Advertisement
❝ ก็คงเป็นบทสรุปในตอนี้ที่ท่านผู้อ่านคงจะสามารถตัดสินได้ว่าตกลงโรงเรียนจะเป็นโรงเรียนในฝันหรือโรงเรียนรังแกฉัน ซึ่งบางครั้งความหวังดีของนโยบายโรงเรียน อาจจะกลายเป็นผลร้ายที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนในอนาคต ❞
ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ครูใหญ่คนเก่าเสียชีวิต ได้ครูใหญ่คนใหม่เข้ามา แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับผมหรอก ถึงตอนนี้ก็คงเริ่มด้านวินัย ผมตั้งกฎกับนักเรียนว่า ถ้าใครมาช้าเกินกว่า 5 นาทีต้องโดนลงโทษ โดยการยึดพื้น นาทีละ 5 ครั้ง เพราะผมมองเห็นว่า เด็กกำลังเจริญเติบโต ถ้าได้ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายบ้าง ร่างกายก็จะกระปรี้กระเปร่า เพราะคาบสอนผมเป็นช่วงหลังอาหารกลางวัน หนังท้องตึง หนังตากำลังหย่อน ดังนั้นการตั้งกฎแบบนี้ ผมถือว่าได้ผลดี 2 ประการคือ สร้างวินัย กับสร้างร่างกายให้กับเด็ก ผลปรากฏว่า ชั่วโมงของผมอัตราการเข้าห้องสายน้อยลง จนทุกคนจะต้องมาก่อนเวลา เพราะกลัวถูกลงโทษ อันนี้ผ่านไป ขั้นตอนต่อมาคือคุยกันในชั้นเรียนไม่สนใจการเรียน ผมก็จะให้ใบงานเป็นคำถามก่อน โดยคำตอบจะอยู่ในเนื้อหาที่อธิบาย หากใครตอบผิดทั้งที่มีคำตอบอยู่แล้วก็จะมีการออกกำลังกายเช่นกัน ผลก็ออกมาสวยงาม แม้จะเขียนผิดเพี้ยนไปบ้างก็ถือว่าอนุโลม แก้ปัญหาในชั้นเรียนไปได้ จากนั้นก็ถูกย้ายมาสอนในวิชาสังคมชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ซึ่งได้ผล แต่ในชั้นมัธยมปลายมีปัญหาแถมมาอีกมากมายที่ต้องเข้าไปทำ อันแรก พอเช็คชื่อเสร็จก็หนีไประหว่างเราหันหน้าเข้ากระดาน อันนี้ผมก็เลยต้องส่งชื่อให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายปกครองก็ลงโทษ พออีกวันผมเข้าไปสอน เจ้าก่อเหตุก็ชี้หน้าผมบอกว่าอย่าให้เจอข้างนอกนะ ผมเลยของขึ้น เพราะไม่เคยเจอเด็กชี้หน้ามาก่อน ก็เลยบอกว่า ถ้าจะตีกันมาตีกันเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องรอถึงข้างนอกหรอก รับรองเรื่องนี้หยุดแค่นี้ไม่ไปถึงปกครอง เค้าก็เลยเงียบ (จริง ๆ ถ้าเจ้าหมอนี่มันกล้าตีผมคนที่จะแย่คือผมแหละ) เรื่องก็ผ่านไป แต่ก็มีผลนะ ไม่มีใครกล้ามาชี้หน้าผมอีก แต่ปัญหาต่อมาก็คือ เล่นการพนัน วันนึ่งผมเข้าสอน ปรากฏว่า นร.หายไปเป็นสิบคน เลยถามว่า เพื่อนเธอหายไปไหน เค้าก็อ้ำอึ้ง ตอบไม่เต็มคำ เลยถามว่าถ้าเธอรักเพื่อนเธอ เธอต้องบอกครู ความจริงเลยปรากฏว่า ไปมั่วสุมกุฎเณร เพื่อเล่นไพ่กัน ผมก็เลยตามไปถึงกุฎ ที่หน้ากุฎเนี่ย ปิดประตูใส่กุญแจ (ฉลาด) แต่ว่ารองเท้ากองหน้ากุฎแยะเลย แถมมีเสียงเถียงกันอีก (ขาดเฉลียว) ผมก็เลยไปแอบฟัง แน่นอน เล่นไพ่ชัวร์ เลยบอกว่า พวกอยู่ข้างในออกมาซะดี ๆ ไม่งั้นจะเจอโทษหนัก ก็ยังดื้อไม่ออก สุดท้ายผมก็กระโดดถีบประตูกุฎเข้าไป เจอลูกศิษย์เรานั่งงง บางคืนสูบบุหรี่ บางคนถือไพ่ พอได้สติเท่านั้น วงแตก วิ่งหนีออกไปคนละทาง หน้าต่าง ฝากุฎพังไปหมด แต่เราก็ตามจัดการได้ทุกคน จนนักเรียนผมตั้งสมญญานามผมว่า อาจารย์พ่อ เรื่องไพ่เนี่ยยังเล็ก ๆ ยังมีเรื่องชู้สาวผ่านมาอีก (ทำไมผมต้องเจอแบบนี้ด้วยนะ) วันนั้นคุมสอบ นักศึกษาสาวสองคนสองสถาบัน มาตบกันหน้าห้องสอบที่เราคุม ก็เลยต้องชำระความ ว่าเหตุมาจากอะไร ปรากฎว่า ชอบผู้ชายคนเดียวกัน เลยต้องอัญเชิญเจ้าตัวต้นเหตุมาพบ พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย หน้าตาสุดยอดแห่งความไม่หล่อ เลยถามสองสาวว่าชอบคนหน้าแปลกเหรอ จากนั้นก็อบรมแล้วก้ให้แยกย้าย ไม่อยากหรอกที่จะแจ้งไปยังโรงเรียนต้นสังกัด ผ่านไปก็มีอีก คราวนี้เปิดโรงแรมกันเลย ต้องไปร่วมกับโรงเรียนคู่กรณี อันนี้จริง ๆ ไม่ใช่หน้าที่ครูพิเศษอย่างผมหรอก แต่อย่างที่บอก ไม่มีใครสนใจ เราเลยต้องทำหน้าที่แทน ไปเจอกำลังนัวเนียกันอยู่ ก็ค้นกระเป่า อาจารย์ใหญ่โรงเรียนคู่กรณีค้นพบยาคุมกำเนิดในกระเป๋าลูกศิษย์สาว ท่านก็ถามว่ารู้ไหมนี่อะไร หล่อนก็ทำหน้า(น่าตบ)บอกอาจารย์ด้วยความมั่นใจว่า สงสัยจะเป็นยาสระผมมั้งคะ มันคงนึกในใจว่า (อี กระบือ เป็นถึง ผอ. ยังไม่รู้จักยาคุม)อันนี้ไม่ได้ใส่ร้ายนะ ได้ยินเด็กมันพูดกับหู เสร็จจากเรื่องนี้ก็เจอรูปลามากอีก รอบนี้ผมเจอเอง ก็จัดการเผาซึ่งหน้าซะ สะใจ แต่ก็โดนอาฆาตแหละ ผมไม่กลัวหรอก ช่วงนี้ก้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนระบบการสอนเป็น Child centre ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (ที่เด็ก ๆ บางคนแอบนินทาว่าเป็นควายเซ็นเตอร์) ซึ่งผมก็เข้ารับการอบรมที่ยังไม่รู้อะไรชัดเจน รู้แต่ว่าเน้นที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ ซึ่งแรก ๆ ก็มีการเข้าใจสับสนพอสมควร เช่น ครูต้องเน้นให้นักเรียนเรียนอย่างมีความสุข ดังนั้นเด็กไม่พร้อมครูจะไปบังคับไม่ได้ (อะไรวะ) อันนี้ได้รับการชี้แจงจากวิทยากรจริงๆ นะ เราก็ว่าผมสอนสังคม สอนอังกฤษ เนี่ย เด็กมันไม่พร้อมตลอดแน่ เค้าก็บอกว่าต้องสร้างแรงจูงใจ เราก็นำไปใช้ เข้าไปถึงเริ่มนำเข้าสู่บทเรียนเลยแหละ หน้าตาแจ่มใส ชวนเด้กคุยว่ารู้ไหมวันวาเลนไทน์คือวันอะไร เด็กก็ตอบว่า วันที่ 14 ก.พ. เริ่มเข้าเค้า เราก็ถามว่ามีความสำคัญยังไง อันนี้ก็ได้คำตอบว่า วันที่ผมกับแฟนมีไรกัน ,วันที่แฟนผมเสียสาว ฯลฯ อันนี้ก็พอยอมรับได้นะ เพราะถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น พอจะเริ่มสอน นักเรียนก็เริ่มหลับ เราว่าเอาไงดี ก็คุยว่าสิ่งจำเป็นในการเรียนคืออะไร สิ่งที่ได้คำตอบก็คือ ครูจะสอนอะไรก็สอนไป ผมง่วง จะนอน เท่านั้นแหละการเข้าสู่บทเรียนก็เปลี่ยนเป็นบทเดิม คือด่ากระตุ้นสมอง ซึ่งได้ผล ลุกมาตั้งใจเรียนกันต่อ นี่เป็นตัวอย่างของการเรียนแบบใหม่ที่ผมได้เจอมา จริงๆ แล้วผมมาทราบตอบหลังก็คือการเรียนระบบนี้ ครูต้องปรับวิธีการสอนให้น่าสนใจ โดยเน้นให้เด็กมีส่วนค้นคว้าและปฏิบัติในเนื้อหานั้น โดยทั้งครูและนักเรียนร่วมศึกษาไปด้วยกัน และเป็นช่วงเวลาที่หักไม้เรียว คือห้ามตี นักเรียนยิ่งได้ใจ จนกระทั่งสอบปลายภาคเรียน นักเรียนทุจริตในการสอบวิชาผม แล้วผมจับได้ จึงเขียนรายงานถึงครูใหญ่ว่า ขอให้นักเรียนที่ทุจริต ติด ร. และทำงานแก้ เนื่องจากมีคะแนนเก็บสูง ถ้าปรับตก จะแย่ เพราะอยากให้รู้สำนึกในสิ่งที่ทำ ปรากฎว่าทางวิชาการบอกว่า ให้เด็กติด ร. โรงเรียนไม่มีนโยบายทั้งให้ตก และติด ร.รวมถึงการให้เกรดน้อย ผมก็ถามว่า แล้วจะให้นักเรียนมีคุณภาพหรือปริมาณมากกว่ากัน เค้าก็จะเน้นปล่อยเกรด เพื่อเด็กจะได้มีคะแนนประเมินเข้ามหาวิทยาลัยมาก (ใครนะช่างคิด) ผมก็ไม่ยอม สุดท้ายสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็น ครูใหญ่ให้อาจารย์หมวดวิทยาศาสตร์มาแก้เกรดนักเรียนผม แถมให้เกรดเรียบร้อย จึงมาบอกผม ผมจึงถามว่าทำไมไม่ให้หัวหน้าหมวดสังคม และหมวดภาษาอังกฤษมาแก้ เค้าบอกว่าเป็นเด็กนักเรียนของเค้า (เด็กในสังกัดอาจารย์ท่านนี้) ผมก็เลยเรียนครูใหญ่ว่า ต่อไปก็คงไม่ต้องสอบ ดูหน้าแล้วให้เกรดก็แล้วกัน ท่านก็ไม่ว่าอะไร พอเปิดเทอมใหม่ก็ไม่มีชื่อผมสอนในโรงเรียนนี้ โดยเหตุผลว่า ผมเข้มงวดกับนักเรียน จนนักเรียนเข้าชื่อกันไล่ผมออก ไม่อย่างนั้นนักเรียนจะลาออกไปที่อื่น ผมจึงหมดหน้าที่ในการเป็นครูพิเศษของโรงเรียนนี้ อะไรไม่เจ็บใจเท่า คือสอนฟรีมา 7 ปี พอจะให้ออก ให้ผมออกแบบมีมลทิน ที่ครูใหญ่เอาไปพูดว่า ผมไม่มีสิทธิ์ให้เกรดนักเรียนแต่ต้น ผมเลยโต้ว่าถ้าผมไม่มีสิทธิ์แต่ต้น ที่ผมให้เกรดไปจึงเป็นโมฆะ จึงต้องมีผลย้อนหลัง ท่านต้องเรียก นักเรียนที่จบไปน่ะมาสอบเอาเกรดใหม่ ท่านก็ไม่พูดอะไร แต่จริง ๆ ก็คือ ผมไปรู้เรื่องยาเสพติดในโรงเรียน และผมก็พยายามสกัดกั้นทุกแบบ ไม่ว่าจะตรวจค้นกระเป๋านักเรียน ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ผมพยายามทุกวิถีทาง แต่ครูใหญ่ท่านมองว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของโรงเรียน ผมก็ไม่เถียง เพราะโรงเรียนยังต้องอาศัยรายได้จากค่าหัวนักเรียน ผมเองก็มีงานทำมีเงินเดือนอยู่แล้วเลยจบกันไป แต่ท่านที่เป็นครู ท่านจะรู้สึกไหมที่เห็นศิษย์ของท่านค้ายา ขายตัว(นร.ชาย) เพื่อหาเงินเที่ยว ซื้อยา่ หมดอนาคต หลายท่านอาจจะไม่เห็นความสำคัญ แต่ผมซึ่งเป็นครูพิเศษ แต่ผมก็คือครู ผมต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกศิษย์ผมได้ผ่านจากจุดนี้ไปเป็นคนดีของสังคมให้ได้ ผมเคยบอกนักเรียนผมว่าผมไม่ได้เป็นครูสอนหนังสือ ผมเป็นครูสอนคน ดังนั้นผมต้องสอนให้รู้ทั้งวิชาการ และสามารถเดินไปในสังคมได้อย่างสง่า เพราะพวกเธอเป็นคนดีของสังคมให้ได้ และแน่นอน ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ที่ นักเรีนรอแก้ ร. มส. หรือ 0 โดยทำกิจกรรมวันเดียว ท่านผู้อ่านคิดว่านี่คือโรงเรียนในฝันที่ใครมาเรียนต้องจบทุกคน หรือโรงเรียนรังแกฉันที่ไม่ได้ให้คุณภาพนักเรียนออกไปเลย วีรกรรมการสอนผมยังมีอีกหลายที่นะ ขอให้ติดตามตอนต่อไป
วันที่ 27 ส.ค. 2551
Advertisement
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,206 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,169 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,164 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 20,250 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,956 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,787 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,391 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,554 ครั้ง |
|
|