Advertisement
หมายเรียก “แจ๊ค สุขารมณ์” หมอโหดจับเลขาฯ ซ้อมน่วม!
|
|
|
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
|
|
ตร.ให้เวลา “แจ๊ค สุขารมณ์” อดีตนักร้องชื่อดัง ลูกชาย นพ.เดชา สุขารมณ์ เจ้าของโรงพยาบาลเดชา เข้ารับทราบ 2 ข้อหาทำร้ายร่ากาย-กักขัง ถึงเที่ยงตรงวันที่ 12 พ.ย.นี้ หลังเลขานุการสาวผู้เสียหายเข้าแจ้งความถูกทารุณทำร้ ายร่างกาย ด้านแพทย์ตรวจเช็กร่างกายพบแผลฟกช้ำเพียบ โชคดีสมองไม่กระทบเทือน รอดูอาการอีก 2 วัน
จากกรณี น.ส.อัญชลิตา เรืองโรจน์ เลขานุการสาว ถูก นพ.พรเดชา หรือแจ๊ค สุขารมณ์ ลูกชาย นพ.เดชา สุขารมณ์ และเป็นอดีตนักร้องชื่อดัง ทารุณทำร้ายร่างกายสารพัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมบังคับให้รับสารภาพว่าโกงเงินคลินิก “เอ็นวี่” ของตัวเองไป ก่อนถูกนำตัวไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ในโรงพยาบาลเ ดชา แต่ภายหลังเจ้าตัวหลบหนีออกมาได้ ก่อนเข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี และเข้าร้องเรียนนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีนั้น
วันนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายพร้อมญาติ ได้เดินทางมาแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยุต ทองอยู่ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ลุมพินี โดยเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความและสอบปา กคำผู้เสียหายไว้แล้วแต่รายละเอียดยังไม่ครบ เนื่องจากผู้เสียหายมีอาการบอบช้ำสาหัส ต้องให้ไปรักษาตัวก่อน และนัดมาให้ปากคำอีกครั้ง
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งความทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมาย เรียก นพ.พรเดชา ไว้และทำการส่งไปให้ นพ.พรเดชา ทั้งที่บ้านเเละที่ทำงานแล้ว เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมาโดยระบุให้ นพ.พรเดชา มาพบพนักงานสอบสวนภายในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 12 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก นพ.พรเดชา ว่าจะเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้ออกหมายเรียกมารับทราบ 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งผู้เสียหายให้การว่า ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย ที่คลินิกเอนวี ช่วงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 2 พ.ย.จนถึงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 3 พ.ย. จากนั้นได้นำผู้เสียหายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเดชาใน ท้องที่ สน.พญาไท ตรงนี้ต้องมาดูกันอีกครั้งในคดีนี้ว่าต้องส่งเรื่องไ ปให้ทาง สน.พญาไท ดำเนินการหรือไม่ ส่วนเรื่องสำนวนกำลังรอรวบรวมเอกสารต่างๆ จากทางโรงพยาบาลตำรวจ ในส่วนของอาการบาดเจ็บของผู้เสียหาย
ต่อมาเวลา 12.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.อัญชลิตา เรืองโรจน์ ที่ห้องพักผู้ป่วยเลขที่ 1838 ชั้น 8 โซน ซี พร้อมสอบถามอาการจาก นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลยันฮี นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผอ.โรงพยาบาล และนพ.วันชัย เยาวลักษณ์ แพทย์เจ้าของไข้
ด้าน นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า จากการตรวจร่างกายของผู้ป่วยพบว่า มีรอยฟกช้ำที่สะโพก ใบหน้า ดวงตา แขนและขา โดยแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ร่างกายทุกส่วนรวมทั้งกะโหล กศีรษะแล้วก็ยังปกติดี ไม่พบว่ามีกระดูกส่วนใดแตกหรือร้าวแต่อย่างใด มีแต่เพียงร่องรอยฟกช้ำที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเว ณดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะเฝ้ารอดูอาการอีก 2-3 วันว่าอาการจะดีขึ้นหรือมีอาการกระทบกระเทือนส่วนใดอ ีกหรือไม่
นพ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ผู้ป่วยมีอาการอาเจียน หรือเวียนหัวนั้น อาจจะเป็นผลกระทบมาจากอาการป่วยหรือบาดแผล อย่างไรก็ตามเท่าที่พูดคุยกับผู้ป่วยก็พบว่า ยังมีสติพูดคุยหรือตอบโต้ได้ดี แต่ผู้ป่วยยังมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องปกติของผู้ป่วยที่ถูกทำร้ายร่างกายหนัก ที่ต้องหวาดระแวงคนแปลกหน้า ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้จัดให้จิตแพทย์มาคอยพูดคุยกับผ ู้ป่วยอยู่ตลอด จนผู้ป่วยมีสภาพจิตใจดีขึ้น และอาการวาดผวาก็หายไป อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูแล้วพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นก็อาจจะอนุ ญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง
ด้าน นางปวีณากล่าวว่า วันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา พ่อแม่ ของ น.ส.อัญชลิตา ได้เดินทางเข้ามาร้องเรียนกับทางมูลนิธิฯ ให้ช่วยตามหาลูกสาว เนื่องจากหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 7 พ.ย.ช่วงค่ำ น.ส.อัญชลิตาก็หนีออกมาได้ในสภาพที่ช้ำไปทั้งตัว และมีอาการหวาดกลัวอย่างหนัก ซึ่งทางมูลนิธิฯ ก็ได้ประสานเรื่องแจ้งความที่ สน.ลุมพินี แล้ว ก่อนจะพามารักษาตัวที่โรงพยาบาลยันฮี ให้ช่วยดูแลทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เนื่องจากย่ำแย่พอกัน แต่จากการเอกซเรย์ร่างกายแล้วยังไม่พบอะไรผิดปกติ
นางปวีณากล่าวด้วยว่า หลังจากนี้คงต้องให้ น.ส.อัญชลิตา พักฟื้นที่โรงพยาบาลสักระยะ แต่คงไม่ต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภ ัยแต่อย่างใด เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ ว และฝ่ายคู่กรณีก็คงจะไม่มาทำอะไร ส่วนเรื่องทางคดีนั้นต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็น ผู้ดำเนินการตามกฎหมาย ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไป ทางมูลนิธิฯจะดูแลในเรื่องของสภาพร่างกายและจิตใจของ ผู้ป่วยต่อไป
สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (8 พ.ย.) มารดาและญาติ พาร่างอันบอบช้ำของ น.ส.อัญชลิตา เรืองโรจน์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/278 หมู่ 12 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เลขที่ 84/14 หมู่ 2 ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง 7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่าถูก นพ.พรเดชา หรือแจ๊ค สุขารมณ์ ลูกชาย นพ.เดชา สุขารมณ์ อดีตเจ้าของโรงพยาบาลเดชา ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกักขังหน่วงเหน ี่ยว
น.ส.อัญชลิตา เปิดเผยว่า ตนทำงานเป็นเลขานุการให้ นพ.พรเดชา ที่คลินิกเสริมความงามชื่อ “เอ็นวี่” ในตึกเอราวัณพลาซ่า มาได้ประมาณ 1 ปี เศษแล้ว โดยระหว่างที่ทำงานได้รู้ปัญหาของ นพ.พรเดชา ผู้เป็นเจ้านาย และปัญหาของบริษัทมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา นพ.พรเดชา สั่งให้นำเอกสารทางการเงินของบริษัทไปตรวจสอบ หลังตรวจสอบแล้วปรากฏว่า นพ.พรเดชา ไม่เชื่อตามเอกสาร และกล่าวหาว่าตนปลอมแปลงเอกสารโดยร่วมมือกับบริษัทอื ่นโกงเงินบริษัท แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้โกงทำให้ นพ.พรเดชาโกรธและใช้โทรศัพท์มือถือทุบมือตนอย่างแรง ก่อนจะลงมือตบ เตะและกระทืบอย่างทารุณ นอกจากนี้ยังใช้กระดานไวท์บอร์ด มีด ตุ๊กตาไม้ ทุบตีซ้ำอีกจนบอบช้ำไปทั้งตัว และยังข่มขู่ด้วยว่า ถ้าไม่รับสารภาพจะเอาไปเผานั่งยางที่ จ.กาญจนบุรี และจะฆ่าพ่อกับแม่ของตนให้ตายหมด
น.ส.อัญชลิตา กล่าวต่อว่า ตนถูกทำร้ายตั้งแต่ 5 ทุ่ม ของวันที่ 2 พ.ย.จนถึงตี 3 ของอีกวัน เพื่อบังคับให้รับสารภาพ จนตนทนไม่ไหวต้องยอมเซ็นเอกสารรับว่าได้โกงเงินไปจริ ง หลังเซ็นรับสารภาพเสร็จ หมอแจ๊คพาไปรักษาตัวที่ รพ.เดชา ย่านถนนศรีอยุธยา ระหว่างที่รักษาตัวมีผู้ชายลักษณะคล้ายตำรวจคนหนึ่งค อยเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องไม่ให้หนีไปไหน
น.ส.อัญชลิตา กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 4 พ.ย. นพ.พรเดชาได้พาไปที่ห้องสำนักงานของ รพ.เดชา ที่ชั้น 8 แล้วลงมือทำร้ายตนอีก เพราะโมโหที่ไม่สามารถหาหลักฐานกล่าวหาว่าตนโกงเงินไ ป โดยการใช้ขวดน้ำเกลือตีศีรษะแล้วกระทืบที่ลำตัว หน้าท้อง หลัง และใบหน้า ทั้งที่ร่างกายย่ำแย่อยู่แล้ว แต่ไม่สะใจ ยังใช้กรรไกรมากล้อนผมของตนจนสั้น จากนั้นได้กักขังไว้ในห้องพักแพทย์ภายในโรงพยาบาล
ตลอดเวลาตนพยายามหาทางหลบหนีหรือฆ่าตัวตาย เพราะหากยังขืนอยู่ต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน จนกระทั่งวันที่ 6 พ.ย. ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย เพราะขู่ว่าถ้าจะคิดหนีให้โดดตึกตายไปเลย แต่หาช่องที่จะโดดตึกไม่มี จึงเลิกคิดฆ่าตัวตาย หันมาหลบหนีแทนโดยฉีกผ้าปูที่นอนนำมาผูกเป็นเชือกปีน ออกทางช่องลมลงมาที่ชั้น 7 ซึ่งมีหน้าต่างห้องเก็บของเปิดไว้พอดีแล้วปีนเข้าไปใ นห้องดังกล่าว แล้วหนีออกไปทางบันไดหนีไฟรีบกลับบ้านทันที
น.ส.อัญชลิตา กล่าวด้วยว่า หลังปรึกษากับคนในครอบครัวแล้วก็เข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ก่อนเดินทางมาร้องทุกข์ต่อนางปวีณา เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและรู้จักกับผู้ ใหญ่หลายคน หลังรับเรื่องนางปวีณาประสานไปยัง พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี ซึ่งสั่งการให้ พ.ต.ท.ยุต ทองอยู่ พนักงานสอบสวน (สบ 3) เจ้าของคดี ให้นำตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่สถาบันนิติเวชโรง พยาบาลตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นพ.พรเดชา เปิดเผยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไปแจ้งความที่กองปราบปรามไว้แ ล้ว หลังเกิดเหตุ 1 วัน โดยแจ้งไว้ 2 คดี คือ คดีที่ตนทำร้ายร่างกาย น.ส.อัญชลิตา พร้อมให้ดำเนินคดีทุกอย่าง และคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในคลินิกเอ็นวี่ของตน โดยกล่าวหา น.ส.อัญชลิตากับพวกร่วมกันฉ้อโกง พร้อมนำหลักฐานต่างๆ มอบให้เจ้าหน้าที่ไปแล้ว ส่วนรายละเอียดเรื่องต่างๆ จะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง
|
|
|
ที่มา www.manager.co.th |
|
|
วันที่ 10 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,170 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,152 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,135 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,145 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,151 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 7,592 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,176 ครั้ง |
เปิดอ่าน 5,678 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,873 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,904 ครั้ง |
|
|