พระตำนานของพระนางสุพรรณกัลยา
คัดมาจากหนังสือ .. " ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา " เขียนโดย หลวงปู่โง่น โสรโย
พระสุพรรณกัลยา ทรงเป็นพระธิดาใน สมเด็จพระมหาธรรมราชา และ พระวิสุทธิกษัตรีย์เป็น พระพี่นางของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จ พระเอกาทศรถ สมภพเมื่อวันเสาร์ ปีมะเส็ง พุทธศักราช ๒๐๙๕ ณ พระราชวังจันทน์เมือง พิษณุโลก (บริเวณที่ตั้ง โรงเรียนพิษณุโลก พิทยาคมในปัจจุบัน)
พระองค์เป็นวีรสตรี ผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ยอมพลัดพรากจากแผ่นดินไทยไปเป็นองค์ประกัน ณ กรุงหงสาวดีเพื่อแลกกับ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ ต่อมาได้ทรงสิ้นพระชนม์ชีพในแผ่นดินพม่าอย่างไร้พิธีอันสมพระยศ ความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์ในครั้งนั้น เป็นผลทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกลับมากอบกู้เอกราชของชาติไทยได้สำเร็จ วีรกรรมดังกล่าวของพระสุพรรณกัลยาจึงสมควรได้รับการเทิดพระเกียรติให้แพร่หลายยิ่งขึ้นสืบไปตลอดกาลนาน
สถานที่สักการะบูชา " พระอนุสาวรีย์ พระสุพรรณกัลยาณี " ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (กองทัพภาคที่ ๓) อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกหลังสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก เมื่อปี พุทธศักราช ๒๑๑๒ พระนาง และพระอนุชาทั้งสองพระองค์ ได้ถูกพระเจ้าบุเรงนอง กวาดต้อนไปเป็นเชลย ยังเมืองหงสาวดีพร้อมด้วย พระมหินทราธิราชเจ้าเหนือหัวแต่พระมหินทราธิราช เสด็จสวรรคตที่เมืองอังวะเสียก่อนพม่าจึงแต่งตั้งให้พระมหาธรรมราชาขึ้นครอง กรุงศรีอยุธยา ในขณะที่โอรสและธิดายังเป็นเชลยอยู่ เพื่อเป็นองค์ประกันป้องกัน การคิดทรยศของฝ่ายไทยทั้งสามพี่น้องอยู่ที่หงสาวดีถึง ๖ ปี จึงได้กลับมา กรุงศรีอยุธยาครั้งหนึ่ง
เมื่อพระนางมีพระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา ด้วยเหตุที่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เกิดความพึงใจในพระสิริโฉมของพระสุพรรณกัลยา จึงมาสู่ขอ จากพระมหา ธรรมราชาและนำกลับไปอภิเษกเป็นพระชายา ณ เมืองหงสาวดี ต่อมาพระนาง ได้ออกอุบายทูลขอให้พระอนุชาทั้งสองพระองค์กลับสู่กรุงศรีอยุธยา โดยอ้างว่า เพื่อไปช่วยพระบิดารับศึก พระยาละแวกแห่งเขมร พระสุพรรณกัลยา มีสภาพ เหมือนถูกทอดทิ้ง ให้ผจญกรรมเพียงลำพังกับไพร่พลเล็กน้อยในท่าม กลางหมู่ อริราชศัตรูทั้งสิ้น แต่กระนั้นพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองก็ทรงมีพระเมตตา รักใคร่ สิเนหาแก่พระสุพรรณกัลยาอยู่ไม่น้อยและด้วยบารมีแห่งพระสุพรรณกัลยา ได้ ปกแผ่คุ้มครองแก่คนไทยที่ตกเป็นเชลยอยู่ในเมืองพม่า มิให้ได้รับความลำบาก
ต่อมามังไชยสิงหราช (นันทบุเรง) โอรสของพระเจ้าบุเรงนอง เป็น ผู้มักมากใน กามคุณและต้องการเป็นใหญ่ จึงร่วมมือกับชายาชาวไทยใหญ่ นามว่า " สุวนันทา " วางแผนชิงราชสมบัติและแย่งอำนาจ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองตรอมพระทัย และ สวรรคตอย่างกระทันหัน เมื่อพระเจ้านันทบุเรงขึ้นครองราชย์เกิดความวุ่นวาย เนื่องด้วยการไม่ยอมรับ ของพระญาติวงศ์ หลายฝ่าย ทำให้พระเจ้า นันทบุเรง เกิดความหวาดระแวง กอปรด้วยรู้ว่ามีการรวบรวมไพร่พลเตรียมการกู้ชาติของพระนเรศวรและ พระเอกาทศรถ ทางเมืองไทย จึงสั่งจับจองจำพระมารดาเลี้ยง (พระสุพรรณกัลยา) และพระธิดาองค์แรกของพระนางให้อดอาหารลงโทษทัณฑ์ทุบตีโบยอย่างทารุณ ในขณะที่พระนางทรงครรภ์แปดเดือน จนพระธิดาสิ้นพระชนม์ จากนั้นก็ทำทารุณ กรรมต่อพระนางอีกจนอ่อนเปลี้ยสิ้นเรี่ยวแรงแล้วใช้ดาบฟันฆ่าพระนาง พร้อมด้วยทารกในครรภ์ แม้ร่างกายของพระนางสิ้นสูญแล้ว ก็ยังไม่เป็นที่สาแก่ใจของพระเจ้านันทบุเรง แม้ดวงพระวิญญาณของพระองค์ก็ถูกกระทำพิธีทางไสยศาสตร์ตราสังรัดตรึง ไม่ให้วิญญาณกลับสู่เมืองไทยให้วนเวียนอยู่อย่างทุกข์ทรมานนานนับร้อยปี ...
ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวกอำเภอ ตะพานหินจังหวัดพิจิตร ได้รับกิจนิมนต์จากพระมหาปีตะโกภิกขุ ให้ไปช่วยงาน ด้านประติมากรรม ซ่อมแซม รูปลายฝาผนังเมืองพะโค (หงสาวดี) ประเทศพม่า ในขณะนั้นประเทศพม่ามีเหตุการณ์ทางการเมืองภายในเกี่ยวกับสมณศักดิ์ พระภิกษุ หลวงปู่โง่นพลอยต้องอธิกรณ์โทษการเมืองไปด้วย กลับเมืองไทยไม่ได้ ระหว่างถูกกักบริเวณท่านใช้เวลาในการฝึกจิตกำหนดตัวแฝงและพลังแฝงในกายได้ สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณ และได้เข้าถึงกระแสพระวิญญาณที่สื่อสารต่อกัน กล่าวว่าท่านเคยเป็นนายทหารช่างสร้างบ้านเรือนทั้งยังเคยถูกพม่ากวาดต้อนไปพร้อมกับพระนางในครั้งนั้นเคยเป็นข้ารับใช้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และ กรุงธนบุรี พระสุพรรณกัลยาได้ขอร้องให้หลวงปู่โง่น ช่วยแก้พันธนาการ ทาง ไสยศาสตร์เพื่อดวงพระวิญญาณของพระองค์ จะได้กลับไปเมืองไทย และให้นำภาพลักษณ์ของพระองค์ อันเกิดจากกระแสพระวิญญาณ เผยแพร่ ให้แก่ชาวไทย ผู้ลืมพระองค์ท่านไปแล้ว พระองค์จะกลับมาทำคุณประโยชน์ ช่วยเหลือ ประเทศ ชาติทั้งยังปณิธานจะกลับมาอุบัติเป็น เจ้าหญิงในปัจฉิมสมัยของวงศ์กษัตริย์ไทย จะสร้างบารมีประกอบคุณความดี เพื่อให้อยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ ด้วย เหตุเพราะ คนไทยลืมคุณกู้ชาติของพระองค์ ที่ยอมสละความสุขในชีวิต เพื่อให้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ มีโอกาสกู้ชาติบ้านเมือง ได้สำเร็จ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น หลวงปู่โง่น โสรโย และท่านพลโทถนอม วัชรพุทธ แม่ทัพกองทัพภาคที่ ๓ ได้ร่วมมือกันสร้าง พระอนุสาวรีย์ ของพระ สุพรรณกัลยา มีขนาดเท่าองค์จริง และได้อัญเชิญ มา ประดิษฐานไว้ ณ ริมฝั่ง แม่น้ำน่านในบริเวณ " ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช " ใกล้กับพระบรม ราชานุสาวรีย์ พระอนุชาทั้งสองพระองค์ โดยได้นำส่วนของสรีระเช่นกระดูกฟัน และเครื่องประดับ ของมีค่าบางอย่างที่ขุดค้นได้จากแหล่งฝังพระศพของพระนาง นำมาบรรจุ ในพระอุระของพระรูปด้วย เพื่อให้ชาวไทยทุกคน ได้มีโอกาสเคารพ สักการะ วีรสตรี ผู้เสียสละยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด เพียงให้สยามไทย ได้คงอยู่ชั่วฟ้าดิน .