ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

?น่าน? ทางลัดประตูสู่ ?หลวงพระบาง?


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,160 ครั้ง
Advertisement

?น่าน? ทางลัดประตูสู่ ?หลวงพระบาง?

Advertisement

พระประธานวัดภูมินทร์งดงามตรึงใจชวนไปน่าน
       การผจญภัยอันท้าทายไปกับเส้นทางอันสุดตื่นเต้นของ “ตะลอนเที่ยว”ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์เชื่อมโยงภูมิภาคเหนือและประเทศเพื่อนบ้าน”ของททท.และหอการค้าจ.น่าน
       
       โดยทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” และเพื่อนผองร่วมชะตากรรมเดียวกันกว่า 54 ชีวิต ได้เดินทางจากกรุงเทพฯมุ่งตรงสู่จังหวัดน่าน เมืองสงบที่ต้องตั้งใจมาแห่งล้านนาตะวันออก และเป็นเมืองที่จะเป็นประตูสู่อินโดจีนให้แก่เราในครั้งนี้
       
       โดยจุดหมายหลักหนึ่งในนั้นของพวกเราคือ “หลวงพระบาง” เมืองมรดกโลก เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั่นเอง
       
       อย่าเพิ่งสงสัยว่าเราจะเดินทางไปหลวงพระบางแล้วจะมาน่านกันทำไม?
       
       นั่นเพราะจังหวัดน่านมีชายแดนติดต่อกับประเทศ สปป.ลาว รวมเป็นระยะทาง 277 กม. และยังมีด่านสากล 1 แห่ง คือ ด่านบ้านห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งด่านนี้แหละ จะเป็นประตูพาเราผ่านจากแดนไทยไปแดนลาว

พระธาตุแช่แห้งพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่าน
       และเมื่อมีโอกาสแวะเวียนผ่านมาพักที่เมืองน่านทั้งที ก็ไม่อยากจะให้เสียเที่ยวเปล่าๆ เพราะเป็นอันรู้กันดีว่า เมืองน่านนั้น ยังเป็นเมืองที่สงบ แวดล้อมด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขา และเป็นดินแดนที่มากด้วยศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของล้านนา
       
       งานนี้เมื่อชาวคณะเดินทางมาพร้อมเพรียงกันที่เมืองน่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงขอพากันไปแวะไหว้ขอพรกันที่ “วัดภูมินทร์” ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตเมือง (หัวแหวนเมืองน่าน)เดิมชื่อ“วัดพรหมมินทร์”แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์
       
       จุดเด่นของวัดนี้คือเป็นวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหารและพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ โดดเด่นด้วยเรื่องจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวง ที่เป็นเรื่องราวของชาดกในพุทธศาสนา วิถีชีวิตของคน เมืองในสมัยนั้น รวมทั้ง ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ เป็นต้น

ตะลุยผ่านลำน้ำกลางขุนเขา
       ขอพรที่เดียวยังไม่หนำใจเลยพากันมาอีกหนึ่งสถานที่ ที่หากมาเมืองน่านแล้วไม่ได้แวะก็เหมือนมาไม่ถึง คือ “วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน บริเวณที่เป็นศูนย์กลางเมืองน่านเดิม สร้างในสมัยเจ้าพระยาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่านระหว่างพ.ศ.1869-1902
       
       องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบของพระธาตุแช่แห้งสันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญ ไชย โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้า พระวิหาร เป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะหรือปีกระต่าย

หมู่บ้านกลางหุบเขาระหว่างทางไปหลวงพระบาง
       ได้ขอพรพระรับความเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองก่อนเดินทางไกลกันเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้เวลาพักผ่อนออมแรงกันที่เมืองน่านหนึ่งคืน ก่อนที่รุ่งสางของวันใหม่ พวกเราจะตื่นกันแต่เช้าตรู่ ยกโขยงกันบุกด่านห้วยโก๋นแต่เช้า ตลอดเส้นทางที่ผ่านจากตัวเมืองน่าน มุ่งหน้าสู่ด่านห้วยโก๋นนั้น ในช่วงเช้าเริ่มมีบรรยากาศของไอหมอกลอยละลิ่วเป็นสายมาให้เห็นกันบ้าง แสดงให้เห็นว่าที่เมืองน่านใกล้ถึงฤดูหนาวมาเยือน
       
       ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง “ตะลอนเที่ยว” ก็มาโผล่ที่หน้าด่านห้วยโก๋น สำหรับด่านห้วยโก๋น ในวันธรรมดานี้ช่างเงียบเหงา แต่ถ้าเป็นช่วงวันเสาร์แล้วล่ะก็ คึกคักอย่าบอกใคร เพราะใกล้ๆด่านจะมีตลาดนัดที่ไว้เป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้าจากไทย-ลาว ชาวบ้านจากฝั่งลาวจะนำอาหาร พืช ผักจากป่าเข้ามาค้าขายกันในฝั่งไทย แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้เราเลือกเดินทางในวันธรรมดาจึงไม่ได้เห็นภาพนั้น
       
       และคงเพราะเป็นวันธรรมดาการตรวจเอกสารผ่านแดนจึงรวดเร็วเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง “ตะลอนเที่ยว”ก็ข้ามพรมแดนมายืนอยู่ ฝั่งตรงข้ามของด่านห้วยโก๋น คือ ด่านน้ำเงิน แขวงไชยบุลี (ด่านท้องถิ่น) ของสปป.ลาวแล้ว
       
       จากด่านน้ำเงิน แขวงไซยะบุรี การผจญภัยก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จากเส้นทางราบเรียบก็เข้าสู่เส้นทางที่เริ่มขรุขระบ้าง แต่ก็ทดแทนความลำบากเรื่องเส้นทางได้ด้วยธรรมชาติที่งดงามสบายๆของป่าเขาที่มีให้มองกันเพลินๆ

ทุ่งนาที่เริ่มแปรสี
       วิ่งมาระยะทาง 38 กิโลเมตร พวกเราเดินทางกันจนถึงเมืองหงสา เมืองที่เรียกได้ว่าใกล้ที่สุดจากด่านน้ำเงิน ก็พอให้มีจุดแวะพักได้หายใจกันได้บ้าง แล้วจึงเริ่มเดินทางกันต่อ เส้นทางนี้ทำให้คิดขึ้นมาได้ข้อหนึ่งว่า บางครั้งจุดมุ่งหมายอาจไม่สคัญเท่ากับเรื่องราวที่พบระหว่างทาง เพราะตลอดเส้นทางที่เรามุ่งหน้าสู่หลวงพระบางนั้น ต้องผ่านเส้นทางที่ยิ่งกว่าหลุมพระจันทร์ จนสมาชิกบางคนเปรยๆว่าเหมือนมาขับรถในปารีสดักการ์
       
       เส้นทางเต็มไปด้วยหลุมบ่อ กับฝุ่นสีโอวัลติน ยามที่รถของพวกเรากันเอง ขับเข้ามาในระยะประชิกัน ฝุ่นก็ตีตลบฟุ้งแต่เส้นทางแบบนี้ กลับแฝงด้วยความบริสุทธิ์ ทั้งทุ่งนางดงามเรียงตัวสลับซับซ้อนเป็นขั้นบันไดคดเคี้ยวตามขุมเขา สลับสีแซมลายด้วยสีเขียวบ้างสีทองของรวงข้าวบ้าง บางที่เมื่อรถแล่นขึ้นเขา มองซ้ายเป็นผา มองขวาเป็นเหว เราก็จะเห็นความงดงามของทิวทัศน์แห่งขุนเขาน้อยใหญ่ ที่เขียวครึ้มโค้งเป็นครึ่งวงกลมพาดผ่านกันไปมา โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีครามงดงามดุจภาพวาด
       
       ต้องผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่ของชาวลาวที่ตั้งอยู่ตามหุบเขา ทำให้คิดว่าดินแดนแห่งนี้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มากทีเดียวเห็นเด็กเล็กวิ่งวุ่นไปมาตามหมู่บ้าน บ้างหลังสะพายกระบุงช่วยครอบครัวเก็บพืชผล พวกเราต้องผ่านภูเขาที่สูงชัน รวมทั้งผ่านลำธารถึง 9 แห่ง จึงจะถึงเมืองเชียงแมน เขตจอมเพ็ด เมืองที่เป็นจุดลงเรือบักข้ามน้ำโขงสู่เมืองหลวงพระบาง ก็เป็นช่วงใกล้ค่ำพอดี
       
       เมืองเชียงแมนนั้นเป็นเมืองเงียบๆ ที่เหลือเชื่อว่าจะอยู่ตรงข้ามหลวงพระบาง มองจากเมืองเชียงแมน ไปพวกเราเห็นแสงไฟหลากสี มันบ่งบอกถึงความเจริญที่เรารุกคืบเข้าใกล้ทุกขณะ ในเวลาเพียงไม่ถึง 15 นาที บักเล็กๆที่ใช้เรือ 2 ลำมาต่อกัน ก็พาทั้งคนและรถข้ามฟากมาถึงหลวงพระบางโดยสวัสดิภาพ

ชอปปิ้งในตลาดมืดหลวงพระบางยามราตรี
       แต่แทนที่จะกินข้าวเย็นแล้วพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยในโรงแรม พวกเราเลือกที่จะมาเดินสบายๆที่ “ตลาดมืด” ของลาว บนถนนศรีสว่างวงศ์ ที่มีของขายตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน สัมผัสบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึก ภาพวาด เกี่ยวกับหลวงพระบาง นักชอปชาวไทยคง ชอปกันได้อย่างเพลินใจยิ่ง เนื่องจากที่ลาวรับเงินบาทของไทย ราคาของก็แล้วแต่ความสามารถในการต่อรอง ของแต่ละคน ชอปกันจนหิวก็มีตรอกเล็กๆที่ขายอาหาร ส้มตำ ขนมจีน แมลงทอด และอีกสารพัดเห็นฝรั่งมังค่านั่งกินกันเคี้ยวตุ้ยน่าอร่อย
       
       เมื่อราตรีในหลวงพระบางสิ้นสุด ก็นอนเอาแรงเสียหน่อย ก่อนที่จะพากันตื่นแต่ไก่โห่ ไปทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว พระสงฆ์นับร้อยๆรูปหนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวผู้มาหลวงพระบางไม่ยอมพลาด พระที่นี่เดินกันเร็วมากคนใส่บาตรต้องมีสมาธิ และควรต่อรองราคากระติ๊บข้าวเหนียวกับแม่ค้าให้เรียบร้อยเสียก่อนเป็นดีที่สุด ไม่งั้นอาจได้บุญแต่กระเป๋าเบาได้

ดูเหมือนคนหลวงพระบาง คุ้นชินกันกล้องเสมอ เมื่อต้องตักบาตรยามเช้า
       ใส่บาตรเสร็จแล้วเดินชม “ตลาดยามเช้า” ของหลวงพระบางเสียหน่อย ดูว่าบรรยากาศจะแตกต่างจากตลาดมืดแค่ไหน และพบว่าแทบจะไม่แตกต่างจากตลาดเช้าทางภาคเหนือบ้านเราเลย มีพืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์นานาชนิดมาวางขาย พร้อมกับรอยยิ้มของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ยิ้มรับไมตรีจากนักท่องเที่ยวอย่างไม่เหนื่อยอ่อน
       
       เมื่อมาหลวงพระบางแล้วก็ต้องไปที่ “พระราชวังเจ้ามหาชีวิต” ที่ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ ให้ผู้ที่สนใจเรื่องราวของหลวงพระบางเข้ามาเรียนรู้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2447 หรือปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ขึ้นครองราชย์ไม่นานนัก ภายในเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ ตลอดจนห้องบรรทม ห้องทรงงาน และพระแท่นที่ประทับต่างๆ
       
       นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระบาง” ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองหลวงพระบางไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อรอคอยการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ

ตลาดเช้าเมืองหลวงพระบาง
       จากวังมาวัดกันบ้างที่ “วัดเชียงทอง” วัดที่ได้รับยกย่องว่าเป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาวที่ยังสมบูรณ์ เนื่องจากไม่ได้ถูกทำลายจากกองทัพฮ่อที่บุกปล้นเมืองหลวงพระบางเหมือนวัดอื่นๆ
       
       สิมของวัดเชียงทองนั้นเป็นแบบล้านช้าง มีหลังคาซ้อน 3 ชั้น รูปทรงหลังคาผายกว้างออกเรียกว่าหลังคาปีกนก ทั้งภายในและภายนอกสิมล้วนมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นลายรดน้ำด้วยการ “พอกคำ” หรือลงรักปิดทองเป็นเรื่องราวนิทานพื้นบ้านและเรื่องเกี่ยวกับศาสนา

วัดเชียงทอง สุดยอดสถาปัตยกรรมลาว
       ทางด้านหลังสิมก็จะเห็นลวดลายประดับกระจกสีเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ มีนกและสัตว์นานาชนิด ซึ่งต้นไม้นั้นก็คือต้นทอง หรือต้นงิ้ว ที่พระเจ้าศรีสว่างวัฒนาได้โปรดฯ ให้ช่างทำไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงชื่อเชียงทอง หมายความถึงป่าต้นทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมบริเวณนี้นั่นเอง
       
       ยังมี “หอพระม่านและหอพระพุทธไสยาสน์” ที่อยู่ด้านหลังสิม หอพระขนาดย่อมสองหลังนี้ทาด้วยสีชมพูนวลตา ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นลวดลายเล่าเรื่องราวนิทานพื้นบ้านของลาว ห่างออกไปไม่ไกลกันนัก เป็นที่ตั้งของ “โรงเมี้ยนโกศ” หรือโรงราชรถที่ใช้ในการอัญเชิญพระโกศของเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ ที่น่าสนใจชมก็คืองานแกะสลักไม้ด้านหน้าโรงเมี้ยนโกศเป็นเรื่องรามเกียรติ์ โดยฝีมือของเพียตัน (พระยาตัน) สุดยอดช่างลาวคนหนึ่ง

ต้นทองหรือต้นงิ้วด้านหลังสิมวัดเชียงทอง
       เพียงระยะทาง 152 กิโลเมตร จากด่านห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ไม่ทันข้ามวัน “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้พบประสบการณ์เดินทางอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าจดจำยิ่ง ขอแถมท้ายในเหล่านักผจญภัยด้วยว่า จากเมืองหลวงพระบาง มุ่งหน้าสู่ใต้เมืองพูคูน ไปจนถึงเมืองเชียงขวาง ไปชมทุ่งไหหินได้ และลงไปถึงเมืองวังเวียงกุ้ยหลินเมืองลาวได้ด้วยเช่นกันก่อนจะกลับออกนครเวียงจันทน์ไปโผล่ที่จังหวัดหนองคายได้.
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       หลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางเหนือของสปป.ลาว อดีตเคยเป็นนครหลวงของอาณาจักรลานช้าง ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ.2538 ใช้เงินกีบเป็นหลักในการซื้อขายโดย 1 บาท ประมาณ 250 กีบ แต่สามารถใช้เงินบาทได้ คนไทยสามารถเข้าหลวงพระบางได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า
       
       สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานแพร่(ดูแลพื้นที่จ.น่าน) โทร.08-1888-4123 , 0-5452-1118

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000139678

 

ไฟล์แนบข้อความ
ชนิดของไฟล์: mp3 อ้อน กะท้อน - ริมน้ำน่าน.mp3 (1.63 MB, 1219 views)

http://board.palungjit.com/f21/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B9%89%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99-77116.html

 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 923 วันที่ 19 พ.ย. 2552

หนาวแล้ว ออกแคมป์กันเถอะ! ⛺ เตาแก๊สปิคนิค พกพาสะดวก ออก Outdoor ได้สบายๆ รุ่น KJ-101 แถมฟรี!!กล่องเก็บเตา ในราคา ฿244

https://s.shopee.co.th/7fJQKGPCjr?share_channel_code=6


?น่าน? ทางลัดประตูสู่ ?หลวงพระบาง??น่าน?ทางลัดประตูสู่?หลวงพระบาง?

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

วิธีแก้เคล็ดดวงอาภัพคู่

วิธีแก้เคล็ดดวงอาภัพคู่


เปิดอ่าน 7,208 ครั้ง
( คนดี ผีคุ้ม )

( คนดี ผีคุ้ม )


เปิดอ่าน 7,164 ครั้ง
ฝึกจิตให้มีกำลัง...

ฝึกจิตให้มีกำลัง...


เปิดอ่าน 7,150 ครั้ง
วรรณดีวันนี้  "เงาะป่า"

วรรณดีวันนี้ "เงาะป่า"


เปิดอ่าน 8,190 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

เบญจศีลเบญจธรรม (หลักทำคนให้เป็นคน)

เบญจศีลเบญจธรรม (หลักทำคนให้เป็นคน)

เปิดอ่าน 7,173 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
รักนี้ชั่วนิรันดร์-6 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
รักนี้ชั่วนิรันดร์-6 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
เปิดอ่าน 7,163 ☕ คลิกอ่านเลย

หลักธรรมกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
หลักธรรมกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
เปิดอ่าน 7,195 ☕ คลิกอ่านเลย

ผักผลไม้ 7 อย่าง.....ที่คุณผู้หญิงไม่ควรพลาด
ผักผลไม้ 7 อย่าง.....ที่คุณผู้หญิงไม่ควรพลาด
เปิดอ่าน 7,151 ☕ คลิกอ่านเลย

ความแตกต่าง ชาย<>หญิง
ความแตกต่าง ชาย<>หญิง
เปิดอ่าน 7,177 ☕ คลิกอ่านเลย

เรื่องจริงเกี่ยวกับการศึกษาไทย:ย้ายครูจนโรงเรียนพัง
เรื่องจริงเกี่ยวกับการศึกษาไทย:ย้ายครูจนโรงเรียนพัง
เปิดอ่าน 7,165 ☕ คลิกอ่านเลย

ร่วมสดุดีเจ้าหน้าที่ผู้หาญกล้า กับเพลง ราตรีสวัสดิ์
ร่วมสดุดีเจ้าหน้าที่ผู้หาญกล้า กับเพลง ราตรีสวัสดิ์
เปิดอ่าน 7,167 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สูตรทำมะนาวดองน้ำผึ้ง
สูตรทำมะนาวดองน้ำผึ้ง
เปิดอ่าน 45,932 ครั้ง

แก๊สน้ำตา คืออะไร
แก๊สน้ำตา คืออะไร
เปิดอ่าน 25,374 ครั้ง

ตูนส์ศึกษา : ทำไม O-NET ไม่เอาเรื่องจริงในชีวิตไปออกข้อสอบ
ตูนส์ศึกษา : ทำไม O-NET ไม่เอาเรื่องจริงในชีวิตไปออกข้อสอบ
เปิดอ่าน 14,295 ครั้ง

ข้าราชการ เกษียณแล้ว.....ได้อะไรบ้างนะ?
ข้าราชการ เกษียณแล้ว.....ได้อะไรบ้างนะ?
เปิดอ่าน 52,177 ครั้ง

แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ
แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ
เปิดอ่าน 35,704 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ