โห.... Suv หรู กันกระสุนคันละ55ล้านบาท!! คุณเห็นรึยัง
|
"ดาร์ตซ์ พรอมบรอน โมนาโก เรด ไดมอนด์ เอดิชัน" เอสยูวีกันกระสุนสุดหรู
|
|
|
เดลิเมล์ - บริษัทรถรัสเซียเปิดตัวเอสยูวีกันกระสุนสุดหรูราคาล้ านปอนด์ (55 ล้านบาทโดยประมาณ) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่จิ๊บจ๊อยมาก เพราะนอกจากจะได้รถไปขับแล้ว ราคานี้ยังรวมว็อดก้าแพงที่สุดในโลกอีกสามขวด
นอกจากเคลือบด้วยเส้นใยเคฟลาร์กันกระสุนทั้งคันแล้ว ขอบหน้าต่างของ "ดาร์ตซ์ พรอมบรอน โมนาโก เรด ไดมอนด์ เอดิชัน" ยังชุบทอง ท่อไอเสียทำจากทังสเตนล้วนๆ แผงหน้าปัดความเร็วฝังเพชร
เบาะที่นั่งทำจากวัสดุที่นุ่มที่สุด นั่นคือหนังจากอวัยวะเพศของปลาวาฬตัวผู้ ซึ่งโฆษกของ ดาร์ตซ์ คอมแบต เผยว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือยอชต์ 'คริสตินา โอ' ของอริสโตเติล โอนาสซิส ที่เบาะสตูลหน้าบาร์ทำจากหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของปล าวาฬตัวผู้
"บางคนว่าเราบ้า แต่เราคิดว่าถ้าจะผลิตรถหรูก็ต้องทำให้หรูที่สุดไปเล ย"
แต่ทั้งหมดนี้เทียบไม่ได้กับว็อดกาที่เป็นอภินันทนาก ารมากับรถ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของดาร์ตซ์ คอมแบต ผู้ผลิตยานยนต์หุ้มเกราะให้แก่วลาดิมีร์ เลนิน, ลีออน ทรอตสกี้ และซาร์นิโคลัส ในอดีต
ปีที่แล้ว รัสโซ-บอลติกจำหน่ายในราคาขวดละ 790,000 ปอนด์ โดยเว็บไซต์ของผู้ผลิตแจ้งว่า แทนที่จะนำไปดื่ม ผู้ซื้อควรนำว็อดกามหาแพงนี้ไปแสดงเป็นงานศิลปะ
เฉพาะตัวขวดที่เลียนแบบรูปทรงของหม้อน้ำรถยนต์ ทำจากเหรียญทองที่ผลิตออกมาระหว่างปี 1908-1912 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ดาร์ตซ์ผลิตรถออกมาคันแรก ส่วนฝาทำจากทองสีขาวและเหลืองฝังเพชรเป็นรูปนกอินทรี สีน้ำตาลของรัสเซีย
และสุดท้าย ตัวขวดยังทำจากแก้วกันกระสุนหนา 30 เซนติเมตร
รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (เอสยูวี) และว็อดการุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับงานแสดงรถ ยนต์หรูระดับเมกะเอ็ก ซ์คลูซีฟ 'ท็อป มาร์กส์' ที่โมนาโกเดือนเมษายนปีหน้า โดยจะมีการเปิดให้เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งโมนาโกได้ทอดพ ระเนตรเป็นกรณีพิเศษ ด้วย
ตัวรถเอสยูวีคันนี้หนัก 4 ตัน ใช้เครื่องยนต์ V8 สมรรถนะ 450 แรงม้า นอกจากกระสุนธรรมดาแล้ว รถคันนี้ยังกันจรวดได้ด้วย
โฆษกของบริษัทเผยว่าเตรียมเปิดตัวโมเดลใหม่ในปี 2012 เฉพาะในละตินอเมริกาเท่านั้น
"รถรุ่นปี 2012 จะเป็นการรำลึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ทรอตสกี้เสียชีวิตในเม็กซิโกจากที่เจาะน้ำแข็งในปี 1940 ดังนั้น เวอร์ชันที่จะส่งไปขายในละตินอเมริกาจึงจะมีที่เจาะน ้ำแข็งทองอภินันทนาการ ไว้ด้วย"
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
24 ตุลาคม 2552
|