แต่งงานนอกฤดูกาล หลายคู่จะคิดว่าจัดงานแต่งงานให้เหมาะแล้วหล่ะก็ต้องจัดฤดูหนาวเท่านั้น ยิ่งไปฮันนีมูนแถวเมืองเหนือหรือไปต่างประเทศเลย อะไรๆมันก็ดูดี และแสนจะโรแมนติค แถมได้อวดเสื้อกันหนาวสวยๆ สีสันสดใสถ่ายรูปคู่ดูมีชีวิตชีวา เพราะเหตุนี้แหล่ะคะข้าวของต่างๆ ที่ใช้ในงานไม่ว่าจะเป็น ค่าสถานที่ ดอกไม้ ของชำร่วย จึงได้แพงเป็นเงาตามตัว ปัจจุบันนี้ เขาถือฤกษ์สะดวกกันแล้วค่ะสะดวกเวลา แล้วก็สะดวกเงินในกระเป๋า คุณอาจจะเปลี่ยนใจไปจัดงานแต่งงานหน้าร้อนก็ดีนะคะ และ ฮันนีมูนที่ทะเล ใส่ชุดบีกินีสีสันสดใส ถ่ายรูปคู่ ก็สวยได้ไม่แพ้กันค่ะ บางคู่ ประหยัดเงินโดยการฉลอง แต่งงานในช่วงเช้าถึงเที่ยง ในวันหยุด สุดสัปดาห ์ แทนที่จะเป็น งานกลางคืนที่ต้องเลี้ยงอาหาร มื้อหนักก็เข้าท่าเหมือนกันค่ะ
ฉลาดในการเลือกสถานที่ ขึ้นชื่อว่าโรงแรมหรูหราละก้อ กระเป๋าฉีกแน่ๆ ลองติดต่อ สโมสรต่างๆ หรือให้ดีที่สุดควรจัด งานที่บ้านคุณ บ้านแฟน หรือไม่ก็บ้านเพื่อนที่ ร่ำรวยมีบ้านหลายหลัง (บ้านเล็กบ้านน้อย)แต่ที่คุณต้องจ่ายเพิ่มคงจะ เป็นข้าวของที่ใช้ในการจัดสถานที่ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือโคมไฟตามจุดต่างๆ ที่ช่วยเสริมสถานที่ให้ดูดีขึ้นค่ะ
หาชุดเจ้าสาวที่แหวกแนว ตามประสาเจ้าสาวทุกคน มักจะหลับตาเห็นตัวเองอยู่ในชุดเจ้าสาว สีขาวที่ฟูฟ่อง จะตัดก็แพงแสนแพง จะเช่ารึก็ไม่อยากใส่ชุด ที่คนอื่นใส่แล้ว หากคุณกล้าพอ ที่จะแหวกกฏเกณฑ์มาตราฐาน ของเจ้าสาวไทยละก้อ ลองเปลี่ยนจากชุดเจ้าสาว ที่เห็นกันโดยทั่วไปเป็นชุด ที่ดูดี ที่สามารถเดินหาได้ตามห้างสรรพสินค้า เลือกแบบสักหน่อยที่ ดูเหมา ะกับงานพิเศษๆ แม้จะดูแปลกและอาจถูกถามบ้าง คุณก็ต้อง ใช้ความมั่นในเป็นเดิมพัน เงินน่ะ เก็บเอาไว้ใช้ทำอย่างอื่นน่าจะคุ้มกว่า นะคะ
เล็กๆไม่ ใหญ่ๆชอบ ก็จะอะไรซะอีกล่ะคะ เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ หากจะใช้ลงทุนซื้อ ของเพื่อตกแต่ง สถานที่ทั้งที ควรตกแต่งสถานที่ ที่แขกในงาน สามารถมองเห็นได้นาน และ มองเห็นได้บ่อยๆ โดยคุณอาจตกแต่ง ดอกไม้ที่โต๊ะอาหาร หรือโต๊ะสำหรับ างเค้กแต่งงาน คงจะดีกว่า ตกแต่งขาเก้าอี้ของแม่เจ้าสาวด้วยพันธุ์ไม้เลื้อย จริงไหมคะ? ดังนั้นจงท่องไว้ว่า เล็กๆที่คนไม่ค่อยเห็นน่ะ “ไม่สน” สนแต่สิ่งที่แขก มองเห็น อย่าง ทั่วถึงค่ะ และอย่าลืมเลือกดอกไม้ที่หาได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องสั่งจากเมืองนอกเมืองนา หากใคร ทักว่าไม่มีดอกไม้ฝรั่งเหรอ คุณก็แค่บอกแขกว่า คุณทำเพื่อชาติ เพราะกลัวเสียดุลย์การค้าค่ะ
เลือกแขก
จำนวนแขกกับจำนวนเงินในกระเป๋า เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออกเลยค่ะ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้คุณควรเลือกเชิญแต่เฉพาะแขกคนสำคัญ และเป็น “โสด” ละก้อเหมาะมากค่ะ เพราะหากเชิญแขกที่แต่งงานแล้ว แน่นอนค่ะแขกของคุณก็จะพร้อมใจ กันมางาน ของคุณทั้งครอบครัวเลย คุณก็คงทำได้เพียง แค่ยิ้มแห้งๆ รับแขกเท่านั้น ค่ะ
เลือกอาหารที่มีคอนเซป ฟังดูเก๋ไก๋ไม่ใช่เล่นเลยนะคะ หากคุณบอกแขกถึงคอนเซปของงาน หรือของอาหาร ที่คุณเตรียมไว้ เช่น จะเน้นแค่เพียงอาหารทะเล และอาหารประเภทย่างเท่านั้น ก็จะตัดปัญหา ที่จะต้องตอบคำถามว่า ทำไมไม่มีอาหารบางประเภทที่แสนแพง ที่ใครต่อใครก็คาดหวัง จะได้ทานค่ะ
ใช้เว็ปไซด์ให้เป็นประโยชน์ ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้ว หากคุณคลิกเข้าไปในบางเว็ปไซด์ ก็อาจช่วยคุณ ในการวางแผนต่างๆ ได้ ซึ่งเว็ปเหล่านี้จะส่งข้อความเตือน ให้คุณทำใน สิ่งที่ต้องทำเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้นอกจากนี้คุณยังสามารถส่งการ์ดเชิญ ไปทางเมลล์โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางด้วยค่ะและแล้ว กระเป๋า ของคุณ ก็จะไม่มีวันฉีก แถมยังเหลือเงินไว้ใช้ในการไปฮันนีมูน หรือซื้อของแต่งบ้านอีกด้วยค่ะ
ข้อมูลจาก
คอยอ่านการแต่งงานไม่บานปลาย(งบ)..........ครูติ๋ว แม่เจ้าสาว...............................พิธีแต่งงานแนวประหยัด ที่นำมาเสนอในที่นี้มี 4 แบบ
พิธีแต่งงานแบบที่ 1
เป็นการดัดแปลงโดยตัดวันสุกดิบและจัดขั้นตอนในทางปฏิบัติให้รวบขึ้น โดยเวลาเช้านิมนต์พระสงฆ์ มาเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นคู่บ่าวสาวตักบาตรเลี้ยงพระ เป็นเสร็จพิธีสงฆ์ ช่วงบ่ายฝ่ายเจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมาก มายังบ้านเจ้าสาว มีการเชิญขันหมากตรวจสินสอด ไหว้บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ พร้อมทั้งอาจจดทะเบียนสมรสเลยก็ได้ พอช่วงเย็นมีพิธีรดน้ำคู่บ่าวสาว เพื่อเป็นการประหยัด อาจเชิญประธานเพียง 1 ท่าน เป็นผู้รดน้ำและเจิมคู่บ่าวสาว จะนำของชำร่วยแจกผู้ร่วมงาน พอถึงช่วง กลางคืน บิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่ ก็จะทำพิธีปูที่นอนและทำพิธีส่งตัวเจ้าสาว พร้อมทั้งมีการให้โอวาทและอวยพรตามธรรมเนียมเป็นอันเสร็จพิธีแต่งงาน
พิธีแต่งงานแบบที่ 2 ฝ่ายเจ้าบ่าวจะจัดขันหมากมายังบ้านเจ้าสาว พร้อมทำบุญตักบาตร แล้วจดทะเบียนสมรสในช่วงเช้า ต่อจากนั้นในช่วงบ่ายก็จัดพิธีรดน้ำและเลี้ยงอาหารแก่แขก ซึ่งจะเป็นอาหารว่างหรืออาหารเย็น ก็แล้วแต่ความเหมาะสม พอช่วงกลางคืนก็จะมีพิธีส่งตัวเจ้าสาว โดยมีพิธีปูที่นอน แล้วให้โอวาทและอวยพรแก่คู่บ่าวสาวโดยบิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่
พิธีแต่งงานแบบที่ 3 ในช่วงเช้าคู่บ่าวสาวจัดถวายสังฆทาน แล้วร่วมกันตักบาตรที่หน้าบ้านหรือที่วัด ต่อจากนั้นมีพิธีรดน้ำ หรือผูกข้อมือ จดทะเบียนสมรส ซึ่งก็มีเฉพาะญาติผู้ใหญ่ของคู่บ่าวสาวเท่านั้น ที่มาร่วมพิธี เสร็จแล้วช่วงเที่ยงมีการเลี้ยงอาหาร ซึ่งอาจจัดในหรือนอกสถานที่ก็ได้ตามสะดวก ส่วนการส่งตัวเป็นการจัดภายในเท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี
พิธีแต่งงานแบบที่ 4 ช่วงเช้า เจ้าบ่าวเจ้าสาวถวายสังฆทานหรือตักบาตรที่หน้าบ้านหรือที่วัด ต่อจากนั้น บิดามารดา พร้อมทั้งญาติผู้ใหญ่ ที่ใกล้ชิดจะรดน้ำอวยพรหรือผูกข้อมือ แล้วไปจดทะเบียนสมรส เป็นเสร็จพิธี หรือในกรณีที่ต้องการ ให้กระชับที่สุด ก็อาจมีเพียงถวายสังฆทานแล้วไปจดทะเบียนสมรสเลยก็ได้ จะเห็นได้ว่า การที่คนเรารักกันและต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้น ไม่จำเป็นต้องมีพิธีที่ใหญ่โตให้สิ้นเปลือง เงินทอง เสมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพียงแค่มีพิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม กับสภาวะแวดล้อม ในยุคสมัยปัจจุบันก็น่าเพียงพอแล้ว ซึ่งก็สามารถทำให้ชีวิตคู่ครองรักกันยืนนานได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : http://www.culture.go.th/know.php?F=married&FF=thai
Thanks.......