Advertisement
หนีร้อนไปพี่งเย็นที่ Kashmir ช่วงสงกรานต์ (ภาค1)
ผมได้โพสรูปชุดเดียวกันนี้ในห้อง Gallery ของพันทิพด้วย
ขนาดรูปมันจะใหญ่สะใจกว่านี้(แต่ไม่มีเพลงให้ฟังน่ะ)
คลิกไปดูได้ครับตามลิงค์ข้างล่างนี้
ดูรูปในห้อง Gallery คลิกที่นี่เพื่อดู
ช่วงสงกรานต์นี้..ผมและเพื่อนอีกหกคน
ได้หนีร้อนไปเที่ยวแคว้นแคชเมียร์..
หลายคนอาจคุ้นๆชื่อนี้..แต่หลายคนอาจงงว่ามันอยู่ที่ไหน
(ปัจจุบันเค้าเรียกรวมๆกันว่าJammu & Kashmir)
มันเป็นแคว้นหนึ่งในอินเดีย..ซึ่งหลายปีก่อนมีการแก่งแย่ง
ดินแดนกันอยู่พักหนึ่งระหว่างอินเดียกับประเทศปากีสถาน
ตอนนี้ก็ยังมีความไม่สงบอยู่บ้างประปราย..
แต่ก็พอจะปลอดภัยอยู่ในระดับหนึ่งถ้าจะไปเที่ยว
ขอแนะนำว่าให้ไปกับไกด์ท้องถิ่นจะปลอดภัยกว่า
ความจริงพวกเราเริ่มต้นเดินทางกันตั้งแต่ Delhi...
แต่เนื่องด้วยว่าอยากโพสภาพของแคชเมียร์และจามมูเร็วๆ
จึงขอข้ามตอนไปเที่ยวที่เดลีเอาไว้ก่อน..วันหลังจะทำบล๊อกเดลีน่ะ
เราเดินทางกันอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย..
เพราะเราขึ้นรถไฟจากเดลีมาที่จามมูก่อน..
หลายๆคนคงรู้ถึงกิตติศัพท์ของรถไฟอินเดียมาบ้าง..
ยังพอดีอยู่บ้างที่เรานั่งรถไฟชั้นสองนอนปรับอากาศ
ไม่วุ่นวายเหมือนชั้นสามธรรมดา...ไม่งั้นตายชัวร์!!!
แต่ก็เหอะ...ตอนไปที่สถานีรถไฟเนี่ยมันเหมือนกับมีสงครามย่อยๆ
ถูกรุม..ถูกเบียด ร้อนแสนร้อน..แต่ก็ได้รสชาดชีวิตไปอีกแบบ
แพลนเดิมเราคือเมื่อนั่งรถไฟมาถึงจามมูแล้ว
(ซึ่งใช้เวลาประมาณ14ชั่วโมง)
เราจะนั่งรถจี๊ปต่อไปยังศรีนากา..ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคชเมียร์
แต่เผอิญมีข่าวว่าดินถล่มมาปิดถนนทำให้รถไม่สามารถวิ่งได้
เราเลยต้องเปลี่ยนแพลนขึ้นเครื่องบินจากจามมูไปศรีนากา
ก็ดีเหมือนกัน..เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้นอีกหน่อย
เรามาถึงศรีนากาตอนบ่าย..เราได้เข้าพักที่โรงแรมเรือ
ซึ่งอยู่ที่ Dal lake..อากาศที่นี่สบายมาก เย็น สูดหายใจได้เต็มปอด
ใครอยากรู้ว่าโรงแรมเรือที่ว่ามีหน้าตาอย่างไรก็ดูได้จากรูปนี้
..โรงแรมเรือนี้จะอยู่ที่ทะเลสาป Dal จะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก
ว่ากันว่าใครได้มาที่ศรีนากาแล้วไม่มานอนถือว่ามาไม่ถึงเลยน่ะ
เรือมีอยู่หลายเกรด...พวกเราได้นอนแบบ Deluxe หรูนิดๆ
มีอยู่สี่ห้อง...มีห้องนั่งเล่น...ห้องกินข้าว..ห้องนอน
มีเตาผิงเอาไว้เวลาหน้าหนาวด้วย..จะมีคนมาเติมฟืนให้ตลอด
เมื่อพักผ่อนได้พอหายเหนื่อยบ้าง..
เราก็ขอให้คนที่โรงแรมพาไปเที่ยวดูบริเวณรอบๆทะเลสาป
ไกล้ๆที่เราพัก..เพื่อดูบรรยากาศโดยรวม
ที่นี่มีของขายเหมือนตลาดน้ำแถวๆบ้านเรา
แต่สินค้าและผู้คนอาจดูแปลกหูแปลกตาไป
และที่สำคัญคืออากาศเย็นสบายกว่ามาก
ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ให้รำคาญใจ
(หมายถึงบริเวณที่พวกเราพักอยู่น่ะครับ)
ผู้คนที่นี่ไม่น่ากลัวอย่างที่ผมคิดจินตนาการเอาไว้ตอนแรก
น่ารักมากๆ...ยิ้มแย้ม ทักทาย
คำถามที่มักถูกถามบ่อยๆคือ
Do you like Kashmir?
How you feel about Kashmir?
พอเราบอกว่าชอบเค้าก็ทำท่าแบบดีใจแกมภูมิใจ
บริเวณโรงแรมเรือที่เราพักอยู่นั้นจะสามารถมองเห็น Akbar fort
ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเค้าใช้เป็นป้อมที่ใช้ในการรักษาเมืองเอาไว้
ตอนนี้เค้าก็ยังไม่เปิดให้เข้าชมน่ะครับ
อาจเป็นเพราะเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
เพราะสถานการณ์ยังไม่ค่อยสงบดี
ทุกๆ 50 - 100 เมตร เราจะเจอทหารอินเดียรักษาการณ์ตลอด
ใหม่ๆพวกเรารู้สึกกลัวๆเหมือนกัน
แต่หลังๆมากลับรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
เพราะมีทหารมาให้ความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
ที่ทะเลสาปนี้เราจะพบเจอการดำเนินชีวิตแบบเรียบๆง่ายๆ
ผู้คนอยู่กันอย่างสงบ..
แต่ก็จะมีบ้างน่ะ(อันนี้ผมสังเกตเอง)
ว่าบางทีเค้าคุยกันเหมือนจะทะเลาะกันเลย
คุยกันเสียงดัง..ทำหน้าตาซีเรียส
แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไร(มั้ง)เพราะยังไม่เห็นมีใครแลกหมัดกันเลย
เรือที่ใช้เครื่องยนต์ก็ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาที่นี่
จะมีแต่เรือพายเรือแจวพบเห็นอยู่ทั่วไป
นอกจากจะเห็นป้อม Akbar fort แล้ว..
เรายังจะสามารถเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้รอบทิศ
เพราะศรีนากานั้นเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางเทือกหิมาลัย
สิ่งที่ผมชอบทำมากๆเวลามานอนที่โรงแรมเรือนี้คือ...
การเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือในยามเช้าตรู่
เพราะว่ามันเห็นบรรยากาศของทะเลสาปแบบ Panorama
แถมอากาศยังเย็นมากๆ..เหมาะกับการ Built อารมณ์ หุหุหุ
เพียงแต่ว่าเวลาเดินอาจมีเสียงดังตึงตัง
เพราะดาดฟ้าเรือมันค่อนข้างมีเสียงดังเวลาเดิน
เพื่อนๆบางคนอาจก่นด่า(ในใจ)..ก็ต้องขออภัยน่ะครับ
แหม..มาเที่ยวทั้งทีต้องเอาให้คุ้มสิเนอะ
ที่เรือเค้าจะมีอาหารบริการให้ทุกมื้อ..
ทำกันด้านหลังเรือนี่แหละ..บางครั้งอาจมีแม่ครัวจากไทยแปลกปลอมมามั่ง
แม่ครัวที่ว่านี่ก็คือคุณรุ่ง Trip leader ของเรานี่เอง
ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์จะงาบพ่อครัวเมืองแขกด้วยหรือเปล่า
อันนี้ต้องไปถาม Group Leader ของเราดูน่ะครับ ฮิฮิ
ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่โรงแรมเรือ..จะมีคนเอาสินค้ามาขาย
สินค้าก็จะมีตั้งแต่ดอกไม้..เมล็ดพันธ์..Papermarche..ผ้า
และอีกจิปาถะที่สามารถสรรหามาขายกันได้
ใหม่ๆพวกเราก็ตื่นเต้นกันอยู่หรอก
แต่เอาไปเอามาชักมากเกิน..พูดคำว่า "No" เหมือนจะไม่มีประโยชน์
เพราะก็ยังมาขายกันอยู่..แถมลูกตื๊อเนี่ยขอบอกว่า..สุดยอด!
พอไม่ซื้อตอนนี้ก็บอกว่าจะมารอตอนเย็นน่ะ
พวกเรานึกว่าพูดเล่น..ก็เลยบอกโอเค
ที่ไหนได้สามทุ่มเค้าก็ยังรอเลย..โห..ถ้าไม่ซื้อมีหวังเจอทุ่มด้วยกระถาง
ก็เป็นอันหมดเงินกันไปตามระเบียบ
ลุงคนนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง..
เค้าจะทำทุกวิธีที่จะให้ได้เงินมา..มีการตื้อให้ซื้อ
มีการใช้จิตวิทยาต่างๆนาๆ
ผมไม่ซื้อหรอก..แต่แอบไปถ่ายรูปเค้าไว้
พอคุณลุงเหลือบมาเห็นเราถ่ายรูปเค้า
เค้าก็บอกว่า"คุณถ่ายรูปผมแล้ว คุณต้องซื้อดอกไม้ผมน่ะ"
แหะๆ ผมก็เผ่นสิครับ
ปล่อยให้เพื่อนร่วมทริปรับชะตากรรมต่อไป เอิ๊กๆ
บางวันก็จะเห็นมีคุณลุงอีกคนหนึ่ง..มาทำอะไรหน้าที่พัก
เห็นแกพยายามเก็บสาหร่ายสีเขียวซึ่งมีมากมายที่ทะเลสาป
แกจะใช้ไม้ยาวๆที่ปลายมีลักษณะเหมือนกระชอน
เกี่ยวๆสาหร่ายมาจนเต็มเรือ..บางครั้งเรือปริ่มๆเหมือนจะจม..เสียวแทน
ถามแกก็ได้คำตอบมาว่าเค้าเอาไปทำสวนลอยน้ำ
แบบประมาณเอาไปทำเป็นดินเทียมเพื่อปลูกต้นไม้,และผัก
อืม...ไอเดียบรรเจิด
ไอ้สาหร่ายสีเขียวที่ว่านั้น..มันก็มีลักษณะเหมือนสาหร่ายหางกระรอกบ้านเรา
เพียงแต่ว่าต้นใหญ่และยาวกว่า
มีเยอะแยะไปหมด...ผมคิดว่าคงมีทั่วทั้งทะเลสาปแหละ
น้ำใสมากๆ มองเห็นสาหร่ายได้ชัดเจน
ใสจนอยากจะไปหาชุด Wet suit มา Scuba ซะงั้น
ถ้าไม่ติดที่น้ำเย็นจัดเนี่ย คงกระโจนไปเล่นแล้วหล่ะ
ผมว่าสาหร่ายมันเยอะเนี่ยอาจเพราะมันได้ปุ๋ยดีด้วยมั้ง
เพราะแถวๆนี้เค้าปล่อยอึลงน้ำน่ะ ฮิฮิฮิ
คิดแล้วก็รีบชักมือออกจากน้ำด้วยความรวดเร็ว..เอื๋อก!
อีกวันนึงเราก็ได้ให้คนดูแลโรงแรมพายเรือไปชมรอบๆที่พัก
ทางด้านเหนือทะเลสาปขึ้นไป
นายคนนี้ยิ้มแบบว่าสีฟันตัดกับสีผิวมากๆ..จริงใจดี
เค้าชื่อ ภาระวัต รึอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ
แต่พวกเรามักจะเรียกเค้าว่า "สารวัตร" เพราะมันจำง่ายดี
เรือแบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปในทะเลสาป Dal อันสวยงามนี้
ชื่อของเรือนี้คือ ซิกคาร่า
ถ้ามาเป็นคู่ฮันนีมูน..สงสันจะสวีทกันมากๆ
ได้จิบชาร้อนๆ..ชมบรรยากาศแบบสบายๆ โอ้..สวรรค์
เค้าบอกมาว่าถ้าหากว่ามาฤดูร้อน
คือช่วงประมาณเดือน มิย. หรือ กรกฏาคมเนี่ย
ดอกบัวจะบานเต็มทะเลสาบ...ดูสวยงามไปอีกแบบ
แต่ว่าฤดูร้อนเค้าเนี่ย..อากาศก็ยังเย็นสบายๆน่ะครับ
ไม่ได้ร้อนตับแล่บแบบบ้านเรา
แล้วเราก็พายมาถึงทางตอนเหนือของทะเลสาป
ที่นี่มีพงหญ้ามากมาย..ตอนแรกเรานึกว่าเป็นพงหญ้าทั่วไป
หลังๆมาเค้าบอกว่านี่แหละคือสวนลอยน้ำ
ที่เค้าเอาสาหร่ายมาทำเป็นแพเพื่อปลูกหญ้าพวกนี้
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเค้าเอาไปทำอะไร..ฟังไม่ทัน
ใครรู้วานบอกหน่อยน่ะ..
ที่เมืองนี้แปลกดี..เราจะเห็นสามีภรรยาพายเรือด้วยกันบ่อยๆ
แต่...จะเห็นภรรยาพายเรือจ้ำเอาๆ..ส่วนคุณสามีนอนชมนกชมไม้ เหอๆ
แต่ไม่ได้เป็นทุกคู่น่ะครับ..
บางคู่ก็เห็นเค้าผลัดๆกัน(หมายถึงผลัดกันพายเรือน่ะ..ห้ามคิดลึก)
บางบ้านก็จะออกมาจิบชาแคชเมียร์หน้าเรือ
รับไอแดดอุ่นๆยามเช้า..
ช่างน่าอิจฉาคนบ้านนี้เมืองนี้จริงๆ
ภาพนี้เป็นสถานพยาบาลบริเวณทะเลสาป
ดูสภาพแล้วเนี่ย...อืมม เข้าไปจะตายมั้ยเนี่ย
แต่หมอที่อินเดียเนี่ยเค้าเก่งน่ะครับ
มีหมอเก่งๆเยอะมาก..อาจเป็นเพราะที่นี่มีสถาบันทางการแพทย์เยอะด้วย
และก็มีเคสให้ศึกษาเยอะด้วย(เพราะประชากรของอินเดียเนี่ยเยอะน่ะครับ)
ภาพเด็กๆที่ทะเลสาป
ตอนเด็กๆหน้าตาใสๆ
แต่ไหงตอนโตมาเนี่ย..ขนเครามันครึ้มซะอย่างนั้นหว่า?
เด็กๆที่นี่เค้าพายเรือกันคล่องแคล่วมากๆ
ทีเพื่อนร่วมทริปเราพายทำไมมันแกว่งไปแกว่งมาซะงั้นหว่า..
อันนี้ไม่ได้พาดพิงถึงใครน่ะ เหอๆ
ภาพอาหาร..เอ๊ย! ภาพเป็ด แถวๆทะเลสาป
....
...
..
.
มีข้อแนะนำว่า...
เวลาพายเรือเที่ยวเนี่ย..หากมีคนทัก "Hello" กรุณาทักตอบแต่พองาม
ไม่ต้องโบกไม้โบกมือดีใจเวลาเค้าทัก
มิฉะนั้น....ท่านอาจเจอกับพฤติกรรม"เหาฉลาม"
อันนี้คือชื่อพฤติกรรมที่เพื่อนๆในทริปตั้งขึ้นมา
คือเป็นการที่พ่อค้าจะทักทายนักท่องเที่ยว
หากเห็นนักท่องเที่ยวเค้าจะทักทายอย่างเป็นมิตร
แต่....เค้ามีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น
เค้าจะรีบพายเข้ามาหา..และเอามือเกาะกับเรือของเราไป
แบบว่าไปไหนไปด้วย..รักกันมาก
แล้วก็จะขายของ บลาๆๆๆๆๆ...ตื๊อสุดๆ
สาวๆบางคนมาที่นี่ก็จะ Popular มากๆ
บริหารเสน่ห์กันเป็นว่าเล่น..เจอหนุ่มๆก็ยิ้มให้
หลอกให้หนุ่มแขกใจละลายเล่นๆ
แต่สาวๆร่วมทริปบอกว่าเวลากลับไปไทยเนี่ย
ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงนางแจ๋ว..อันนี้จริงหรือเท็จ ก็ให้ไปถามเอาเองน่ะครับ
ผมไม่เกี่ยวเด้อ......ฮิฮิ
ผมหล่ะชอบชุดของคนที่นี่จังเลย
เข้ากับบรรยากาศมากๆ
ว่าจะหาซื้อซักตัว...แต่ด้วความกลัวว่าจะถูกคนที่ไทย
หาว่าบ้า..เลยไม่ได้ซื้อ...ซะงั้น
ตลาดเช้าของที่นี่วุ่นวายพอๆกับตลาดบ้านเรา
เค้าจะขายกันตั้งแต่ตอนตีสี่ ตีห้าผู้คนก็จะพายเอาสินค้ามาขายกัน
สินค้าที่ว่าเนี่ยก็คือผักชนิดต่างๆน่ะครับ
ที่สำคัญคือ..เค้าไม่ใช้เงินในการซื้อสินค้า
เค้าเอาผักมาแลกกัน...เหมือนเอาไข่แลกเกลือ อะไรเทือกนี้
คนที่มาขายของก็จะเป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่
(ประมาณ 99 เปอร์เซนต์)
สงสัยผู้ชายแขกเค้าชอบค้าขายมากๆน่ะเนี่ย
นี่แหละครับ
ตาชั่งสุดคลาสสิคของที่นี่
ตวงกันเป็นกิโลต่อกิโล
มีอัตราในการแลกเปลี่ยนด้วยน่ะ
เช่นผักชนิดนั้นสามกิโล แลกได้ผักนี้ห้ากิโลทำนองนี้
อากาศที่นี่ตอนเช้าๆเย็นสบาย
เผอิญไม่มีปรอท...
แต่ด้วยประสบการณ์ที่เป็นคนเชียงราย
เดาๆเอาว่าน่าจะประมาณ 10-15 องศา เทือกๆนี้
เห็นบรรยากาศ..รวมกับวิวเทือกเขาหิมาลัยแล้ว
อยากเอาเก้าอี้โยกมานั่งบนดาดฟ้าเรือ
จิบชาอุ่นๆ...คงจะมีความสุขมากๆ
วันที่ 10 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,415 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,159 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,184 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,154 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,410 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 9,076 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,716 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,887 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,883 ครั้ง |
เปิดอ่าน 96,676 ครั้ง |
|
|