บูชารอยพระพุทธบาทตากผ้า ชมมหาเจดีย์สี่ครูบาบนยอดเขา ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน
รอยพระพุทธบาทนั้นถือว่าเป็นปูชนียสถานที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยส่วนมากรอยพระพุทธบาท จะเป็นรอยพระบาทของพุทธองค์ที่ทรงประทับไว้เพื่อเป็นมิ่งมงคลแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จังหวัดลำพูนนอกจากมีพระธาตุหริภุญชัย พระธาตุเก่าแก่อายุมากกว่าพันปีแล้ว ก็ยังมีรอยพระพุทธบาทสำคัญก็คือรอยพระพุทธบาทตากผ้าซึ่งถือว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่แตกต่างจากรอยพระพุทธบาททั่ว ๆ ไป ทั้งหมด คือเป็นรอยที่พระพุทธองค์ทรงตากผ้าจีวรไว้บนผาหินซึ่งปรากฏเป็นรอยตารางเหมือนผ้าจีวรของพระที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อวัดพระพุทธบาทตากผ้าซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญของจังหวัดลำพูนอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นบนยอดเขาภายในวัดยังมีโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธ์ก็คือองค์มหาเจดีย์สี่ครูบาอีกด้วย
บริเวณด้านหน้าทางขึ้นไปเจดีย์สี่ครูบา |
ทางมุ่งตรงไปยังวัดวิวสวยมาก |
รอยจีวรของพระพุทธเจ้า |
ความสวยงามของพระธาตุเจดีย์สี่ครูบา |
วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองลำพูนที่สร้างมานานและถือว่าเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ ของลำพูนเพราะมีรอยพระพุทธบาทและรอยตากผ้าซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ภายในวัดแห่งนี้มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโบราณสถานที่สำคัญหลายอย่าง มีรอยพระพุทธบาทใหญ่ 2 รอย ,มีรอยเท้าพระอรหันต์ 7ขวบ,รอยตากผ้า, ถ้ำฤาษี,องค์เจดีย์สี่ครูบา,พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและวัตถุโบราณ เป็นสถานที่สำคัญของพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งครับ
ถ้ำฤาษีอยู่ใต้พื้นดินมีลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆครับ |
จุดบริการขายดอกไม้ ธูป เทียนครับ |
ประตูทางเข้าด้านข้างวัด |
พระสถูปสร้างแบบศิลปะทางล้านนา |
ตามตำนานกล่าวว่า ในอดีต สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ได้เสด็จมาสู่สุวรรณภูมิโดยพุทธนิมิตครั้งหนึ่งพระองค์พร้อม ด้วยสาวกได้เสด็จจาริกสั่งสอนไปตามที่ต่างๆ จนมาถึงที่แห่งนี้ แล้วได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้บนพื้นผาลาดศิลาใหญ่ และได้ทรงรับสั่ง ให้พระอานนท์เถระนำจีวรไปตากไว้บนผาลาดใกล้ ๆ กับที่ประทับบริเวณที่ตากจีวรนั้นปรากฏเป็นรอยตารางคล้ายตารางจีวร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบันวัดนี้จึงได้ชื่อว่า วัดพระพุทธบาทตากผ้า มาจนถึงทุกวันนี้
วัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขามีทัศนียภาพที่สวยงามเมื่อเราเดินทางเข้าไปยังวัดเราก็จะมองเห็นตัววัดและบันไดนาคขึ้นไป ยังองค์เจดีย์สี่ครูบาบนยอดเขาอย่างชัดเจนเห็นเป็นแนวตรงระหว่างถนนทางเข้าประตูวัดบันไดนาคและเจดีย์สี่ครูบา เป็นการกำหนดแนวของสิ่งปลูกสร้างได้อย่างลงตัวสวยงาม ภายในวัดส่วนมากพื้นจะเป็นพื้นหินศิลาแทบทั้งหมด ภายในวัดจัดสถานที่ได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยด้านหน้าวัดเป็นอาคารสำหรับบริการอาหารเครื่องดื่มสำหรับคนที่เข้าเยี่ยมชมและบูชารอยพระพุทธบาทหรือเข้ามาทำบุญที่วัด นอกจากมีบริการอาหารเครื่องดื่มแล้วก็ยังมีสินค้าของที่ระลึกจากทางภาคเหนือให้เราได้เลือกชมเลือกซื้ออีกด้วย อาทิ เช่นเสื้อผ้าชาวล้านนา,ผ้าแพร,สมุนไพรไทย เป็นต้น มีจุดบริการดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ภายในวัดร่มรื่นเย็นสบายมีต้นไม้สลับไปกับพื้นหินภายในวัดมีความเงียบสงบเหมาะสำหรับปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งครับ
พระครูสุนทรคัมภีระยาน (ครูบาคำภีระ) |
องค์สุดท้ายคือ พระสุธรรมยานเถระ (ครูบาอินทจักร) |
ด้านบนของวิหารประดับด้วยกระจกสี |
ศิลาจารึก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ |
ทางด้านทิศใต้ก็เป็นรอยพระพุทธบาทใหญ่สองรอยซึ่งประทับไว้บนแผ่นหินประดิษฐานภายวิหารจตุรมุขหลังสวย ตัววิหารเป็นศิลปกรรม ที่งดงามด้วยคุณลักษณะแบบผสมผสานสวยงามลงตัว มีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศปิดทองประดับกระจกหลากสีสวยงามวิจิตร ทั้งด้านในและด้านนอก ฝาผนังเป็นภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาสวยงามน่าชม ภายในกลางวิหารเป็นเจดีย์องค์เล็กที่ครอบรอยพระพุทธบาทไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำเป็นรั้วระเบียงล้อมรอบ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างครอบไว้ในครั้งแรกต่อมาจึงมีการสร้างวิหารหลังใหญ่ครอบอีกชั้นหนึ่งอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน บนเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวิหารเอาไว้และด้านหน้าระเบียงเป็นรูปเหมือนของครูบาศรีวิชัย เคียงคู่กับครูบาพรหมมา โดยทำเป็นบันไดลงไปยังรอยพุทธบาทได้ทั้งสี่ด้าน รอยพระพุทธบาทมีขนาดใหญ่พอสมควรและเป็นสองรอยติดกันเหมือนการย่างก้าวไปข้างหน้า ภายในวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็น ศาสนสถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังพบรอยพระอรหันต์อายุ 7 ขวบตรงด้านหน้าวิหารอีกด้วย ซึ่งเชื่อกันว่ารอยเท้านี้เป็นรอยเท้าของ พระอรหันต์อายุ 7 ขวบที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามายังสถานที่แห่งนี้และได้อธิฐานจิตเหยียบไว้เป็นรอยเท้าบนพื้นหินอย่างที่เห็น โดยทางวัดทำเป็นซุ้มเจดีย์สวยงามครอบเอาไว้ทางด้านนอกวิหาร ภายในวิหารแห่งนี้ทุก ๆวันก็จะมีพุทธศาสนิกชนเข้าไปบูชารอยพระพุทธบาทอยู่เป็นประจำ เพราะมีความเชื่อกันว่าการบูชารอยพระพุทธบาทนั้นเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
รอยพระพุทธบาทพระอรหันต์ครับ (ตอน 7 ขวบครับ) |
จิตรกรรมฝาผนังก็เป็นเรื่องราวของการ ก่อสร้างเจดีย์และประวัติของครูบาแต่ละท่าน |
ทางด้านหน้าไปไหว้รอยพระพุทธบาท |
พระอุโบสถบริเวณเจดีย์สี่ครูบาครับ |
ถัดจากวิหารที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทก็เป็นรอยตากผ้าขนาดใหญ่เป็นปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งภายในวัดซึ่ง เชื่อกันว่า เป็นรอยตากผ้า จีวรของพระพุทธเจ้าลักษณะเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยม คล้ายกับผืนนาของชาวมคธ อินเดีย เพราะเนื่องจากได้นำลักษณะของพื้นนาดังกล่าวมาเป็นตัวอย่างการ ตัดเย็บจีวร และพระภิกษุได้ใช้นุ่งห่มมาจนถึงทุกวันนี้ รอยตากผ้าเป็นรอยขนาดใหญ่เท่า ๆกับ ผ้าจีวรพระในปัจจุบันโดยทำเป็นรั้วรอบรอยตากผ้าเอาไว้ นอกจากนั้นในบริเวณนี้ก็มีการค้นพบรอยเท้าเล็ก ๆ อีกหลายรอยบนแผ่นหินอีกด้วย ภายในวัดนอกจากมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งแล้ว ภายในวัดยังมีวิหารขนาดกลางภายในจัดแสดงของเก่าพื้นบ้านและวัตถุโบราณต่าง ๆ ให้เราได้ชมและศึกษาหาความรู้ได้อีกด้วย ตรงบริเวณนี้ยังมีถ้ำฤาษีลักษณะของถ้ำจะเป็นลักษณะตัวยู เป็นถ้ำไม่ใหญ่มากอยู่ใต้พื้นหินศิลา มีรูปปั้นฤาษีประดิษฐานอยู่ด้านใน
ฆ้องขนาดใหญ่ ลงลายพญานาคฝีมือประณีตมากครับ |
บานประตูไม้สักแกะสลักครับ |
ระฆังขนาดใหญ่ |
ฆ้องยักย์ครับขนาดที่ตียังยกเกือบไม่ไหว |
สืบเนื่องจากรอยพระพุทธบาทนั้นเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูนและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลำพูนและคนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือ เมื่อถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุก ๆปี ซึ่งตรงกับวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พี่น้องใน อ.ป่าซางและชาวจังหวัดลำพูน ก็จะมีการจัดงานประเพณีการสรงน้ำพระพุทธบาทขึ้นเป็นประจำทุกปีซึ่งเป็นประเพณี ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ใครที่ต้องการเข้าร่วมใน พิธีก็เชิญได้เลย ตรวจสอบวันเวลาที่แน่นอนก่อนการเดินทางครับ
ยักษ์กับเสือเฝ้าหน้าประตูครับ |
อนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละครับ |
ด้านขวามือเป็นพระเจ้ากาวิละ ผู้สร้างเวียงป่าซางเมืองเชียงใหม่ครับ |
ศาลาหอระฆังครับ |
หลังจากที่เราเยี่ยมชมและบูชารอยพระพุทธบาทกันแล้วเราก็เดินขึ้นไปตามบันไดนาคเพื่อขึ้นไปชมความสวยงามขององค์มหาเจดีย์สี่ครูบาและ กราบไหว้บูชาครูบาทั้งสี่และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ด้านใน บันไดนาคทางขึ้นเป็นบันไดที่ทอดยาวจากตัววัด ขึ้นไปบนยอดเขาหรือ ที่ชาว บ้านเรียกว่าม่อนดอย ซึ่งมีบันไดถึง 469 ขั้นทีเดียว เรียกว่าต้องใช้พลังศรัทธาบวกกับความแข็งแรงทางร่างกายกว่าจะขึ้นไปถึงองค์เจดีย์ นอกจากจะขึ้นทางบันได้แล้วทางรถยนต์ก็สามารถขึ้นมายังเจดีย์สี่ครูบาได้เช่นกัน ทางขึ้นเป็นทางลาดยางอย่างดี แต่จะลาดชันต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ให้มากขึ้น สองข้างทางบันไดนาคก็เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด อากาศเย็นสบายมาก ๆ มีลมพัดมาตลอดเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติชมวิวเมืองป่าซางและได้ออกกำลังกายไปในตัวครับ
องค์เจดีสี่ครูบาเป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่สวยงามที่ตั้งอยู่ยอดเขาภายในวัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นศาสนสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งภายในวัด เป็นองค์มหาเจดีย์ที่ผสมผสานระหว่างพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัยได้อย่างสวยงามลงตัว ตั้งอยู่บนแท่นรับขนาดสูง ก่ออิฐถือปูนรูปทรงสี่เหลี่ยม มีซุ้มประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศแต่ละซุ้มประตูประดับตกแต่งด้วยการปิดทองประดับกระจกสวยงาม องค์เจดีย์ทางด้านบนหุ้มด้วยแผ่นทองทั้งองค์สวยงามอร่าม รอบนอกองค์เจดีย์เป็นระเบียงมีศาลาล้อมรอบทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และรูปหล่อครูบาที่เป็นพระเกจิของลำพูนอีกหลายองค์ ด้านหน้าบันไดทางขึ้นด้านหลังเจดีย์เป็นวิหารหลังสวยทรงจัตุรมุข
ภายในพระอุโบสถมีพระประธานปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ |
พระสถูปครอบพระพุทธบาทพระอรหันต์ |
ทางขึ้นจะเป็นบันไดนาค มีประมาณ 400 กว่าขั้นครับ |
ทางด้านตะวันออกองค์เจดีย์เป็นพระอุโบสถวิหารหลังใหญ่ที่ตกแต่งด้วยศิลปกรรมแบบล้านนาไทยที่งดงามวิจิตรอย่างยิ่งทั้งด้านในและด้านนอก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บนแท่นรับที่ตกแต่งได้อย่างละเอียดงดงาม เสารับภายในวิหารหลังนี้เป็นงานแกะสลักบนเสาไม้ลวดลายวิจิตรพิสดารสลับด้วยสีพื้นเห็นถึงความประณีตของช่างที่จัดสร้าง ตามฝาผนังเป็นภาพจิตรกรรมที่ไม่เหมือนอุโบสถหรือวิหารทั่วไปโดยทำเป็นภาพลักษณะแบบแกะสลักเล่าเรื่องราวในพุทธศาสนาและปิดทองทั้งหมดทุกภาพ สวยงามมาก ๆ เป็นอุโบสถที่มีศิลปกรรมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนเลยทีเดียวครับ ภายในเจดีย์สี่ครูบา ตรงกลางเป็นองค์เจดีย์องค์เล็กอีกองค์หนึ่ง ที่บรรจุอัฐถิและประดิษฐานรูปหล่อเหมือนของครูบาสี่องค์ไว้สี่ด้าน ก็คือ ครูบาพรหมจักร ,ครูบาพ่อเป็ง,ครูบา(พ่อ),ครูบาคัมภีระและครูบาอินทจักร ซึ่งเป็นอาริยะสงฆ์ที่ชาวป่าซางและจังหวัดลำพูนให้ความเคารพศรัทธากันอย่างแพร่หลาย องค์เจดีย์ลงรักปิดทองประดับกระจกทั้งองค์สวยงามลักษณะเป็นองค์เจดีย์แบบแปดเหลี่ยมย่อมุมสิบสอง มีประดับแท่นบูชาทั้งสี่ด้าน ภายในเจดีย์ปูด้วยหินอ่อนสวยงาม ผนังเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาสวยงาม ภายในเย็นสบายมาก ๆ นอกจากเราจะได้กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วเมื่อเราเดินลงมาตรงศาลาทางด้านนอกเจดีย์เราก็ได้ชมวิวสวย ๆของ อ.ป่าซาง และพักผ่อนรับอากาศดี ๆ และเย็นสบายมาก ๆ
วัดพระพุทธบาทตากผ้า นอกจากเป็นวัดสำคัญของจังหวัดลำพูนแล้วยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ของลำพูน หลังจากที่เราบูชารอยพระพุทธบาทและทำบุญที่วัดแล้วเราก็เดินทางไปเที่ยวต่อได้สบายครับเพราะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก อาทิเช่น เจดีย์ห้าดวง, อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย และถ้าจะเข้าไปท่องเที่ยวในตัวเมืองลำพูนก็เดินทางเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง หรือจะเดินทางไปเที่ยวเขตเชียงใหม่ที่ ดอยอินทนนท์ ก็ทำได้สบายครับ
วัดพระพุทธบาทตากผ้าตั้งอยู่เลขที่ 279 บ้านพระบาท ถนนสายลำพูน - ลี้ หมู่ 6 ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน วิหารพระพุทธบาท เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 8.00-17.00น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 053-248604,053-248607
การเดินทางมายังวัดเดินทางโดย รถยนต์เดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข 106 ห่างจากตัวเมืองลำพูนไปทางทิศใต้ประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงช่วงกิโลเมตรที่ 136 – 137 จะเห็นทางเข้าวัดให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ อีก 1 กิโลเมตร จะเห็นบันไดทางขึ้นวัดอย่างชัดเจน และตรงเข้าไปภายในวัดมีที่จอดรถสะดวกสบายครับ
แหล่งท่องเที่ยว วัดพระพุทธบาทตากผ้า |
โบสถ์ไม้สักแกะสลัก |
รูปเหมือนพระเกจิชื่อดังครับ |
เข้ามาด้านในจะเจอร้านค้า |
วัดพระพุทธบาทตากผ้าถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน ที่มีทั้งเรื่องราวทางพุทธศาสนาขนบธรรมเนียมความเชื่อและมีศิลปกรรมแบบล้านนาไทยที่สวยงาม เป็นอีกสถานที่หนึ่งของจังหวัดลำพูนที่น่าแวะเข้าไปเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดเดินทางมาจังหวัดลำพูนก็หาโอกาสเข้าไปบูชารอยพระพุทธบาทและกราบไหว้เจดีย์สี่ครูบาที่วัดพระพุทธบาทตากผ้ากันนะครับ การเข้าวัดทำบุญนั้นทำได้ทุก ๆโอกาสครับ