ตอนจบค่ะ.....
ก่อนการพิจารณาคดี ผู้อุทธรณ์และอเล็กซ์ขอปฏิเสธคำให้การชั้นสอบสวน
โจนาธาน ดูดี้ถูกนำตัวขึ้นมาพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1993 ต่อหน้าผู้พิพากษามาร์ตินและคณะลูกขุน การต่อสู้คดีของโจนาธาน มีสองเรื่องใหญ่ๆ อย่างแรกคือ เขาไม่ได้อยู่ใกล้วัดที่เกิดเหตุในคืนที่มีการฆาตกรรม และอย่างที่สองคือเขาอยู่ที่วัดไทยจริงแต่เขาถูกคาตาเซีย การ์เซีย และคนอื่น ๆ หลอกใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้นโดยเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าคนหรืออาชญากรรมอื่น ๆ เลย
ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดี โจนาธาน ดูดี้ อ้างว่าแก๊งกลุ่มทูซอนมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และศาลชั้นต้นก็รับฟังเพียงแต่ฝ่ายดูดี้ต้องมีหลักฐานและคำรับสารภาพจากกลุ่มทูซอนเพื่อให้เขาหลุดพ้นข้อกลาวหา
แต่ปัญหาที่หนักใจสำหรับทนายของโจนาธานก็คือคำรับสารภาพของดูดี้เอง ที่มีเนื้อหาว่าเขาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่กระนั้นโจนาธานก็ให้การในชั้นศาลว่าคำสารภาพนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะเขาสารภาพโดยไม่สมัครใจและไม่น่าเชื่อถือ
ทางด้านคาราตาเซียรอดพ้นข้อกล่าวหา แม้มีข้อสันนิษฐานว่าเขาอยู่ในสถานที่เกิดเหตุก็ตาม และจากเสียงการให้ปากคำแสดงให้เห็นว่าคาราตาเซียโกหก และคณะลูกขุนจะไม่ยอมรับ ไม่อีกทั้งคาราตาเซียได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แก้ไขครั้งที่ห้าที่จะไม่ต้องมาศาลแม้ฝ่ายจำเลยจะคัดค้านก็ตาม ดังนั้นคณะลูกขุนจึงไม่มีโอกาสได้เห็นเขาเลย
ในการไต่สวนนั้น พยานปากสำคัญคือนายอเล็กซ์ การ์เซีย ซึ่งให้การว่า นายโจนาธานเป็นคนฆ่าทุกคนในวัดพรหมคุณาราม โดยในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลาหลายวันนั้น คณะลูกขุนได้ฟังเทปที่บันทึกการสอบถามดูดี้เกือบสิบสามชั่วโมง
การ์เซียบอกว่าคณะลูกขุนว่า ในฤดูร้อนของปี 1991 จู่ ๆ โจนาธาน ดูดี้ ก็มาหาพร้อมด้วยแผนที่จะเข้าปล้นวัดไทย เขาวางแผนโดยละเอียดและระบุว่าต้องสังหารคนที่อยู่ที่นั่นด้วย เขาตอบตกลงเห็นชอบกับแผนการอันนั้นและเสนอให้คาราตาเซียน่าไปด้วย แต่ดูดี้ปฏิเสธ แต่เขาและดูดี้ก็ยืมปืนจากคาราตาเซียเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม และใช้ให้การ์เซียยืมปืนลูกซองของพ่อไปด้วย เขาและดูดี้ไปที่วัดโดยออกจากบ้านนั้น พวกเขาแต่งตัวธรรมดาแล้วค่อยไปเปลี่ยนเป็นชุดสนามระหว่างทาง เมื่ออยู่ภายในวัดแล้ว เขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาและพยายามจะโน้มน้าวโจนาธานไม่ให้ฆ่าพระ แต่โจนาธานยืนยันว่าจำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้มีพยานเหลืออยู่ ดูดี้เป็นคนยิงเหยื่อทีละรายคนละนัดหรือสองนัด ที่ด้านหลังศีรษะแบบการประหารชีวิต และเขาก็ใช้ปืนยิงเหยื่อเช่นกัน แต่เขาพยายามยิงพลาดหรือให้เหยื่อบาดเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระหว่างการซักถามอเล็กซ์ ฝ่ายทนายของโจนาธาน ดูดี้ได้กล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า เขาต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงในการฆาตกรรมนางคาเมรอน แต่ศาลไม่รับฟังเพราะเป็นคนละคดีกัน
ส่วนเรื่องคำสารภาพของดูดี้นั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการตอบคำถามของดูดี้เป็นไปโดยสมัครใจ โดยให้เหตุผลว่า แม้การตั้งคำถามจะก้าวร้าว ดุดันและคาดคั้น แต่วิธีและรูปแบบที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่ในการสอบถามดูดี้ก็ทำได้โดยชอบ
โจนาธาน ดูดี้ฟังคำพิพากษาของศาลเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 ผลการตัดสินคือโจนาธานผิดจริงในทุกข้อกล่าวหาในคดีวัดไทยค ณะลูกขุนลงความเห็นว่ามีความผิดอุกฉกรรจ์ 9 กระทง และความผิดอื่นๆ อีก 11 กระทง แต่ไม่มีการลงโทษประหาชีวิต เนื่องจากอายุของดูดี้ยังเป็นผู้เยาว์และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ผลคือโจนาธาน ดูดี้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต(ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 281 ปี) ส่วนอเล็กซ์ การ์เซียถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานที่อาจนำไปสู่การพิสูจน์ว่าการ์เซียเองที่เป็นคนลงมือยิง แต่ยังมีความไม่กระจ่างชัดอยู่มากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่วัด ศาลจึงไม่ลงโทษประหารชีวิตเช่นเดียวกับ โจนาธาน ดูดี้
ในระหว่างที่โจนาธาน ดูดี้จำคุกอยู่หลายปีนี้ คดียังไม่นุติ เพราะ ต่อมามีการรื้อฟื้นคดีนี้เพื่อมาพิจารณาใหม่ โดย ชาวพุทธ รวมทั้งพระสงฆ์ในสหรัฐฯ ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าจ้างทนายสู้คดี เพราะเชื่อว่าโจนาธาน ดูดี้ ซึ่งเป็นคนไทยไม่ได้สังหารพระ แต่เป็นแพะรับบาป โดยได้จ้างศาสตราจารย์ อลัน เดอร์โชวิสซ์ ซึ่งอยู่ที่รัฐแมสซาซูเซส ซึ่งเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งมาว่าความร่วมกับทนายคนอื่นๆ
อลัน เดอร์โชวิสซ์ มีเชื้อชาติเป็นชาวยิว เป็นอาจารย์สอนกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีชื่อเสียง เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงทั่วไป c]tเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งเคยว่าความคดีสำคัญ ๆ มามากมาย คดีดังๆ ก็มีคดีไมค์ ไทสัน ถูกกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา เขาได้ทำให้ศาลเห็นว่าหญิงสาวที่เสียหายคนนี้ เคยมีประวัติการแบล็กเมล์ขู่กรรโชกเงินชายอื่นมาแล้ว แม้ท้ายสุดนายไทสันจะติดคุกก็ตาม แต่อลัน เดอร์โชวิสซ์ ไม่ยอมยอมปล่อยคดีให้หายไป และพยายามต่อสู้เรื่อยมา จนในที่สุดก็ทำให้ไทค์ได้อิสรภาพในที่สุด
โดยหลักฐานและการวิเคราะห์ที่เหล่าทนายความใช้ต่อสู้ว่าโจนาธาน ดูดี้ เป็นผู้บริสุทธิ์นั้น มีดังต่อไปนี้
- มีหลักฐานบ่งชี้ว่าคาราตาเซียมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งฝ่ายจำเลยได้นำเสนอด้วย ตัวอย่างเช่น มีหลักฐานว่าพบถุงมือสีน้ำตาลมีสายรัดกับกล่องกระสุน .22 เปล่าบนพื้นรถของคาราตาเซีย
- นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่าพบยาเสพติดอยู่สองที่ในวัด และน่าจะบ่งชี้ได้ว่าอาชญากรรมนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย
- มีหลักฐานของฝ่ายจำเลยเกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจของการ์เซียที่จะป้ายความผิดให้ดูดี้ ตลอดจนหลักฐานว่าการ์เซียและคนอื่น ๆ สมคบกันหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมที่วัดแล้วที่จะป้ายความผิดให้ดูดี้
- มีความเป็นไปได้ว่าการตัดสินของศาลนั้น เป็นผลมาจากความลำเอียงในด้านศาสนาและ เชื้อชาติ (ในฐานะที่เป็นชนกลุ่มน้อย)
- ในคำรับสารภาพของโจนาธาน ดูดี้นั้น ไม่มีส่วนใดเลยที่ โจนาธาน ดูดี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม
- การสอบสวนดูดี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเขาถูกเค้นสอบนานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่เจ้าหน้าที่ 3 นาย ย้ำแต่ คำถามเดิมให้เขาตอบ และซักถามเรื่องที่ดูดี้ตอบไม่ได้ อยู่นานราว 45 นาที และออกคำสั่งให้ทำตามหลายครั้งจนดูดี้ต้องตอบ แสดงให้เห็นว่าดูดี้ถูกข่มขู่ด้วยเจ้าพนักงาน จนกระทั่งจำเลยต้องตอบตามที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องการได้ยิน และในท้ายที่สุดเขาจำต้องทำตามความประสงค์ของฝ่ายสอบสวนอย่างเสียมิได้
- ฯลฯ
วันที่ 20 พ.ย. 2008 คณะผู้พิพากษาศาล อุทธรณ์ที่ 9 ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้พลิกคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยพิพากษากลับให้จำเลยไม่มีความผิด เนื่องจากเห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยเป็นเพราะถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ คำตัดสินดังกล่าวเป็นผลให้การลงโทษในคดีฆาตกรรมต้องตกไป และจำเลยจะได้รับการปล่อยตัว เว้นแต่จะถูกดำเนินคดีใหม่ หรืออัยการรัฐยื่นอุทธรณ์คำตัดสินเพื่อพิจารณาคดีใหม่สำเร็จ
โจนาธาน ดูดี้พ้นผิด หลังถูก จองจำมานานกว่า 17 ปี
พระภิกษุรูปหนึ่งได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า "วันแรกเมื่อท่านขึ้นบัลลังก์ฟังสรุปสำนวนคดีทั้งหมด ท่านทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาคดีประหลาดใจด้วยคำพูดว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีความซับซ้อนมาก ... ศาลจะไม่ประหลาดใจเลยหากศาลอุทธรณ์จะกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเสียใหม่"
เรื่องราวการสังหารหมู่วัดพรหมคุณารามยังไม่เลือนหายไปจากจิตใจของคนไทยและชาวพุทธเหตุการณ์และเหตุการณ์สอนใจให้วัดไทยในต่างประเทศ ต้องเตรียมการและป้องกันเสนาสนะให้รัดกุมและมิดชิด เพื่อจะไม่มีเหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสองกับวัดไทยในต่างประเทศอีก
ปัจจุบันราชการของไทยา และพุทธศาสนิกชนในสหรัฐอเมริก จะจัดงานอุทิศเป็นประจำทุกปี และให้ชื่อวันสำคัญนี้ว่า วันมหารำลึก โดยมติของสมัชชาสงฆ์ไทยฯ ให้ทุกวัดในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยฯร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยกำหนดจัดในวันเสาร์และอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3ของเดือนสิงหาคม ของทุก มีการจุดเทียนมหารำลึก
พระครูวิเทศพรหมคุณ ได้กล่าวว่า “การสูญเสียพระธรรมทูตจำนวน 6 รูป และคณะอีก 3 ท่าน รวมเป็น 9 ชีวิต นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทย แม้วันเวลาจะล่วงเลยมา 17 ปีแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกในใจของคนที่ใกล้ชิดและเพื่อนสนิทมิตรสหาย ท่านที่เคารพนับถือในผู้มรณะ ยังไม่มีวันจางหายไป ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้ นับเวลานี้ไม่มีเฉพาะพระธรรมทูตและสาธุชนในที่นี้เท่านั้น ยังเชื่อว่ายังคงอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกตลอดไป”
ที่มา writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=205702&chapter=378