Advertisement
สถิติ"เด็กหาย" รุนแรงขึ้นทุกปี
สถิติ"เด็กหาย" รุนแรงขึ้นทุกปี
นงนวล รัตนประทีป
ทุกปีในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เป็น "วันเด็กแห่งชาติ" เด็กแทบทุกคนเฝ้ารอคอยวันนี้ เพราะเป็นวันที่ผู้ใหญ่จัดงานรื่นเริงต่างๆ ให้แก่เด็กๆ รวมทั้งเปิดสถานที่สำคัญให้เด็กเข้าชมฟรี มีกิจกรรม และแจกของขวัญ
แต่ในทางกลับกัน มีเด็กอีกไม่น้อยกลับไม่ได้รับโอกาสดีๆ นี้ โดยเฉพาะเด็กที่สูญหาย ถูกลักพาตัว ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ถูกนำไปกระทำทารุณต่างๆ
หลายคนหายไปโดยไม่รู้ชะตากรรมร้ายดีเช่นไร
มูลนิธิกระจกเงา หนึ่งในองค์กรเอกชนมีหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับแจ้ง ประสานงานติดตาม และให้ความช่วยเหลือคนหายทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนต.ค.2546 จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 4 ปีแล้ว
จากข้อมูลสถิติของการรับแจ้งเด็กหายจากทั่วประเทศ ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา คือ ปี 2547-2550 พบว่า มียอดรับแจ้งผู้สูญหายทั้งสิ้น 928 ราย แบ่งเป็นผู้ชาย 327 ราย ผู้หญิง 601 ราย พบแล้ว 573 ราย กำลังดำเนินการค้นหา 355 ราย การหายตัวมาจากสาเหตุ 10 ประเภท คือ การลักพาตัว ล่อลวงเพื่อทางเพศ ล่อลวงเพื่อแรงงาน โรคสมองเสื่อม สมัครใจ (หนีออกจากบ้าน) ชู้สาว ติดเกมติดแช็ตทางโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต ขาดการติดต่อไม่ได้ระบุประเภทการหายตัวและอื่นๆ
ในจำนวนนี้แบ่งช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 10 ปี 32 ราย, อายุ 11-15 ปี 304 ราย, อายุ 16-18 ปี 183 ราย, อายุ 19-30 ปี 197 ราย, อายุ 31-50 ปี 106 ราย, อายุ 51 ปีขึ้นไป 86 ราย, และไม่ได้ระบุปีเกิดอีก 37 ราย
นายเอกลักษณ์ หล่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า ผู้ปกครองผู้สูญหายที่ได้สอบถามส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 41-50 ปี การศึกษาไม่คอยสูงอยู่ระดับ ม.1-ม.6 ภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ส่วนมากจะมีลูกครอบครัวละ 2 คน ส่วนลูกที่สูญหายจะเป็นคนที่ 1 และบุคคลผู้สูญหายส่วนมากเป็นเพศหญิง ช่วงอายุ 11-15 ปี และกำลังศึกษาชั้น ม.1-3 จะถูกล่อลวงเพื่อกระทำทางเพศ
สาเหตุแรกมาจากสื่ออินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ รองมาคือ พ่อแม่แยกทางกัน ที่พักมีโทรศัพท์บ้านและมือถือ มีปัญหากับเพื่อนๆ มีร้านอินเตอร์ เน็ตมั่วสุม พักในชุมชนแออัด มีแหล่งยาเสพติด เป็นต้น
อีกทั้งยังพบว่าการหายตัวของคนในสังคมจากทั่วประเทศ เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 518 ราย คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของสถิติคนหายทั่วประเทศ
จากสถิติปัญหาการหายตัวออกจากบ้านของเด็ก ยังพบว่า ปี 2547 มี 1 ราย ปี 2548 มี 6 ราย ปี 2549 มี 9 ราย และปี 2550 มี 4 ราย โดยมีเป้าหมายหลักที่วิเคราะห์พบว่า เด็กที่หายส่วนใหญ่อายุ 11-13 ปี สาเหตุมาจากครอบครัวหย่าร้าง พ่อแม่แยกทางกัน
ดังกรณีอันน่าสลดคือ เหตุการณ์ลักพาตัวเด็กชาย 2 คน คือ ด.ช.ชัยภาษา ด่านเกื้อกูล หรือ "น้องเท็น" อายุ 11 ปี และ ด.ช.พงษ์เพชร จีนสุกแสง หรือ "น้องลาภ" อายุ 10 ปี ที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2549 จนถึงวันนี้คดีนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เด็กทั้ง 2 หายสาบสูญอยู่ ไม่มีใครพบเบาะแสใดๆ
แม้ทุกหน่วยงาน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์ข้อมูลคนหายฯ มูลนิธิกระจกเงา จะช่วยเหลือกันเต็มที่ จนเหตุการณ์ล่วงเลยมา 1 ปีแล้ว
นายเจริญ ด่านเกื้อกูล อายุ 55 ปี และนางโสรยา ด่านเกื้อกูล อายุ 56 ปี พ่อและแม่ของน้องเท็น มาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนางโสรยา บอกว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ ลูกหายไปแล้ว 1 ปี 22 วัน หน่วยงานรัฐใส่ใจน้อย เราไปแจ้งความตอนแรกตำรวจก็บอกว่าต้องให้หาย 24 ชั่วโมงก่อน แจ้งครั้งที่ 2 บอกว่าไม่ใช่คดีอาญา จนขอความช่วยเหลือโดยการถวายฎีกา รวมไปถึงร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สองสามีภรรยาย้อนให้ฟังว่า ช่วงเดือน ก.พ.หลังจากหายไปประมาณ 2 เดือน ก็ไม่คืบ มีคนแจ้งเบาะแสว่าพบที่ จ.ราชบุรี แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า คิดว่าถ้าทุกส่วนช่วยกัน ก็มีความหวังว่าจะต้องเจอลูก อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน และเห็นความสำคัญ
"อย่าคิดว่าไม่ใช่ลูกเราแล้วไม่สนใจ แจ้งแล้วก็แล้วกันไป เราเป็นแม่ก็อยากให้ลูกเรากลับมา ส่วนพ่อของน้องเท็นก็เป็นโรคเครียดลงกระเพาะ เป็นเส้นโลหิตสมองตีบ เหมือนจะเป็นอัมพฤกษ์ ไปหาหมอประจำ และหมอก็ให้ยามาทานตลอด พอพูดถึงลูกทีไรก็จะมีอาการร้องไห้ทุกครั้งวันละเป็นสิบครั้ง คิดถึงลูก และสงสารสามี" นางโสรยา ผู้สูญเสียลูกชาย กล่าว
กรณีของ "น้องเท็น" และ "น้องลาภ" แค่ตัวอย่างหนึ่งในปัญหาเด็กหาย ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่กระบวนการช่วยเหลือ หรือความเอาจริงเอาจังจากหน่วยงานรัฐกลับอยู่ในระดับที่ต่ำ
หลังงานวันเด็กแห่งชาติปีนี้ น่าเป็นโอกาสอันดี กรณีเด็กหายควรจะเป็นวาระเร่งด่วนหนึ่ง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หันมาให้ความสำคัญ ดำเนินการอย่างจริงจังต่อปัญหาเด็กหาย ทั้งในเชิงป้องกัน และช่วยเหลือเด็กที่หายออกจากบ้าน
ที่สำคัญไม่ใช่ปัญหาที่คนใดคนหนึ่งต้องรับผิดชอบ แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกัน
http://matichon.co.th/khaosod/view_n...MHdNUzB4TXc9PQ==
|
พ่อเหยื่อลักเด็กโผล่แจ้งจับอีกราย
|
|
13 พย. 2552 01:38 น.
เมื่อเวลา 21.30 น.นายจ่อย ลากุล อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปพร้อมด้วย ด.ช.สมนึก หรือน้องนึก ลากุล อายุ 10 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 71/4 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าพบกับพ.ต.ท.บรรยง แตงมั่งคง รองผกก.สส. สน.ชนะสงครามและพ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนางช้อน ศรีส่อง
นายจ่อยให้การว่า กลางปี 2552 นางบุญนำ ทิบโสต อายุ 30 ปี ภรรยาได้พาด.ญ.สมหญิง ลากุล หรือน้องหญิงขณะนั้นอายุ 4 ขวบเดินทางมากรุงเทพฯเพื่อหางานทำ ก่อนจะไปทำงานก่อสร้างที่จ.นนทบุรี ต่อมาประมาณ 4 เดือน ภรรยาโทรศัพท์มาาบอกให้ไปรับลูกที่จ.พิษณุโลกจึงรีบเดินทางไปหาภรรยา แต่กลับพบเพียงลูกชายเพียงคนเดียว จึงถามภรรยาว่าลูกสาวอยู่ไหน กลับได้รับคำตอบจากภรรยาว่า ลูกสาวหายไป ภรรยาเล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุขณะที่ภรรยานอนหลับอยู่แถวสนามหลวงปล่อยให้น้องหญิงไปวิ่งเล่นกับพี่ชายก่อนที่จะหายตัวไป แต่ภรรยาไม่ได้แจ้งความ ตนจึงแจ้งความไว้ที่สภ.พระนครศรีอยุธยาและพยายามออกตามหาบุตรสาวในหลายๆที่ ก็ยังไม่พบ หมดเงินไปหลายหมื่นบาทแต่ก็ไม่พบตัว จนคิดว่าหมดหวังแล้ว กระทั่งมาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ว่าพบตัวบุตรสาวแล้ว จึงรีบเดินทางมาจากบ้านที่จ.พระนครศรีอยุธยาเพื่อนำหลักฐานเป็นสูติบัตรของด.ญ.สมหญิง รวมทั้งรูปถ่ายและทะเบียนบ้านมามอบให้เป็นหลักฐานและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
พ.ต.ท.บรรยง กล่าวว่า ขณะนี้ทางน้องหญิงอยู่ในความดูแลของสังคมสงเคราะห์จ.อุดรธานี ตามกระบวนการ ตนจะทำหนังสือและหลักฐานที่ทางบิดาของเด็กที่นำมามอบไว้ ประสานไปยังสภ.ศรีธาตุและสังคมสงเคาระห์จ.อุดรธานีในเรื่องขั้นตอนการขอรับตัวน้องหญิงกลับมาสู่ครอบครัวว่าต้องมีขั้นตอนเช่นไรบ้าง หากหลักฐานที่นำมามอบให้ไม่เพียงพอก็อาจจะต้องมีการเจาะพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับตัวต่อไป
|
|
|
|
|
|
เตือนภัยพ่อแม่ผู้ปกครอง ระวังแก๊งลักเด็กอาละวาด เผยสถิติเด็กหาย 800ราย
แก๊งลักเด็กอาละวาด เผยสถิติเด็กหาย 800ราย
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
เสถียร ท้วมจันทร์ มนตรี จิรพรพนิต รายงาน
แล้วเรื่องราวของแก๊งลักเด็กก็กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาจนได้ หลังจากช่วงนี้มีเสียงร่ำลือกันว่ามีแก๊งรถตู้ออกอาละวาดจับเด็กไปขายมากมาย เล่นเอาพ่อแม่ผู้ปกครองถึงกับขวัญผวากลัวลูกจะตกเป็นเหยื่อไปอีกราย
ลูกหลานใครต้องจับตาดูกันให้ดี
เผลอเมื่อไหร่อาจหายได้เมื่อนั้น!?!
เหตุการณ์ที่กล่าวมาเกือบจะเกิดขึ้นกับนางบุญยืน เขียวอ่อน อายุ 35 ปี ชาวอ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ออกมาร้องเรียน อ้างว่าลูกสาวเกือบจะถูกแก๊งรถตู้จับตัวไป แต่พอโทร.แจ้งตำรวจกลับได้ยินคำพูดของตำรวจที่ฟังแล้วเกิดความไม่สบายใจ เพราะตำรวจทำเหมือนไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกของเธอ ไม่เชื่อว่าจะมีแก๊งรถตู้จับเด็กจริง
เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้ความเป็นธรรมจากตำรวจ
นางบุญยืนจึงออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมถึงที่สุด
นางบุญยืนเดินทางเข้าให้ปากคำกับพ.ต.ท.กิตติวรชัย พิริยะจิตตะ รอง ผกก.สส.สภ.อ.ศรีประจันต์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ลูกสาวและเพื่อน 7 คนขี่รถจักรยานไปโรงเรียนวัดวังพลับใต้ เพื่อไปดูประกาศผลสอบ ขณะเดินทางกลับมีรถตู้สีขาวคาดดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน แต่ติดสติ๊กเกอร์ด้านหน้าว่า รถรับส่งนักเรียน คนที่นั่งใกล้คนขับลดกระจกลงและพยายามชักชวนลูกสาวกับเพื่อนขึ้นรถ แต่ลูกสาวและเพื่อนพยายามหลบเลี่ยงจนมาถึงบ้านแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟัง เด็กยืนยันว่าภายในรถมีเด็กถูกจับตัวไปด้วย แต่เมื่อโทรศัพท์ไปที่เบอร์ 191 เจ้าหน้าที่กลับพยายามสอบถามข้อมูลว่าอยู่ตรงไหน เหตุเกิดอย่างไร สุดท้ายถามว่าแล้วจะให้ตำรวจทำอย่างไร ทำให้นางบุญยืนถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าตำรวจจะพูดออกมาได้แบบนี้
เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตำรวจจึงเรียกผู้ปกครองและเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ 7 คนมาสอบปากคำเพื่อสกรีนหาความเป็นไปได้ เพราะยังพบพิรุธในเหตุการณ์อยู่มากมาย ซึ่งการสอบปากคำเด็กและผู้ปกครองกลุ่มนี้ในตอนหลังยิ่งพบประเด็นน่าสงสัย เหมือนเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมามากกว่า แต่ยังไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร
หากมีคนร้ายจริงน่าจะมีพยานหรือหลักฐานที่จะมายืนยันมากกว่านี้
ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่สร้างเรื่องมากกว่า!?!
ด้วยกระแสข่าวแก๊งลักเด็กที่กำลังดังไปทั่ว รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่อ.ศรีประจันต์ ทำให้น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ออกมาเผยถึงสถานการณ์การลักพาตัวเด็ก ว่า เรื่องนี้มีจริง นอกจากการลักพาเด็กแล้วยังมีการลักพาตัวผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่เพื่อการค้ามนุษย์ด้วย
เรื่องนี้ทางพม. กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาแนวทางในการแก้ปัญหาอยู่
น.พ.พลเดชบอกด้วยว่า หากย้อนหลังไปดูสถิติ พบว่ามีเด็กหายประมาณ 700-800 คน และยังมีการลักแรงงาน โดยมีการตรวจสอบพบว่าไปดักจับที่สถานีขนส่งสายเหนือ-อีสาน ที่ตลาดหมอชิต คนที่ถูกจับจะถูกมอมยา ตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเรือประมงอยู่ 6-7 เดือน นอกจากนั้น ยังมีคนแก่ด้วย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่านำไปขายอวัยวะหรือไม่
"เห็นข้อมูลเหล่านี้แล้วรู้สึกตกใจว่าเดี๋ยวนี้ใจคอของมนุษย์เป็นขนาดนี้แล้วหรือ"
อย่างไรก็ตาม เรื่องแก๊งลักเด็กก็ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้ หากผู้ปกครองเด็กใส่ใจในการดูแลบุตรหลานปัญหาก็คงไม่เกิด และไม่จำเป็นต้องไปตื่นตระหนกกันขนาดนั้น หากทุกคนตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาและดูแลตัวเอง พบเห็นพฤติกรรมผู้กระทำผิด ขอให้รีบแจ้งตำรวจทันที
"ในพื้นที่ภาคอีสานจะมีการลักเด็กผู้หญิงเพื่อนำไปขายบริการมากที่สุด เช่น ในจ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดอุดรฯ พบว่า ประเด็นนี้แรงมากและมีอิทธิพลสูง ขนาดเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ยังถูกขู่ฆ่า ด้วยการส่งลูกปืนมาให้ ส่วนพื้นที่อื่นก็ยังมีปัญหาการลักเด็ก โดยบางส่วนนำไปเป็นขอทาน นำไปขายชายแดนไทย-มาเลเซีย เรื่องนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันป้องกัน" น.พ.พลเดชกล่าว
ขณะที่นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดพม. เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ ว่า ตั้งแต่ปี 2547-2549 มีบุคคลสูญหายทั้งสิ้น 755 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มากที่สุด และจะหายในช่วงปิดเทอม เฉพาะปี 2549 มีเด็กหายทั้งสิ้น 82 ราย
ล่าสุดตั้งแต่เดือนต.ค.2549-มี.ค.2550 มีเด็กหายทั้งสิ้น 14 ราย!?!
จังหวัดที่มีข้อมูลชัดเจน ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อุดรธานี และหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ช่วงปิดเทอมนิยมเดินทางเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ จะโดนล่อลวงตั้งแต่มาถึงสถานีขนส่งหมอชิต
ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าผู้หญิง
เมื่อได้ตัวไปจะนำไปค้าแรงงานเป็นหลัก
ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอ.ศรีประจันต์ จะมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด แต่ปัญหาแก๊งลักเด็กก็เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ที่ผ่านมา "ข่าวสด" ตีแผ่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แก๊งลักเด็กอาละวาดที่กระทุ่มแบนตอนต้นปี"50, เหตุแก๊งลักเด็กทิ้งศพทารกในส้วมแถวหัวลำโพง, คดีจับแก๊งลักเด็กอุ้มเด็ก 4 เดือนส่งมาเลย์, แก๊งลักเด็กจับเด็กหญิงบังคับขายตัว, จับแก๊งลักเด็กคาด่านเตรียมส่งมาเลย์, แก๊งลักเด็กอาละวาดเชียงใหม่ขโมยเด็ก 2 เดือนต่อหน้ายาย และยังมีอีกหลายคดีที่มีการนำเสนออย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันและเตือนภัย
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
วันที่ 13 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,589 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,238 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,202 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,160 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 14,054 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,621 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,736 ครั้ง |
เปิดอ่าน 58,368 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,611 ครั้ง |
|
|