Advertisement
|
บรรยากาศเขาไท่ซาน เขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจีน |
|
|
ในตำนานจีน มีเรื่องเล่าว่า สรรพสิ่งต่างๆรวมทั้งโลกหล้าฟ้าดิน ล้วนเกิดจากการสร้างสรรค์ของ"ผันกู่"ผู้มีฤทธิ์เดช ครั้นผันกู่สวรรคต ศีรษะ ร่างกายและแขนขาต่างก็กลายเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเต๋า 5 ลูก ประกอบด้วย เขาไท่ซาน-มณฑลซันตง เขาเหิงซานเหนือ-มณฑลซันซี เขาเหิงซานใต้-มณฑลหูหนาน เขาหัวซาน-มณฑลซันซี และเขาซงซาน-มณฑลเหอหนาน(ข้อมูลขุนเขาทั้ง 5 อ้างอิงจาก หน้ามุมจีน เว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์)
สำหรับเขาไท่ซานนั้น เชื่อกันว่าเขาเป็นดังศีรษะของผันกู่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวง คารวะฟ้า ดิน และขุนเขาของจักรพรรดิในประวัติศาสตร์จีน นับตั้งแต่สมัยฉิน (221-202 ก่อนคริสตศักราช) ลงมาจนถึงฮั่นและหมิงรวม 72 รัชสมัย และยังเป็นแหล่งอารยธรรมอันรุ่งเรือง
|
|
ความยิ่งใหญ่ของเขาไท่ซาน |
|
|
ด้านความเชื่อและศาสนาในแผ่นดินจีน และเป็นที่แสวงบุญของนักพรตเต๋า ซึ่งเริ่มเข้ามาวางรากฐานในบริเวณเขาไท่ซานตั้งแต่สมัยจั้นกั๋ว โดยนักพรตผู้แสวงหาความสันโดษจะหลบมานั่งบำเพ็ญพรตตามถ้ำที่เขาไท่ซาน และพุทธศาสนายังได้แผ่ขยายเข้ามาสู่ดินแดนถิ่นนี้ ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยในปี ค.ศ.351 ภิกษุผู้ใหญ่หลางกง เริ่มเข้ามาสร้างวัดหลางกงและวัดหลิงเหยียน ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยราชวงศ์วุ่ยจิ้นเหนือใต้ มีการสร้างวัดขนาดใหญ่ เช่น วัดหุบเขาอี้ว์หวง วัดจิ้นเจ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังปรากฏศิลาสลักพระไตรปิฎก ที่พวกแคว้นฉีทางเหนือทำขึ้น เรียก คัมภีร์จินกัง เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ
ภายหลังผ่านพ้นสมัยฉินและฮั่นไปแล้ว ศาสนาเฟื่องฟู วัดวาอารามก็มั่งคั่ง ที่เขาไท่ซานมีวัดเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสภาพมาจนถึงปัจจุบันมากมาย เช่น วัดปี้เสียที่โด่งดัง วิหารหลงเฉวียน และสระเจ้าแม่หวังหมู่(วัดฉวินหวัง) ซึ่งสร้างขึ้นก่อน ค.ศ.220 เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด
|
|
สภาพทางเดินขึ้นสู่เขาไท่ซาน |
|
|
เขาไท่ซาน มีสภาพภูมิศาสตร์ทอดตัวยาวอยู่ท่ามกลางพื้นที่ราบสลับเนินเขาเตี้ยๆในมณฑลซานตง ถิ่นกำเนิดของท่านขงจื๊อ ปรัชญาเมธีของจีน ยอดเขาหลัก อี้ว์หวง หรือจักรพรรดิหยก มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,545 เมตร ภูเขาไท่ซานถึงแม้จะไม่ใช่เทือกเขาที่มีความสูงมากนัก แต่ด้วยภูมิประเทศโดยรอบส่งให้เทือกเขาแห่งนี้โดดเด่นขึ้นเป็นแนวยาวทางตอนกลาง ราวกับเป็นกระดูกสันหลังของมณฑล
ขุนเขาไท่ซานถือว่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีพื้นที่ป่าปกคลุมถึง 80 % เป็นแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ และทรงคุณค่าทางชีววิทยา เนื่องจากอุดมด้วยพันธุ์พืชหายาก และพืชสมุนไพรกว่า 144 ตระกูล และด้วยร่องรอยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ปรากฏ รวมถึงซากฟอสซิลที่ขุดพบบนเทือกเขาแห่งนี้ ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ล้านปี จึงเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
|
|
ศิลาจารึกที่แกะสลักไว้ด้านบนเขาไท่ซาน |
|
|
ความยิ่งใหญ่ ความทรงคุณค่าและความสง่างามและเขาไท่ซานนี้ เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่มีความสำคัญต่อจิตใจของชาวจีนนับตั้งแต่อดีตโบราณกาลมาแล้ว ขนาดที่ว่าขงจื๊อยังเคยอุทานขึ้นว่า "โลกนี้หนอ ดูช่างเล็กลงไปถนัดใจ" เมื่อครั้งที่ได้ปีนขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซาน และด้วยความงามทางสุนทรียศาสตร์ของเขาไท่ซาน จึงเป็นแหล่งจุดประกายและกำเนิดทางจิตวิญญาณของศิลปิน และนักคิดชาวจีนอีกด้วย และนอกจากขงจื้อแล้ว ตู้ฝู่ กวีเอกของจีนได้เขียนบทกลอนชื่นชมเขาไท่ซานไว้ว่า "เมื่ออยู่ยอดเขาไท่ซัน ขุนเขาอื่นช่างเตี้ยลงถนัดตา" นายกัว โม่โยะนักประพันธ์ชื่อดังคนหนึ่งในยุคปัจจุบันของจีน ก็ได้เคยกล่าวถึงเขาไท่ซานไว้ หลังจากที่ได้ปีนขึ้นเขาไท่ซานมาแล้วไว้ว่า "เขาไท่ซาน เป็นอีกมุมหนึ่งแห่งประวัติวัฒนธรรมของจีน"
|
|
ซุ้มประตูอันสวยงาม |
|
|
เรียกได้ว่าเขาไท่ซาน เป็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่น่าสนใจมาเที่ยวไม่น้อยเลย ซึ่งการเดินทางขึ้นสู่เขาไท่ซาน มีให้เลือกเดินทางแบบสบายๆ และแบบต้องใช้แรงกันสักหน่อย ถ้าอยากขึ้นเขาไท่ซานแบบสบายๆ และชมทิวทัศน์มุมสูงอันสวยงาม ก็จะมีกระเช้าให้บริการนั่งสบายๆ ขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซานกัน แต่ถ้าใครอยากจะพิชิตเขาไท่ซานแบบภาคภูมิใจด้วยสองขาน้อยๆ ของตัวเอง ก็มีเส้นทางให้เดินขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซาน ซึ่งจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามไปตลอดทาง และได้ซึบซับกับความงดงามของขุนเขาอย่างเต็มอิ่ม
|
|
ยามสายหมอกปกคลุมเขาไท่ซาน |
|
|
ขอแนะนำว่าหากยังแข็งแรงอยู่ การเลือกขึ้นเขาไท่ซานด้วยการเดินจะเป็นสิ่งที่ดียิ่ง ซึ่งการไต่พิชิตเขาไท่ซานมักจะเป็นการเดินขึ้นตามบันไดหินที่ทอดตัวลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปตามทางเขาเพื่อขึ้นสู่เขาไท่ซาน โดยเริ่มต้นจากวัดไต้เมี่ยวและไปถึงซุ้มประตูแห่งแรกที่เรียกว่า "เทียนเหมิน" และที่ซุ้มประตูแห่งนี้ ยังมีศิลาจารึกที่สร้างขึ้น เพื่อรำลึกถึงการมาไต่เขาไท่ซานของขงจื๊อด้วย
|
|
ผู้คนมากมายพากันเนขึ้นสู่เขาไท่ซาน |
|
|
จากซุ้มประตูเทียนเหมิน เดินขึ้นเขาตามขั้นบันไดมาเรื่อยๆ ระหว่างทางขึ้นเขามาสู่จงเทียนเหมิน จะมองเห็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ซึ่งข้างบนมีการจารึก "คัมภีร์พระวัชรปรัชญาปารมิดา"ไว้กว่าพันปี และเมื่อไปถึงจุดจงเทียนเหมินที่มีความสูงกว่าระดับทะเล 800 เมตร แล้วมองลงไปข้างล่าง ก็จะเห็นตึกระฟ้าในตัวเมืองเล็กเหมือนราวกับตัวหมากรุกในกระดาน พอครั้นเงยหน้าขึ้นมองไปข้างบน ก็จะเห็นทางขึ้นเขาที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวดูคล้ายกับบันไดขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่ถูกแขวนไว้บนท้องฟ้า
|
|
ความงดงามของเขาไท่ซานยามอาทิตย์ทอแสง |
|
|
หากถึงตรงนี้ใครเกิดอาการเหนื่อยเมื่อยล้าขาขึ้นมา ก็มีกระเช้าให้นั่งขึ้นเขาจากจุดจงเทียนเหมินนี้ไปถึง จุดหนานเทียนเหมิน ได้ ซึ่งทางขึ้นเขาตรงนี้เป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีความสูงชันและอันตรายสักหน่อย แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากที่ยังคงมีแรงกาย บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพิชิจเขาไท่ซานด้วยสองขาตัวเองให้ได้ ก็ยังคงจะเดินด้วยสองขาน้อยๆ ของตัวเองต่อไป
เพราะเมื่อขึ้นมาถึงยังหนานเทียนเหมิน จะได้มองเห็นทัศนียภาพที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น และเมื่อยืนอยู่ตรงจุดนี้ จะสัมผัสได้กับสายลมพัดที่พัดโชยมาปะทะร่างกาย และเมื่อมองไปเบื้องหน้าก็จะมองเห็นแต่ยอดเขาที่อยู่ไกลโพ้นแบบลิบตา เคล้าคลอกับกลุ่มเมฆที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า เป็นภาพความสวยงามของธรรมชาติที่งดงามอันพิสุทธิ์และทำให้ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายของการเดินขึ้นมาสู่เขาไท่ซานนั้นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไปเลย
|
|
มีกระเช้าพาขึ้นสู่เขาไท่ซาน |
|
|
เมื่อซึมซับกับความงดงามของธรรมชาติอย่างเต็มที่แล้ว ก็เดินไปทางทิศตะวันออกจะไปถึงเทียนเจ (เทียนเจแปลว่า ตลาดบนสวรรค์) ที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราบบนภูเขา จึงสร้างเป็นย่านการค้าของไท่ซาน ที่ช่างมีบรรยกาาศอันคึกคัก มีโรงเตี๊ยม และภัตตาคารต่างๆ ให้แวะเข้าไปใช้บริการนั่งพักผ่อนและอิ่มอร่อยกับอาหารที่มีบริการอยู่มากมาย
ถึงแม้ว่าการเดินขึ้นสู่ไท่ซานจะดูเหน็ดเหนื่อยไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่าเหนื่อย เพราะเขาไท่ซานมีความงดงามเกินคำบรรยาย ยิ่งในยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ยอดเขาไท่ซานที่เรียกว่า "ยู่หวงติ่ง"จะเปล่งประกายแสงสีทองทอออกมาดูงดงามอร่ามตาของวันใหม่ ท่ามกลางสายหมอกขาวโพน ที่ได้เห็นแล้วราวกับอยู่ในความฝัน หรือสรวงสวรรค์ยังไงอย่างนั้นเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“เขาไท่ซาน” ตั้งอยู่ที่มืองไท่อันและจี่หนัน มณฑลซันตง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1987 มีช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยวที่สุดคือ เดือนเมษายน – พฤศจิกายน
|
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000131123
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=210358
วันที่ 3 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,148 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,194 ครั้ง เปิดอ่าน 7,173 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,188 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,200 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,146 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,177 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 10,730 ครั้ง |
เปิดอ่าน 24,902 ครั้ง |
เปิดอ่าน 43,202 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,361 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,243 ครั้ง |
|
|