ผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายฉันใด น้ำผลไม้ก็ย่อมมีคุณค่าต่อร่างกายด้วยเช่นกัน แต่จะดื่มน้ำผลไม้ให้ได้ประโยชน์เต็มที่ก็ต้องมีเทคนิควิธีกันหน่อย
มา ตั้งต้นกันที่ความรู้พื้นฐานว่าด้วยคุณค่ามหาศาลของผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ไทย ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายชนิดตามฤดูกาล การรับประทานแบบหมุนเวียนเปลี่ยนประเภทผลไม้ไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินชนิดต่างๆ รวมทั้งเป็นการหลีกเลี่ยงการสะสมสารพิษซ้ำซากที่อาจป นเปื้อนมากับผลไม้แต่ละ ชนิด นอกจากนี้การรับประทานผลไม้ที่ออกตามฤดูกาลก็จะทำให้ ผลไม้มีราคาถูก ได้ประโยชน์แถมประหยัดอีกต่างหาก
ผลไม้ยังเป็นแหล่งอันอุดมของใย อาหาร ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแ ต่ละวัน เมื่อถูกขับถ่ายอย่างเป็นระบบก็จะช่วยป้องกันการเกิด โรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ได้ชะงัด
อันดับต่อไปที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของ ปริมาณ เรื่องนี้สำคัญอย่างไร ผศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย และ ริญ เจริญศิริ จาก สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลไม้กับสุขภาพ พร้อมระบุสัดส่วนสารอาหารจากผลไม้ที่ร่างกายควรได้รั บในแต่ละวัน ว่าอยู่ที่ 3-5 ส่วน แตกต่างกันตามแต่ละช่วงวัย คือ
วัยเด็ก ต้องการพลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี ควรรับประทานผลไม้วันละ 3 ส่วน ขณะที่ หญิงวัยทำงานและผู้สูงอายุ ควรรับประทานวันละ 4 ส่วน วัยรุ่นและชายวัยทำงาน ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี ควรรับประทานผลไม้วันละ 4 ส่วน
ผู้ที่ต้องใช้พลังงานมากๆ เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน หรือนักกีฬา ต้องการพลังงานวันละ 2,400 กิโลแคลอรี ควรรับประทานผลไม้วันละ 5 ส่วน
โดย ผลไม้ 1 ส่วน หรือหนึ่งหน่วยบริโภค หมายถึง ปริมาณของผลไม้ที่ให้คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม และพลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี ซึ่งผลไม้ 1 ส่วนจะมีปริมาณและน้ำหนักที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชน ิดของผลไม้
มาว่ากันด้วยเรื่อง น้ำผลไม้ ซึ่งในที่นี้หมายถึงน้ำผลไม้ 100% ซึ่งคั้นมาจากผลไม้สดชนิดต่าง ๆ ที่จะให้สารอาหารใกล้เคียงกับการรับประทานผลไม้สด แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือใยอาหาร ซึ่งอยู่ในเนื้อผลไม้ และถูกกำจัดไปโดยการคั้นแยกกากนั่นเอง
น้ำผลไม้ 1 ส่วน มีปริมาตรเท่ากับ 120 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1/2 ถ้วยตวง ดังนั้น ผู้ที่ควรรับประทานผลไม้วันละ 3 ส่วน เมื่อรับประทานน้ำผลไม้ 1 ส่วนแล้ว จะเหลือผลไม้สดที่ควรรับประทานได้อีก 2 ส่วน เนื่องจากน้ำผลไม้ไม่มีใยอาหารหรือมีเหลืออยู่น้อยมา ก ฉะนั้นการดื่มน้ำผลไม้คั้นสด โดยไปลดการรับประทานผลไม้สดจะทำให้ร่างกายได้รับใยอา หารน้อยลง
ในทางตรงกันข้าม ถ้าดื่มน้ำผลไม้ในปริมาณมาก ๆ โดยยังรับประทานผลไม้สดในปริมาณเท่าเดิม ก็จะทำให้ได้รับน้ำตาลและพลังงานเพิ่มขึ้น ทว่า การได้รับพลังงานเพิ่มมากขึ้นโดยที่ร่างกายใช้พลังงา นที่สร้างจากน้ำตาล เหล่านี้ไม่หมด น้ำตาลก็จะถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นไขมันพอกพูนและเก็บ ไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งมีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามมา แถมน้ำตาลในผลไม้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วกว ่าการรับประทานผลไม้สด เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย น้ำตาลที่เป็นอิสระเหล่านี้จึงถูกดูดซึมเข้าสู่กระแส เลือดได้รวดเร็วทันใจ ด้วยเช่นกัน
สำหรับ น้ำผลไม้กล่อง ผู้บริโภคต้อง อ่านฉลากข้างกล่องเพื่อดูว่ามีปริมาณน้ำตาลมากน้อยเพ ียงใด และต้องจำไว้เสมอว่าจำนวนส่วนของผลไม้แปรเปลี่ยนได้ต ามปริมาณของน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) ที่มีอยู่ ดังนั้น น้ำผลไม้กล่องที่ซื้อมาขนาด 120 มิลลิลิตร อาจไม่เท่ากับ ผลไม้ 1 ส่วน คืออาจมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 15 กรัม ก็ได้
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้มีน้ำตาลในเลือดสู งอยู่แล้ว ทางที่ดีควรหันไปรับประทานผลไม้สด และเลือกชนิดที่มีรสชาติไม่หวานจัด พึงหลีกเลี่ยง กล้วยสุก ขนุน น้อยหน่าหนัง มะม่วงสุก ลองกอง ลิ้นจี่ ชมพู่ และ แก้วมังกร รวมทั้งเลือกผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ซึ่งจะทำให้รับประทานได้ในปริมาณที่มากกว่า ได้รับใยอาหารและช่วยให้อิ่มท้องได้นานกว่าด้วย
จะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยกันทีหลังว่า กินผลไม้ก็แล้ว ดื่มน้ำผลไม้ก็แล้ว ทำไมยังอ้วนเอา ๆ ....
โดย : Healthy Kitty