ประวัติความเป็นมาของว่าวไทย
"ว่าว" สามารถทำขึ้นเองได้ง่ายๆ จากไม้ไผ่และกระดาษสา นิยมเล่นในทุกเพศทุกวัย วิธีเล่นก็ง่ายเพียงให้ว่าวขึ้นไปปัดป่ายอยู่บนท้องฟ้าเป็นพอ ส่วนการเล่นว่าเพื่อแข่งขัน นิยมใช้ว่าวจุฬาและว่าวปักเป้า คู่ปรับตลอดกาลของการต่อสู้กลางเวหาของไทย เป็นว่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาติไทย อาจเรียกได้ว่าเป็นว่าวประจำชาติเลยทีเดียว มีลักษณะโดดเด่นกว่าชาติอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหวในอากาศ ว่าวจุฬามีขนาดโตกว่าปักเป้ามากบางตัวยาวถึง 2 เมตร มีลักษณะคล้ายดาวห้าแฉกไม่มีหางผูกคอซุงที่อกจึงทำให้ส่ายไปมาได้มีอาวุธคือ "จำปา" เป็นไม้เหลาโค้งประกบติดสายป่าน ต่อจากซุงลงมา สำหรับเกี่ยวว่าวปักเป้า ส่วนว่าวปักเป้ามีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนผูกคอที่ซุงอก และมีหางยาวไว้ถ่วงน้ำหนัก ที่มุมด้านล่างของตัวว่าวมีอาวุธคือ "เหนียง" เป็นห่วงป่านติดใต้คอซุงลงมา เอาไว้คล้องตัวว่าวจุฬา สำหรับการทำว่าวจุฬาและปักเป้านั้นต้องอาศัยฝีมือที่ประณีต มักนิยมใช้ไม้ไผ่สีสุกเท่านั้น ในการทำโครงว่าวการคัดเลือกไม้ การดัดและเหลาไม้ การผูกว่าว แต่ละสำนักจะมีเคล็ดลับแตกต่างกันไป
คำว่า"ว่าว"เป็นคำที่คนไทยทุกชนชั้นทุกสมัยคุ้นเคยและสัมผัสมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ข้าราชบริพารและพระมหากษัตริย์ แต่ในที่นี้ จะกล่าวถึงว่าวจุฬา-ปักเป้า ซึ่งเป็นว่าวเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งแสดงถึงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย ทั้งยังเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ในสมัยโบราณที่พระมหากษัตริย์ของไทยในอดีต ทรงโปรดปรานและจัดให้มีการแข่งขันหน้าพระที่นั่งอีกด้วย
การเล่นว่าวในประเทศไทย มีมาตั้งแต่กรุงสุโขทัย(พ.ศ.๑๗๘๑-๑๙๘๑) คือสมัยของพ่อกรุงศรีอินทราทิตย์ (หรือพระร่วง) ว่าวที่รู้จักกันมาก ได้แก่ "ว่าวหง่าว" หรือ”ว่าวดุ๋ยดุ่ย” ซึ่งจะใช้ชักขึ้นในพิธี "แคลง" ทุกหนทุกแห่ง เป็นความเชื่อของประชาชนในสมัยนั้นว่าเพื่อเป็นการเรียกลมหรือความโชคดีให้เกิดขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่า "ว่าวหง่าว" เป็นว่าวที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐) คำว่า “ว่าวจุฬา" ปรากฏชื่อขึ้นในสมัยนี้ และยังสามารถช่วยในการรบได้ชนะ กล่าวคือ ได้นำว่าวจุฬาขึ้นและผูกหม้อกระสุนดินดำโดยใช้ชนวนถ่วงเวลาและชักให้ข้ามไปในแดนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดระเบิดไฟไหม้ขึ้น ทหารฝ่ายอยุธยาก็เข้าเมืองได้
สมัยแผ่นดินของพระพุทธเจ้าเสือซึ่งโปรดการชกมวยแล้วยังโปรดการเล่นว่าวและคว้าจุฬาปักเป้ากับ ข้าราชบริพารเสมอๆ คำว่า "ว่าวปักเป้า" จึงเป็นว่าวอีกชนิดหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในสมัยนี้และเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายตั้งแต่นั้นมา
สมัยรัตนโกสินทร์ ในราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดการแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้ามาก จัดการแข่งขันกลางแจ้ง (ท้องสนามหลวงในปัจจุบัน) เป็นที่สนุกสนานเมื่อเวลาที่ว่าวสายใดชนะพระองค์ ก็ทรงโปรดพระราชทานถ้วยรางวัลให้การแข่งขันเริ่มมีมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นต้นมา โดยพระองค์เสด็จเป็นองค์ประธานในการแข่งขันเป็นประจำทุกปี จนสิ้นรัชสมัยของพระองค์ ฉะนั้นจึงจัดได้ว่าว่าวจุฬา-ปักเป้า เป็นว่าวเอกลักษณ์ของชาติไทยชาติเดียวเท่านั้นที่สามารถนำมาเล่นใช้ต่อสู้กันได้
ในปัจจุบันได้จัดการแข่งขันว่าว "จุฬา-ปักเป้า" ขึ้นเป็นประเพณีของกีฬาไทย โดยใช้ชื่อว่า "งานประเพณีกีฬาไทย" ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจัดการแข่งขันกีฬาของไทย อาทิเช่น ตะกร้อ กระบี่กระบอง หมากรุก และที่สำคัญคือ การแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้า ซึ่งงานนี้จัดโดยสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ และยังได้รับความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หน่วยงานของภาครัฐบาลและเอกชนอื่นๆ ร่วมกันอีกด้วย
ขอบคุณที่มาข้อมูลsanooksky.50megs.com/
คลิกฟังเพลง ลอยลมบน http://charyen.com/jukebox/play.php?id=21899