ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าบทบาทของอินเทอร์ เน็ตในวันนี้ คือส่วนหนึ่งในชีวิตของสังคมคนเมืองที่กำลังมาแทนที่การสื่อสารและช่องทางเก่าๆ
ยูทูบทำให้คนไม่ต้องง้อ แต่รายการโทรทัศน์ อีเบย์ทำให้เกิดช่องทางการค้าขายได้ทั่วทุกมุมโลก เว็บข่าวออนไลน์จะมาแทนที่หนังสือพิมพ์ที่ปล่อยให้ตัวเองทึนทึกและเทอะทะ
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าผู้ที่อยู่ในโลกของอินเทอร์เน็ตจะเป็น “ผู้ชนะ” กันทุกคน
“Sorry, Geocities has closed” คือสิ่งที่ติดประกาศอยู่บนเว็บไซต์ของ “จีโอซิตีส์” หรือเว็บโฮสต์ของ Yahoo ที่ให้บริการรับฝากโฮมเพจฟรีมาอย่างยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่า จีโอซิตีส์ ได้ปิดฉากลงแล้ว
เว็บโฮสต์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับฝากเว็บไซต์แห่งนี้ เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1995 ให้คนหลายล้านทั่วโลก ได้มีพื้นที่สำหรับดีไซน์และเรียนรู้การสร้างเว็บเพจของตัวเองได้ ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่ก่อนที่เว็บชุมชนออนไลน์อย่าง Facebook และ MySpace จะ เกิดขึ้นตามมาในอีก 10 ปีให้หลัง ความ ร้อนแรงของจีโอซิตีส์ ได้ถูกยาฮู อิงค์ เข้าซื้อกิจการในปี 1999 ไปด้วยราคา 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่าหลังจากที่ยุคของเว็บชุมชนออนไลน์รุ่นน้องทยอยเปิดตัว ความนิยมในตัวจีโอซิตีส์ก็เริ่มตกลงอย่างต่อเนื่อง จนต้องประกาศ ปิดตัวลงตลอดกาลเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2552
ในยุครุ่งโรจน์นั้น จีโอซิตีส์สามารถ ดึงดูดคนนับล้านทั่วโลกให้เข้ามาทดลองสร้างเว็บเพจเป็นครั้งแรกกันได้อย่าง สนุกสนาน แม้แต่คนที่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ก็สามารถเข้ามาลองผิดลองถูกกันได้ แถมยังเชื่อมจนเว็บโฮสต์แห่งนี้สามารถทำสถิติเป็นเว็บที่มีคนเข้ามาท่องมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 1998 ด้วยจำนวนผู้ใช้ถึง 19 ล้านคน จะเป็นรองก็เพียงเว็บของ AOL และ Yahoo
สำหรับหลายคนในยุคนั้น การได้ลองดีไซน์หน้าเว็บเพจของตนเองเป็นครั้งแรก ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาครั้งสำคัญสู่ยุคดิจิตอล ที่เปลี่ยนโฉมของโลกหลังจากนั้น
แคร์รี มุสกราฟ ช่างภาพอาชีพจาก โทรอนโต แคนาดา เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า เธอได้รับงานเป็นเว็บดีไซเนอร์จากบริษัทถึง 2 แห่ง หลังจากที่โชว์ผลงานการออกแบบเว็บแฟนคลับของ U2 บนจีโอซิตีส์ ทั้งๆ ที่คู่แข่งงานของเธอล้วนแต่เป็นคนที่เรียนทางด้านคอมพิวเตอร์กันมาโดยตรง ทุกคนมีปริญญาด้านเทคโนโลยีไอทีคน ต่างกับเธอที่ได้ปริญญาด้านภัณฑารักษ์
มุสกราฟ ไม่ได้ดูเว็บดังกล่าวมานาน หลายปีแล้ว แต่หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าจีโอซิตีส์ จะปิดตัวลง เธอจึงลองเข้าไปดูและพบว่า เว็บที่ตนเองดีไซน์ขึ้นนั้นยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดี แถมดูแล้วก็อดขำไม่ได้เมื่อผลงานของตนเองในสมัยนั้น ออกจะดูเด็กๆ เมื่อเทียบกับงานคอมพิวเตอร์กราฟฟิกดีไซน์ในสมัยนี้ที่ล้ำหน้าไปมาก
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเว็บรุ่นใหม่ๆ ที่มีลูกเล่นมากกว่า สะดวกกว่า และปรับตัวได้ดีกว่าเว็บรุ่นเก่า ส่งผลให้คนท่องเว็บจีโอ ซิตีส์มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่ง ยาฮู ต้องออกมาประกาศเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาว่า จำเป็นต้องปิดตัวเว็บโฮสต์แห่งนี้ลง
จากสถิติในเดือนก.ย. ที่แล้ว ผู้ใช้งานของจีโอซิตีส์มีจำนวนทั้งหมด 10.3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ดิ่งลงฮวบฮาบถึง 16% จากจำนวน 12.1 ล้านคนในปี 2551
“เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับเว็บไซต์ต่างๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นโดย ผู้ใช้ยาฮูทั่วทั้งโลก และเราก็ภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ชุมชนของเราได้ถูกสร้างขึ้นมา ทว่า ยาฮู ก็ได้ตัดสินใจปิดตัวจีโอซิตีส์ ลงตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อเนื่องที่จะพัฒนาสินค้าและบริการ และเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่สุดของเราให้แก่ผู้บริโภค” แถลงการณ์ของยาฮู ระบุ
จากนี้ไป สมาชิกทั้งหลายจะไม่สามารถใช้งานจีโอซิตีส์ได้อีก และต้องระเห็จไปยังเว็บอื่นแทน แต่หากยังประสงค์ต้องการใช้งานจีโอซิตีส์ต่อไปอีก จะต้องเสียค่าบริการเดือนละ 4.99 เหรียญสหรัฐในปีแรก และ 9.95 เหรียญสหรัฐต่อเดือนในปีถัดไป โดยย้ายไปยังบริการเว็บโฮสติงของยาฮูแทน
สำหรับคนรุ่นใหม่ๆ การปิดตัวจีโอซิตีส์อาจเป็นเรื่องของคนในยุคแรกดิจิตอลแรกๆ ที่พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ
ทว่าสำหรับคนในวัย 20 ปลายๆ เป็นต้นไป รวมถึงบรรดาเว็บไซต์ที่ได้อิทธิพลจาก จีโอซิตีส์ เว็บข่าว และบรรดาสาวกทวิตเตอร์ พวกเขาต่างก็ร่วมกันประกาศไว้อาลัยให้กับเว็บรุ่นใหญ่ ผู้เคยเป็นแรงบันดาลใจ แต่กลับต้องกลายสภาพเป็นผู้แพ้ในวันนี้ เพราะตามคนรุ่นหลังไม่ทัน
ขอบคุณที่มาจาก โพสต์ทูเดย์