Advertisement
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม อันเป็น “วันแม่แห่งชาติ” ด้วยนั้น จึงขอนำพระราชดำรัสที่ทรงพระราชทานแก่บุคคลในโอกาสต่างๆซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารหลายฉบับมานำเสนอ เพื่อให้พวกเราได้น้อมนำ “คำสอน” ของพระองค์ท่าน ผู้ทรงเปรียบประดุจ “แม่ของแผ่นดิน” ไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติต่อไป
- “...ความเจริญทางด้านวัตถุ ทำให้โลกของเรามีความก้าวหน้าและสะดวกสบายขึ้นอย่างยิ่ง
จึงต้องนับว่า ความเจริญทางวัตถุนี้เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากสำหรับชีวิต แต่ชีวิตของเรายังต้องการความเจริญอย่างอื่นด้วย คือ ความเจริญด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญและจำเป็นไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางวัตถุเลย...”(พระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรการศึกษาวิชาพยาบาล วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๐)
- “...เวลา ๕๐ ปีนั้น เป็นเวลาที่ยาวนานมากในชั่วชีวิตของแต่ละคน นานพอที่จะสร้างสรรสิ่งที่
เป็นประโยชน์ และคุณงามความดีได้มากมาย แต่ถ้าหากย้อนนึกไปถึงอายุของชาติไทย ซึ่งเป็นชาติที่เก่าแก่ สืบเผ่าพันธุ์มาช้านานนับพันปีด้วยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าบรรพบุรุษของเราได้สร้างสมสิ่งที่ดี ที่งาม ที่เป็นประโยชน์ ไว้ให้แก่เราลูกหลาน และแม้แก่โลก สิ่งนี้ก็คือวัฒนธรรมของเรานั่นเอง ทุกคนจึงควรภูมิใจในเผ่าพันธุ์ไทย และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของเรา และสำนึกว่าเป็นหน้าที่โดยตรงที่จะรักษาให้ดำรงอยู่ได้ตลอดไป....คนไทยจักต้องพึ่งพาอาศัยกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา มีสติ ปัญญา ความรู้ จะต้องแนะนำผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาน้อยกว่า ให้เข้าใจถึงประโยชน์ส่วนรวมนี้ด้วย.....”(พระราชดำรัสในโอกาสเสด็จฯงานฉลอง ๕๐ ปีโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๑๑)
- “...ปัญญาเปรียบเสมือนแก้วอันมีค่าประจำตัวมนุษย์ที่สมบูรณ์ ปัญญาเกิดได้จากการฟังครู
สอน ได้อ่านประกอบ แล้วนำมาคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตามคำพระท่านว่าปัญญาย่อมเกิดได้เพราะการฝึกฝน ผู้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว จะทำประโยชน์แก่สังคมได้ ก็โดยใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาว่า อะไรเป็นประโยชน์และไม่เป็นภัยแก่ตนเองและแก่สังคม..” (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๓)
- “...มนุษย์เรานี้ควรจะมีการให้ต่อกันบ้าง อย่างน้อยก็เวลาสดับตรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น
ไม่ใช่จะงกๆเงิ่นๆละโมบแต่หาความสุข กอบโกยหาโชคลาภสู่ตนเองโดยไม่นึกถึงผู้อื่น เมื่อเราไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว เราจะมีความสุขได้อย่างไร โลกนี้ก็จะมีแต่ความแห้งแล้ง ไร้น้ำใจ จิตใจของคนก็จะพลอยโหดเหี้ยมไปด้วยความเห็นแก่ตัว และจะขาดความสงบสุขในที่สุด...” (พระราชดำรัสในโอกาสเสด็จฯพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทย วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๑๖)
- “....ในการรวมตัวกันเพื่อทำงานต่างๆนั้น ย่อมจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ปัญหาใดๆ ก็ย่อม
ขจัดเสียได้โดยอาศัยความสามัคคีเป็นคุณธรรมที่จะร้อยรัดให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอเพียงให้แต่ละคนไม่ยึดถือ “อัตตา” คือ ตัวตนของผู้หนึ่งผู้ใดเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น...” (พระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสภาสตรีแห่งชาติฯ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๐)
จากสมุดบันทึกพระราชดำรัสพระราชทานฯที่จัดพิมพ์โดยธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม ได้แก่
- ขอยกย่องชมเชยสตรีไทยที่สามารถแสวงหาวิชาความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ทันกับความเจริญทางเทคนิคของโลก แต่ขอร้องอย่าให้ละเลยต่อหน้าที่สำคัญที่เคยปฏิบัติกันมาแล้วในอดีต คือ การอบรมและสร้างพลเมืองที่ดีให้แก่ชาติ
- ศาสนานี่เป็นของดีแน่ จะเป็นศาสนาอะไรก็ตาม นิกายใดก็ตาม ถ้าคนไทยปฏิบัติตามโดยบริสุทธิ์ใจจริงๆแล้ว เป็นของดีต่อส่วนรวม
- การแผ่เมตตาให้ผู้อื่นนั้น วิธีสำคัญได้แก่ พยายามทักท้วง ห้ามปราม ยับยั้ง ขัดขวาง ไม่ให้เขาทำผิดทำชั่ว เพื่อป้องกันเขาไว้ มิให้ต้องได้รับผลร้ายของการกระทำชั่วนั้น
- ชาวนาเป็นผู้มีบุญคุณต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง เพราะชาวนาทำให้ไทยเป็นประเทศที่สามารถผลิตอาหารเลี้ยงตนเอง เราจึงเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี และมีรากฐานที่จะก้าวไปสู่ความเจริญยิ่งขึ้น
- การอนุรักษ์นั้น แม้เป็นสิ่งที่ดีมาก ที่ทุกประเทศมุ่งรักษาประโยชน์ระยะยาวของแผ่นดินและประชาชนก็ตาม แต่หากทำโดยไม่ระมัดระวังและโดยรอบคอบถี่ถ้วน บางทีก็อาจเป็นผลเสีย เช่น กลายเป็นการริดรอนเสรีภาพ
- ถ้าเราจะให้สภาพธรรมชาติกลับคืนมาเหมือนเดิม มีแม่น้ำ ลำธาร มีน้ำจืด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อชีวิตมนุษย์และการพัฒนาประเทศ พวกเราต้องเข้าใจและช่วยกันรักษาป่า เพื่อเราจะได้มีอนาคตและความหวังร่วมกัน
- วรรณคดีก็ดี เพลงไทยก็ดี มันมีความสำคัญอย่างหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าชาติของเรา หรือคนไทยเราได้มีวิวัฒนาการมาอย่างไร
- ทุกวันนี้ที่เกิดความยุ่งยากก็เพราะคนละเลยต่อหน้าที่ของตน ทางแก้ก็คือ ต้องเตือนตัวให้สำนึกถึงหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนเที่ยงตรง คือ ตรงต่อภาระ ต่อตัวเอง ตรงต่อผู้อื่น ตรงต่อส่วนรวม ตรงต่อเหตุผล
- ผู้สำคัญตนว่ามีความฉลาดสามารถเป็นเลิศอยู่เสมอนั้น มักพาตัวไม่รอด เพราะความสำคัญตนเช่นนั้น จะปิดบังโอกาสที่จะขวนขวาย หรือได้มาซึ่งปัญญาที่สูงขึ้นไป
- ความเป็นบัณฑิตจะแสวงหาจากการเล่าเรียนวิทยาการชั้นสูงทางวัตถุเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากแต่จะต้องศึกษาและปฏิบัติในทางจิตใจ เพื่อให้เกิดความฉลาดรอบรู้อย่างแท้จริงด้วย
- แม้คนสมัยนี้มักจะชอบพูดกันว่า อุดมคติกินเข้าไปไม่ได้ ก็ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกินประการเดียว หากแต่เกิดมาเพื่อปฏิบัติประโยชน์สูงสุดในความเป็นมนุษย์
- ช่วยกันสนับสนุนให้คนดีมีกำลังใจเพียรประกอบความดีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก สามัคคีหันหน้าเข้าหากัน รวมแรงกันป้องกันต่อสู้บาปทุจริตและความเห็นผิดต่างๆ เพื่อแผ่นดินทองของไทย จักได้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง
พระราชดำรัสและพระราโชวาทของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินาถดัง “คำสอนของแม่” ข้างต้น คงจะทำให้พวกเราที่เป็น“แม่” หรือ “ลูก” หรือเป็นทั้งแม่และลูกได้ข้อคิด และคติสอนใจในการดำเนินชีวิตที่ดีว่าควรปฏิบัติเช่นไร โดยเฉพาะใน “วันแม่แห่งชาติ” นี้ พระองค์เคยพระราชทานคำขวัญไว้สำหรับคนเป็น “แม่” ว่า “หน้าที่ของผู้หญิงอันยิ่งใหญ่ ไม่มีใดเหนือกว่าหน้าที่แม่ “ และสำหรับผู้เป็น “ลูก” พระองค์ก็ได้พระราชทานคำสอนไว้ว่า “ให้ของขวัญวันแม่นับแต่นี้ โดยทำดีต่อพ่อแม่ก่อนแก่เฒ่า ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์”
...............................................
ที่มา สนุก.คอม
Advertisement
เปิดอ่าน 13,094 ครั้ง เปิดอ่าน 21,850 ครั้ง เปิดอ่าน 11,260 ครั้ง เปิดอ่าน 14,898 ครั้ง เปิดอ่าน 38,788 ครั้ง เปิดอ่าน 9,411 ครั้ง เปิดอ่าน 10,639 ครั้ง เปิดอ่าน 10,220 ครั้ง เปิดอ่าน 19,797 ครั้ง เปิดอ่าน 1,827 ครั้ง เปิดอ่าน 19,896 ครั้ง เปิดอ่าน 10,541 ครั้ง เปิดอ่าน 26,176 ครั้ง เปิดอ่าน 13,747 ครั้ง เปิดอ่าน 9,594 ครั้ง เปิดอ่าน 16,399 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 9,664 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,804 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 17,736 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 1,366 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,242 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,698 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,365 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 23,939 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,801 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,160 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,393 ครั้ง |
เปิดอ่าน 33,178 ครั้ง |
|
|