาจกลายเป็นเงาดำใหญ่ติดตัว ให้ผลแบบเฉียบพลัน เช่นถูกสัตว์ด้วยกันทำร้ายสาหัสแทบจะทันที กับทั้งอาจส่งผลระยะยาว เช่นขณะตายจะเป็นไข้ทรมาน ทำให้จิตปั่นป่วนและตกร่วงลงไปสู่ภพที่ยิ่งย่ำแย่หนักกว่าเก่าได้
คนเราคิดอะไรบ่อยๆ จิตก็ถูกปรุงแต่งให้เป็นดีเป็นร้ายตามนั้น อยู่ๆจิตไม่ได้เข้าไปอยู่ในภพสูงหรือภพต่ำโดยบังเอิญ แต่บางทีนึกว่าผิดเล็กผิดน้อยนิดเดียว ประมาทว่าคงไม่เป็นไร หารู้ไม่ว่าเมื่อสั่งสมจนเคยชินและกลายเป็นนิสัยติดตัวแล้ว ก็อาจรวมเข้าเป็นกรรมหนัก ให้ผลขนาดกำหนดทิศทางไปสู่ความเป็นสัตว์ได้
การทำทานสละความตระหนี่ มีแก่ใจรักษาศีลชำระความสกปรก ไม่หมกตัวอยู่กับอบายมุข และเหนือกว่านั้นคือมีจิตคิดเมตตา เจริญปัญญาเห็นความไม่น่ายึดมั่นถือมั่นทั้งปวง จะเป็นประกันให้รู้สึกอุ่นใจออกมาจากข้างใน ว่าเราห่างไกลจากสภาพจิตแบบสัตว์มากแล้ว นั่นแหละครับ ประเสริฐสุด เพราะหากพลาดพลั้งถอยหลังเข้าคลองแล้ว โอกาสกลับขึ้นมาเสวยสุขแบบมนุษย์ใหม่ช่างยากเย็นเข็ญใจเหลือประมาณ
ที่มา ดังตฤณ