หนีโลกร้อนไปกับลิลลี่แพดซิตี้
posted on 12 Aug 2008 11:312-08-08::หม่าม้าเดย์
Lilypad City
เมื่อวานเราร้อน วันนี้เราก็ร้อน พุ่งนี้เรายังจะร้อนกว่านี้อีก...เพราะเหตุนี้เองประเด็นโลกร้อนจึงเป็น Hot Issue ที่ทุกคนให้ความสนใจกัน ไม่เว้นแม้แต่ไอ้หัววุ้น ซึ่งเรียนมาทางด้านการวางผังเมือง หุหุ จะกล่าวอ้างศาสตร์ด้านที่ตนร่ำเรียนมาก็เอือมระอานัก เนื่องจากยังอายุน้อยแล้วก็ด้อยซึ่งประสบการณ์ วันนี้จึงทำได้เพียงอ่าน อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน เอามาวิเคาระห์ เผื่อวันข้างหน้าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบวิชาชีพ และที่สำคัญอาจจะสามารถนำมาเป็นแนวคิดในการวางผังเมืองในบ้านเราต่อไปในอนาคต<<หุหุ แอบเว่อร์ได้อีก!!!
ว่าด้วยประเด็นที่ไอ้หัววุ้นสนใจในวันนี้ คือ เมืองลอยน้ำ หรือ "ลิลลี่แพดซิตี้" เป็นแนวคิดของ นายวินเซนต์ คัลลีบัต สถาปนิกชาวเบลเยียม
ที่มาของแนวคิด ::: แรงบันดาลใจที่คัลลีบัตนำมาออกแบบ "ลิลลี่แพดซิตี้" ได้มาจากรูปร่างของบัววิกตอเรีย เขากล่าวว่า "หลายประเทศหาทางแก้ปัญหาระดับน้ำทะเลสูงขึ้นด้วยการสร้างชายหาด การสร้างเขื่อนกั้นที่นับวันต้องสร้างให้แข็งแรงขึ้น แน่นหนาขึ้น แต่การแก้ปัญหานี้เป็นทางแก้ที่ไม่ยั่งยืน ขณะที่โครงการลิลลี่แพดเป็นโครงการที่แก้ปัญหาได้ในระยะยาว"
วัตถุประสงค์ ::: เพื่อแก้ปัญหาระดับน้ำทะเลที่สูงจนท่วมเมืองตามชายฝั่งในอนาคต โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่มีโอกาสน้ำท่วมจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ได้แก่ นิวยอร์ก โตเกียว และลอนดอน
ลักษณะพิเศษ ::: "ลิลลี่แพดซิตี้" 1 แห่ง มีประชากรอยู่อาศัยได้ 50,000 คน ผลิตพลังงานใช้ได้เอง มีทะเลสาบอยู่ตรงกลางเพื่อเก็บน้ำฝนสะอาด มีภาพเทือกเขาปลอมๆ ไว้ให้ประชาชนดูแก้เบื่อตาจากวิวทะเล ไทเท เนียมไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการสร้างเมืองยังดูดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศด้วย สำหรับพลังงานที่แต่ละเมืองนำมาใช้นั้น เป็นพลังงานสีเขียวที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่ เช่น พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานจากคลื่น พลังงานลม พลังงานเธอร์มัล พลังงานไฮดรอลิก การสร้างพลังงานนั้นมีจำนวนมากกว่าพลังงานที่แต่ละเมืองใช้ พลังงานจึงเหลือเฟือ และยังเป็นเมืองที่ไม่แพร่ก๊าซเรือนกระจก ส่วนขยะจะถูกนำมารีไซเคิล
เป้าหมาย ::: คัลลีบัตต้องการผสมผสานมนุษย์ให้เข้ากับธรรมชาติ และพยายามที่จะทำให้ผู้คนนับล้านที่ไร้ที่อยู่อาศัยเพราะน้ำทะเลท่วม มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายเหมือนกับอยู่บนพื้นดิน "ลิลลี่แพดซิตี้" จึงเป็นเมืองที่ไม่มีถนน ไม่มีรถยนต์ ทั้งเมืองจะมีแต่บ้านและสวน
climate change จากรายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเรื่องภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ IPCC พบว่า ภายในค.ศ.2100 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 9-88 เซนติเมตร แต่ตัวเลขโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 50 เซนติเมตร เราจะได้เห็นภาพชายหาดถูกน้ำท่วมจนมิด อย่างประเทศที่เป็นเกาะในทะเลแปซิ ฟิก เช่น ทูวาลู คิริบาติ มัลดีฟส์ จะถูกน้ำท่วมจนเกือบทั้งเกาะ พื้นที่สูงสุดของเกาะจะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลแค่ 2-3 เซนติเมตร และถ้าน้ำทะเลสูงขึ้น 50 เซนติเมตร อาคารต่างๆ จะถูกกระแสน้ำพัดจนพังไปทั้งเกาะ ทั้งยังเกิดดินทรุดตัว
แม้ว่าหลายเกาะอาจรอดพ้นจากน้ำท่วมไปได้ แต่ปัญหาที่ต้องพบเจอแน่นอนคือ ขาดแหล่งน้ำจืดเพื่อการดื่มการใช้ เพราะน้ำทะเลจะเข้าไปในแหล่งน้ำจืดใต้ดิน นอกจากนี้ ประชาชนที่อยู่ตามชายฝั่งที่มีพื้นที่ต่ำ โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า และไทยเรายังอาจจมน้ำด้วย
ปล.โปรเจคท์นี้ค่อนข้างเว่อร์และอลังการทีเดียว เดิมตาคนนี้แกออกแบบเพื่อเป็นที่หลบภัยสำหรับผู้หนีน้ำท่วม ที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ จนทำให้เมืองชายฝั่งถูกน้ำทะเลท่วม เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Water World แต่หลายคนเห็นว่าการออกแบบเมืองนี้มันน่าอยู่มากกกก จึงอยากแห่กันไปอยู่ก่อนจะเกิดน้ำท่วมเสียอีก เฮ้อ...เอวัง....มนุษย์หนอมนุษย์ ช่างโลภมากไม่รู้จักพอเสียจิง!!!