ต้นเดือนพฤษภาคม ผมได้ไปเที่ยวหาดเจ้าหลาว-แหลมเสด็จ จังหวัดจันทบุรี ช่วงนั้นกำลังเริ่มเข้าฤดูฝนพอดี กล่าวกันว่าถ้ามาเมืองจันท์ แต่ไม่เจอฝนก็แสดงว่ายังไม่ถึงเมืองจันท์ สำหรับผมนับว่ามาถึงจันทบุรีโดยสมบูรณ์ เพราะพอเข้าเขตจังหวัด ฝนก็เริ่มเทลงมา
ผมแวะกินข้าวที่บ้านหมูดุด บริเวณหาดเจ้าหลาว ตามร้านขายอาหารทะเลและของฝากมีเปลือกหอยวางขาย เปลือกหอยใส่จนเต็มถุงแกงใบใหญ่ ขายแค่ถุงละ 10 บาท ผมแปลกใจที่แถวนี้ขายเปลือกหอยราคาถูกมาก และเมื่อเห็นเปลือกหอยวางขายมากมายทั้งที่ใส่ถุงและทำเป็นโมบาย ก็รู้สึกว่าชาวบ้านเก็บเปลือกหอยกันแบบนี้ ไม่ทำให้หอยหมดหาดไปหรือไง
เมื่อมาถึงที่พักริมทะเล บรรยากาศขมุกขมัว ฟ้าหม่นจนเป็นสีเดียวกับทะเล ผมเพิ่งเคยเห็นทะเลแบบนี้เป็นครั้งแรก มันเป็นทะเลที่ไม่มีเส้นขอบฟ้า ทั้งสองสิ่งหลอมรวมกลายเป็นผืนเดียวกัน ดูหดหู่น่ากลัว ถ้าใครเชื่อในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ นี่อาจเป็นสัญญาณที่เตือนถึงอะไรสักอย่าง
ฟ้าที่ไม่น่าไว้ใจกับคลื่นที่ซัดแรง ทำให้ไม่มีใครเล่นน้ำ รอบๆ ที่พักก็ไม่มีอะไรน่าดูนัก ผมจึงเริ่มหาสิ่งที่น่าสนใจตามพื้นทราย นั่นคือการสำรวจสัตว์ชายหาด
หาดแต่ละหาดมีลักษณะไม่เหมือนกัน ทั้งชนิดของทราย ลักษณะพื้นที่ หรือการซัดสาดของคลื่น ที่หาดเจ้าหลาวมีหาดทรายราบเรียบ กว้าง ปราศจากโขดหิน ทรายเป็นเม็ดหยาบ ไม่ค่อยมีสัตว์ชายหาดให้สำรวจเท่าไรนัก มีเพียงปูตัวเล็กๆ กับเปลือกหอยเท่านั้น
แล้วผมก็ได้คำตอบเรื่องเปลือกหอยที่วางขายอยู่ตามร้าน บนที่พื้นทรายตลอดหาดเต็มไปด้วยเปลือกหอย มันเยอะเสียจนผมสงสัยว่าว่าในทะเล มีหอยมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ
เปลือกหอยหลากสี หลากรูปร่าง หลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นหอยสองฝาที่ฝาหลุดจากกัน เหลือเพียงฝาด้านเดียว มีทั้งสีขาว สีน้ำตาล สีม่วง บ้างก็มีหลายสี ส่วนพวกหอยฝาเดียวจะสวยงามกว่า บ้างเป็นเปลือกเล็กๆ ขดเป็นเกลียวสีชมพู เป็นเปลือกทรงเจดีย์สูง หรือเป็นเปลือกแบบหอยสังฆ์ ทั้งหมดถูกคลื่นซัดขึ้นมาจากพื้นทะเล หลังจากที่ตัวของมันตายลง
ผมมองดูเปลือกหอย สงสัยว่าธรรมชาติได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ เช่น ขดเกลียว สีสัน ลวดลาย ขึ้นมาได้อย่างไร นึกไปถึงเจ้าหอยตัวนิ่มที่สร้างเปลือกแข็งๆ ซึ่งประกอบด้วยสารแคลเซียมคาร์บอเนต โดยที่มันไม่เคยมองเห็นความงามของเปลือกตัวเองเสียด้วยซ้ำ จะว่าไปเปลือกหอยก็ไม่ต่างอะไรกับกระดูกของเราที่มาอยู่นอกตัวนั่นเอง เพียงแต่เปลือกของมันสวยงามมากกว่า
ฟ้ายังปิด ทะเลยังไม่มีเส้นขอบฟ้า ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ หาดเจ้าหลาว-แหลมเสด็จมีรีสอร์ทสร้างเรียงรายตลอด จนพื้นที่ที่ติดกับชายหาดแทบทั้งหมดเป็นรีสอร์ท ไม่รู้ว่าระหว่างรีสอร์ทกับเปลือกหอยอะไรจะเยอะกว่ากัน ถ้าเปลือกหอยยึดครองหาดทราย มนุษย์ก็ยึดครองพื้นที่ลึกถัดเข้าไป
นึกถึงยามเด็กที่เคยซื้อตุ๊กตาเปลือกหอยที่ทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แต่พอโตขึ้นมา ก็ได้ยินว่าไม่ควรสนับสนุนให้คนเก็บเปลือกหอยจากชายหาด เพราะทำให้เปลือกหอยหมดไปจากหาดหรือทำให้ปูเสฉวนไม่มีบ้านอยู่ นับจากนั้นผมก็ไม่คิดจะซื้อของประดับที่ทำจากเปลือกหอยอีกเลย
แต่พอมาเห็นเปลือกหอยที่เกลื่อนกลาดอยู่เต็มหาดเจ้าหลาว ก็รู้สึกว่าที่ชาวบ้านเก็บไปบ้างคงไม่เป็นไร เพราะเปลือกหอยที่เกะกะอยู่ตามหาดก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไรนัก ที่สำคัญมันเป็นหอยสองฝา ไม่ค่อยมีหอยฝาเดียวที่เป็นบ้านของปูเสฉวน และแถวๆ นี้ก็ไม่มีปูเสฉวนเสียด้วย
ผมเดินดูเปลือกหอย สีสันและรูปแบบของมันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน ผมหยิบเปลือกสวยๆ ขึ้นมาถ่ายรูปและเก็บใส่ถุงเพื่อนำกลับไปที่บ้าน บางเปลือกสมบูรณ์ บางเปลือกก็แตกหัก บางส่วนก็ละเอียดเหลือเพียงเศษเล็กๆ
ขณะที่มองเศษเปลือกหอยบนพื้นซึ่งเล็กจนแทบไม่ต่างอะไรกับเม็ดทราย ผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เปลือกหอยค่อยๆ แตกสลายเล็กลงๆ จนในที่สุดก็ละเอียดราวกับเม็ดทราย ผมตักทรายขึ้นมาดู และพบว่าทรายเม็ดเล็กๆ ทั้งหลายนั้น ส่วนหนึ่งคือเปลือกหอยนี่เอง!
ถ้าเช่นนั้นหาดทรายนี้ก็สร้างจากเปลือกหอย ต้องใช้เปลือกหอยจำนวนมหาศาลแค่ไหน เวลานับกี่พันกี่หมื่นปี หอยกี่ล้านตัวที่ก่อให้เกิดหาดทราย มันน่าทึ่งที่รู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนเปลือกหอยจำนวนมหาศาล หรือจะว่าไปผมกำลังยืนอยู่บนสุสานของหอยนับล้านตัว
เวลาผ่านไปเปลือกหอยถูกพัดมาจากทะเล ถูกคลื่นลมกัดกร่อน บดแตกจนเล็กลง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของหาดทรายกว้าง และเป็นส่วนหนึ่งของผืนโลก
ผมนึกถึงประโยชน์ของเปลือกหอยที่เราเก็บไป มันอาจกลายเป็นตุ๊กตา เป็นโมบาย เป็นกรอบรูปที่สวยงามน่าชม แต่ที่จริงแล้วหน้าที่ของเปลือกหอยไม่ใช้การให้ความสวยงามกับมนุษย์ มันมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เปลือกหอยจะแตกสลายกลายเป็นพื้นทรายให้ชีวิตอื่นๆ ได้ดำรงอยู่ต่อไป รวมถึงมนุษย์ด้วย
หอยตัวนิ่มๆ สร้างเปลือกแข็งมาป้องกันตัวอย่างยากลำบาก แต่เมื่อตายลง มันก็ไม่เคยหวงสิ่งที่มันสร้างขึ้นมา ขณะที่มนุษย์นั้นเห็นค่าของมันเพียงแค่การเก็บมันไปชมความสวยงาม โดยอาจไม่รู้ว่าชายหาดสวยๆ ที่เราได้มาพักผ่อน หรือได้ลงทุนทำธุรกิจสร้างรีสอร์ทนั้น สร้างจากเปลือก (ที่เปรียบได้ดังกระดูก) ของเพื่อนร่วมโลกตัวเล็กๆ
ที่จริงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างทิ้งบางสิ่งไว้หลังจากที่ตัวมันตายลง สิ่งเหล่านี้มีคุณค่าต่อชีวิตอื่นหรือต่อโลก ทั้งซากที่กลายเป็นอาหารหรือถูกย่อยสลายลงดินกลายเป็ยปุ๋ยให้ชีวิตอื่นเติบโต เปลือก โครงร่าง หรือกระดูกที่กลายเป็นหาดทราย หรือแปรสภาพผ่านวันเวลานับล้านปีกลายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงให้มนุษย์ได้ผลาญใช้ในทุกวันนี้
แล้วมนุษย์ที่เติบโตและมีชีวิตอยู่บนซากของสิ่งมีชีวิตนับล้านล่ะ เมื่อตาย เราไม่เคยเหลือสิ่งใดไว้ให้เพื่อนร่วมโลก ร่างกายของเราถูกฝังไว้ในโลงอย่างดีหรือถูกเผาเหลือเพียงเถ้าถ่าน แถมควันจากการเผาศพของเรายังลอยขึ้นฟ้าชั้นบรรยากาศของโลกอีกด้วย
ผมหยิบเปลือกหอยที่เก็บใส่ถุง วางบนผืนทรายดังเดิมเดิม รู้สึกว่าเปลือกหอยที่แตกหัก แม้ไม่สวยงาม แต่ก็มีคุณค่ามากมายต่อโลก
เบื้องหน้าฟ้าเริ่มแยกจากทะเล เส้นขอบฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง...
|