Advertisement
|
ในวรรณกรรมคลาสสิกดังเช่นเรื่อง "SHE" ของ Sir Rider Haggard สาวสองพันปีในเรื่องรักษาความเป็นอมตะโดยการอาบ "ไฟศักดิ์สิทธิ์" ในโลกของวรรณกรรมแฟนตาซี และภาพยนตร์หลายเรื่อง ดังเช่น นิยายและภาพยนตร์ ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ รวมถึงโลกของวิทยาศาสตร์จริงๆ สมัยเก่าก่อน จนกระทั่งถึงยุคสมัยของ ไอแซก นิวตัน มีเรื่องราวมากมายของการแสวงหาสิ่งที่เรียกกันว่า "PHILOSOPHER' S STONE" หรือ "หินนักปรัชญา" ซึ่งสามารถจะให้ความเป็นอมตะแก่ผู้ครอบครองได้
มาถึงปัจจุบัน เรื่องของไฟศักดิ์สิทธิ์และหินนักปรัชญา เป็นเพียงเรื่องของจินตนาการเท่านั้น แต่ผู้ที่ต้องการความเป็นอมตะ ก็ยังไม่ยอมแพ้ และดูจะมีวิธีแปลกใหม่เกิดขึ้นมา ซึ่งสร้างความหวังแก่คนปรารถนาความเป็นอมตะ ทว่า ความหวังนั้นจะมีโอกาสเป็นจริงแค่ไหน?
"มิติคู่ขนาน" วันนี้ จะนำท่านผู้อ่านไปสำรวจ 6 วิธีการสร้างความเป็นอมตะ ที่ไม่เกี่ยวกับไฟศักดิ์สิทธิ์หรือหินนักปรัชญา และจะสำรวจด้วยว่าโอกาสจะเกิดขึ้นได้จริงมีมากน้อยเพียงใด
วิธีที่ 1 : เปลี่ยนอวัยวะ
การเปลี่ยนอวัยวะ เป็นวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง ในการยืดอายุของมนุษย์ เพราะโดยหลักการแล้ว ร่างกายของมนุษย์ก็เปลี่ยนได้ทุกส่วน รวมไปถึงสมองด้วย
อย่างไรก็ดี ความเป็นอมตะ ถ้าหมายถึงการมีความรู้สึก ความทรงจำของเฉพาะตัวบุคคล การเปลี่ยนอวัยวะไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็จะถึงขีดพรมแดนสุดท้ายว่า จะเปลี่ยนอวัยวะต่อไปได้หรือไม่ ถ้ายังต้องการรักษาความรู้สึก ความทรงจำเฉพาะของตนอยู่ การเปลี่ยนอวัยวะจึงเป็นวิธีที่เป็นไปได้และกำลังเกิดขึ้นอยู่แล้ว ในการยืดอายุของคนคนหนึ่ง แต่ก็จะไปไม่ถึงความเป็นอมตะที่แท้จริง
วิธีที่ 2 : การทำโคลนนิง
ถึงแม้ว่า จนกระทั่งถึงวันนี้ (เดือนก.พ. 2552) ก็ยังไม่มีการโชว์ตัวมนุษย์โคลนเป็นๆ ให้เห็นกัน แต่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป ไม่มีข้อสงสัยว่า ไม่วันใดวันหนึ่งในอนาคตที่ไม่ไกลนัก จะมีการโชว์ตัวมนุษย์โคลนของจริงให้เห็นกันอย่างปฏิเสธไม่ได้
หลายคนคงมองมนุษย์โคลนว่า เป็นตัวตายตัวแทนของคนที่เป็นเจ้าของเซลล์ต้นแบบ และตามหลักพันธุกรรม มนุษย์โคลนก็จะมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับคนเจ้าของเซลล์ต้นแบบทุกประการ ดังนั้น จึงมีคนจำนวนหนึ่งมองว่า หรือการทำโคลนนิง จะเป็นวิธีที่สามารถสร้างความเป็นอมตะให้กับมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม?
ทว่า ความจริงก็คือ มนุษย์โคลนก็เป็นเพียงแฝดแท้ของเจ้าของเซลล์ต้นแบบเท่านั้น รูปร่างหน้าตาจึงเหมือนกับคนที่เป็นเจ้าของเซลล์ต้นแบบ ดังนั้นถ้าความเป็นอมตะหมายถึง การรักษารูปร่างลักษณะทางกายภาพของคนคนหนึ่งให้คงอยู่ตลอดไป วิธีการทำโคลนนิงก็สามารถสร้างความเป็นอมตะให้แก่มนุษย์ได้ แต่ก็เป็นความอมตะทางกายภาพเท่านั้น ความรู้สึก ความทรงจำของมนุษย์โคลนก็เป็นของมนุษย์โคลนเอง มิใช่ของมนุษย์เจ้าของเซลล์ต้นแบบ และจึงยังไม่ใช่ความเป็นอมตะอย่างแท้จริง
วิธีที่ 3 : การถ่ายทอดความทรงจำ
ในนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์วิทยาศาสตร์บางเรื่อง มีการใช้เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดหรือดึงดูดความทรงจำของคนคนหนึ่งให้กับอีกคนหนึ่งได้ ถ้าเทคโนโลยีการถ่ายทอดหรือดึงดูดความทรงจำระหว่างมนุษย์เกิดขึ้นได้จริง วิธีการหนึ่งของการมีชีวิตอมตะ คือ การรักษาความทรงจำของคนคนหนึ่ง ให้คงอยู่ตลอดไป โดยที่คนซึ่งได้รับการถ่ายทอดความทรงจำอาจเป็นคนอื่น หรือแม้แต่เจ้าตัวเองที่ในระหว่างการถ่ายทอดความทรงจำ อาจทำกันเป็นสองทอด ผลจึงอาจเป็นมนุษย์คนใหม่แต่มีความทรงจำของคนที่ต้องการความเป็นอมตะ หรือถ้าถ่ายทอดความทรงจำเป็นสองทอดก็จะได้คนเก่าที่ร่างกายได้รับการซ่อมแซมใหม่ โดยวิธีการต่างๆ เป็นผู้ต้องการความเป็นอมตะคนเดิมกับร่างกายเดิมที่ยังเหลืออยู่
ประเด็นใหญ่ของวิธีการนี้มีอยู่ 2 อย่าง คือ เรื่องการถ่ายทอดความทรงจำ และเรื่องร่างกายของเจ้าของความทรงจำ ในร่างกายใหม่ หรือร่างเก่า
สำหรับเรื่องการถ่ายทอดความทรงจำ ถึงแม้จะมีหลักฐานอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า มนุษย์แต่ละคนล้วนมีความทรงจำในรูปของสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์ ที่ทารกมนุษย์ทุกคนจะมีพฤติกรรมการแสดงออกเหมือนกัน เสมือนหนึ่งการถ่ายทอดสัญชาตญาณผ่านยีนหรือพันธุกรรมของมนุษย์ แต่ก็ยังห่างไกลจากเรื่องการถ่ายทอดความทรงจำที่มนุษย์แต่ละคนสั่งสมขึ้นมา ที่มิใช่สัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์
ส่วนเรื่องของการรักษาหรือเปลี่ยนร่างกายของผู้ต้องการความเป็นอมตะ เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ทางกายภาพ ก็จะทำได้เพียงระดับหนึ่ง มิใช่ตลอดไป...ความเป็นอมตะจากการถ่ายทอดความทรงจำถึงขณะนี้ จึงยังเป็นเรื่องอยู่ห่างไกลออกไปในอนาคต
วิธีที่ 4 : การจำศีลด้วยวิธีการแช่เย็น
วันหนึ่งในอนาคต ถ้าเทคโนโลยีการแช่เย็นมนุษย์ ให้คงอยู่ในสภาพเดิม ดังเช่น กบจำศีลอยู่นานหลายสิบหรือเป็นร้อยปี และสามารถจะปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้จริง ก็จะเป็นวิธีที่ใกล้เคียงกับความเป็นอมตะของมนุษย์อย่างหนึ่ง และเรื่องการแช่เย็นมนุษย์ให้คงอยู่ในสภาพจำศีลเป็นเวลายาวนาน ก็มีการศึกษากันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ สำหรับการเดินทางของมนุษย์ไปในอวกาศที่ยาวไกล ดังเช่น การเดินทางของมนุษย์สู่ดาวเสาร์หรือออกนอกระบบสุริยะของเรา แต่ก็ยังเป็นเพียงการศึกษาในเชิงทฤษฎี เพราะถึงแม้ในปัจจุบันจะมีบางบริษัทในสหรัฐอเมริกา เปิดบริการรับแช่เย็นร่างกายมนุษย์ให้คงอยู่ได้นานหลายปี และมีร่างของมนุษย์จริงๆ หลายคน กำลังอยู่ในสภาพแช่เย็น... หรือแช่แข็ง แต่ทุกคนล้วนเป็นคนที่เสียชีวิตแล้ว มิใช่คนยังมีชีวิตอยู่ ที่ถูกแช่เย็นให้อยู่ในสภาพจำศีลเพื่อให้ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ในอนาคต
อย่างไรก็ดี เรื่องการแช่เย็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้เป้าหมายวันนี้จะมิใช่เพื่อความเป็นอมตะ แต่ก็เป็นวิธีที่เป็นวิทยาศาสตร์และมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้จริง และเร็วกว่า 3 วิธีที่กล่าวไปแล้ว
วิธีที่ 5 : เป็นศิลปิน จิตรกร นักประพันธ์
โมสาร์ต บีโทเฟน โชแปง ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ไมเคิล แอนเจโล โฮเมอร์ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ฯลฯ ทุกคนล้วนเป็นศิลปินหรือจิตรกรในศิลปะการแต่งเพลงคลาสสิก การเขียนภาพ การแกะสลัก และนักประพันธ์ ซึ่งจากโลกไปนานประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว (เช่น โฮเมอร์) หรือเมื่อกลางศตวรรษที่ 20 (เช่น เฮมิงเวย์) แต่ทุกคนล้วนเป็นอมตะด้วยผลงาน ถึงแม้จะมิใช่ตัวตนคือร่างกาย
วิธีการที่จะเป็นอมตะอย่างแน่นอนวิธีหนึ่ง จึงเป็นวิธีการสร้างผลงานศิลปะ ที่มีคุณค่ายืนยงยาวนานตลอดกาล
วิธีที่ 6 : ชื่อเสียงหรือชื่อเสีย
ไอน์สไตน์ กาลิเลโอ ชาร์ลส์ ดาร์วิน นักวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วโลกรู้จัก โสเครตีส นักปรัชญาผู้ไม่กลัวความตาย แอนน์ แฟรงก์ เด็กหญิงชาวยิวผู้เขียนบันทึกบันลือโลก ทุกคนล้วนตายจากไปแล้ว แต่ชื่อเสียงทุกคนยังคงอยู่ และจะคงอยู่อย่างเป็นอมตะไปอีกนาน เพราะชื่อเสียงในด้านสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติ
จักรพรรดิเนโร ผู้เผากรุงโรม ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการนาซี มุสโสลินี จอมเผด็จการฟาสซิสต์ ทุกคนล้วนตายจากไปแล้วเช่นกัน และชื่อของทุกคนก็ยังอยู่ ยังเป็นอมตะ แต่เป็นความอมตะในด้านเลวร้าย... เป็นชื่อเสีย... มิใช่ชื่อเสียง ที่ถูกยกเป็นตัวอย่างเตือนสติคนทั้งโลกอยู่เป็นประจำ
โดยบทสรุปรวบยอด อย่างน้อยจึงมี 6 วิธีสร้างความเป็นอมตะให้เลือก ทั้งวิธีที่ยังต้องรอพัฒนาการของวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าในอนาคต และวิธีที่... ทำได้ทันที!
ที่มา http://www.posttoday.com/
|
วันที่ 11 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,190 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,203 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,163 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,226 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,181 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,135 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 3,556 ครั้ง |
เปิดอ่าน 41,755 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,424 ครั้ง |
เปิดอ่าน 6,923 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,740 ครั้ง |
|
|