ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์...
ครั้งหนึ่ง ชายชราบนดวงจันทร์ได้มองลงมาที่ป่าใหญ่บนโลกมนุษย์
เขาเห็นกระต่าย ลิง และ สุนัขจิ้งจอก
ทั้งสามอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น และต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ชายชราอยากรู้ว่าสัตว์ตัวไหนใจดีที่สุดจึงแปลงตัวเป็นขอทาน
แล้วลงจากดวงจันทร์ไปยังป่าที่สัตว์ทั้งสามอาศัยอยู่นั้น
" โปรดช่วยผมด้วย ผมหิว หิวเหลือเกิน" เขาพูดกับสัตว์ทั้งสาม
สัตว์ทั้งสามรู้สึกสงสาร ต่างแยกกันไปหาอาหารมาให้ขอทาน
ลิงนำผลไม้มาจำนวนมาก สุนัขจิ้งจอกจับได้ปลาตัวใหญ่
แต่กระต่ายไม่สามารถหาสิ่งใดมาได้เลย
กระต่ายร้องคร่ำครวญ แต่แล้วก็ได้ความคิดขึ้นมา
" ได้โปรดเถอะ คุณลิง ช่วยกรุณานำไม้ฟืนมาให้ฉันหน่อย
ส่วนคุณสุนัขจิ้งจอก ขอได้โปรดนำไม้ฟืนกองนั้นก่อไฟกองใหญ่ให้ฉันด้วย"
สัตว์ทั้งสองทำตามคำขอของกระต่าย
เมื่อไฟลุกไหม้สว่างดีแล้ว กระต่ายก็พูดกับขอทานว่า
" ผมไม่มีสิ่งใดจะให้คุณ ดังนั้นผมจะโยนตัวเองลงไปในกองไฟนี้
จากนั้นเมื่อผมถูกไฟเผาจนสุกดีแล้ว ขอให้คุณกินเนื้อของผมแทนก็แล้วกัน"
กระต่ายเตรียมพร้อมที่จะกระโจนลงไปในกองไฟและย่างตัวเอง
แต่ทันใดนั้นขอทานก็เปลี่ยนร่างเป็นชายชราบนดวงจันทร์ตามเดิม
" เธอเป็นสัตว์ที่ใจดีมาก เจ้ากระต่าย
แต่เธอไม่ควรทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายตัวของเธอเอง
เนื่องจากเธอเป็นสัตว์ที่ใจดีที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมด
ฉันจึงขอนำเธอกลับขึ้นไปอยู่กับฉัน"
จากนั้น ชายชราบนดวงจันทร์ก็อุ้มกระต่ายนำไปที่ดวงจันทร์
ถ้าเรามองดูดวงจันทร์ให้ดีๆ ตอนที่ดวงจันทร์ส่องแสงนวลแจ่มจรัสนั้น
เราจะเห็นกระต่ายอยู่บนนั้น ซึ่งชายชราเป็นผู้นำไปไว้เมื่อนานมาแล้ว
และนี่ก็เป็นตำนานที่มาของกระต่ายบนดวงจันทร์ของญี่ปุ่น
ตำนานกระต่ายในดวงจันทร์ มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าในแอฟริกา ทิเบต เม็กซิโก จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่ทว่าแพร่หลายที่สุดในซีกโลกตะวันออก สันนิษฐานว่าตำนานกระต่ายในดวงจันทร์น่าจะมีต้นกำเนิดในประเทศอินเดีย
ตามตำนานอินเดีย เชื่อกันว่าภาพที่เห็นบนผิวดวงจันทร์คือ เทพแห่งดวงจันทร์ ชื่อจันทรา ผู้ซึ่งถือกระต่ายไว้ในมือ เนื่องจากคำว่ากระต่ายในภาษาสันสกฤต คือ ศศะ ดังนั้นจึงเรียกดวงจันทร์ว่า ศศิน แปลว่า ซึ่งมีกระต่าย
ส่วนตำนานจีนเล่าว่า ภาพที่ปรากฏบนดวงจันทร์ คือกระต่ายกำลังตำข้าวในครก กระต่ายตัวนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้รับใช้เซียนหรือผู้วิเศษ โดยมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ
ในนิทานแฝงคติธรรมทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับกระต่ายบนดวงจันทร์ เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีกระต่าย ลิง นาก และสุนัขจิ้งจอก สาบานร่วมกันว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และบำเพ็ญตนเป็นฤๅษีอยู่ในป่า พระอินทร์อยากทดสอบในศรัทธาของสัตว์ทั้งสี่ จึงปลอมตัวเป็นพราหมณ์เที่ยวขอบริจาคทาน โดยไปขอจากลิงเป็นตัวแรก ลิงมอบมะม่วงให้ จากนั้นพราหมณ์ก็ไปขอทานจากนาก นากถวายปลาซึ่งมาตายเกยตื้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็ถวายนมหม้อหนึ่งและผลไม้แห้ง
เมื่อพราหมณ์เข้าไปขอบริจาคทานจากกระต่าย กระต่ายพูfกับพราหมณ์ว่า “ข้ากินแต่หญ้าเป็นอาหาร หญ้าก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ กับท่านเลย” พราหมณ์จึงเอ่ยขึ้นว่า ถ้ากระต่ายบำเพ็ญพรตเป็นฤๅษีที่แท้จริงแล้ว ขอให้สละชีวิตของตนเพื่อเป็นอาหารแก่พราหมณ์ กระต่ายตอบตกลงทันทีและทำตามที่พราหมณ์ขอร้องว่าให้กระโดดเข้ากองไฟเอง พราหมณ์จะได้ไม่ต้องลงมือฆ่าและปรุงกระต่ายเป็นอาหาร กระต่ายปีนขึ้นยืนบนก้อนหินและกระโดดเข้ากองไฟ ในขณะที่ร่างกระต่ายกำลังจะตกสู่เปลวเพลิงนั้น พราหมณ์ได้คว้าตัวกระต่ายไว้ แล้วเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าคือใคร พระอินทร์นำกระต่ายไปไว้บนดวงจันทร์เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลในโลกได้เห็นกระต่าย และรับรู้ว่ากระต่ายคือตัวอย่างแห่งการเสียสละตนอันยิ่งใหญ่
นิทานแฝงคติธรรมทำนองนี้ยังมีเนื้อเรื่องที่ต่างกันไปบ้างเล็กน้อย บางเรื่องก็ว่า ขณะที่พระพุทธเจ้าออกแสวงหาสัจธรรมได้หลงทางไปกลางป่า และมาพบกระต่ายเข้า กระต่ายถวายตัวเป็นอาหารแด่พระพุทธเจ้าโดยกระโดดเข้ากองไฟ แต่พระพุทธเจ้าได้แสดงบุญญาภินิหารช่วยชีวิตกระต่ายขึ้นจากไฟ และนำกระต่ายไปไว้บนดวงจันทร์ อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าในร่างของกระต่าย ยินยอมพลีร่างเป็นอาหารแก่สัตว์ที่กำลังอดอยากหิวโหย อีกเรื่องหนึ่งว่า ทรงสละตัวเองแก่พระอินทร์ พระอินทร์จึงได้วาดรูปกระต่ายลงบนดวงจันทร์เพื่อเป็นเครื่องรำลึกชั่วนิรันดร์
สำหรับในหมู่ชาวฮอตเทนทอต ชาวพื้นเมืองเร่ร่อนล่าสัตว์ ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยอธิบายโรคปากแหว่ง (harelip) ตั้งแต่เกิตของคนเรา ตามตำนานพระจันทร์ส่งกระต่ายลงมายังโลกเพื่อบอกกับมนุษย์ว่าเมื่อเธอตายจะกลับฟื้นขึ้นอีกครั้ง และมนุษย์ก็เช่นกัน แต่กระต่ายไม่ใส่ใจจึงจำข้อความผิด ๆ ถูก ๆ ไปบอกมนุษย์ว่า พระจันทร์ตายแล้ว จะไม่ฟื้นคืนมาใหม่ และมนุษย์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเธอ เมื่อพระจันทร์ทราบว่ากระต่ายทำอะไรลงไป เธอโกรธมากและพยายามจะใช้ขวานจามหัวกระต่าย แต่พลาดไปโดนริมฝีปากบนของกระต่ายแทน เจ้ากระต่ายบาดเจ็บก็ตอบแทนเธอด้วยการข่วนเข้าที่ใบหน้าด้วยอุ้งเล็บของมัน ทำให้เกิดรอยปื้นดำปรากฏบนดวงจันทร์ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
..........โปรดอ่านโดยใช้วิจารณญาน.....
ที่มา fwdmail
www.jengsud.com/
คลิกฟังเพลง แสงจันทร์ http://radio.sanook.com/music/player/แสงจันทร์/112510/