ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ทิพย์ทวน


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,404 ครั้ง
ทิพย์ทวน

Advertisement

❝ การแสดงวิสัยทัศน์การบริหารสถานศึกษา ❞

เขียนรายงานผลการปฏิบัติงาน ที่ผ่านมาย้อนหลัง 3 ปีงบประม่าณ ที่แสดงถึงสมรรถนะทางการบริหาร ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์  (Results  Based  Management ; RBM)

การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์  (Results  Based  Management ; RBM) เป็นการบริหารโดยมุ่งเน้นถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงาน  โดยหน่วยงานจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์  วัตถุประสงค์  และเป้าหมายขององค์การ  พร้อมทั้งต้องกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของการดำเนินงานที่ชัดเจน  สามารถตรวจสอบได้  กล่าวได้ว่าการบริหารแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เป็นวิธีการบริหารที่น่าสนใจมากที่สุดวิธีการหนึ่งที่เราสมควรจะนำไปใช้ในการจัดการศึกษา  เนื่องจากว่าการจัดการศึกษาของเราในปัจจุบันนี้มีปัญหานานับประการ  โดยเฉพาะปัญหาที่สำคัญคือปัญหาคุณภาพผู้เรียน  ผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษาจำนวนมากที่มีคุณภาพและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักสูตรและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม   (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545    ในปีการศึกษา 2550 ข้าพเจ้าได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์  สามารถสรุปขั้นตอนที่สำคัญได้  4  ขั้นตอน  ดังนี้

1.  การมีส่วนร่วมการวางแผนกลยุทธ์ของโรงเรียน  โดยมีส่วนร่วมกับผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียนกำหนดทิศทางโดยรวมว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร เป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์  ทำการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในโรงเรียน (SWOT Analysis)  และให้ได้มาซึ่งวิสัยทัศน์  พันธกิจ วัตถุประสงค์   เป้าหมาย     และกลยุทธ์การดำเนินงาน รวมทั้งพิจารณาถึงปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จของโรงเรียน  และสร้างตัวชี้วัดผลการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ 

2.การมีส่วนร่วมการกำหนดรายละเอียดของตัวชี้วัดผลดำเนินงาน  โดยร่วมกันกำหนดความชัดเจนของตัวชี้วัดทั้งในเชิงปริมาณ (Quantity)  คุณภาพ (Quanlity)  เวลา (Time)  และสถานที่หรือความครอบคลุม (Place) อันเป็นเป้าหมายที่ต้องการของแต่ละตัวชี้วัด

3.  การมีส่วนร่วมการวัดและการตรวจสอบผลการดำเนินงาน  โดยมีส่วนร่วมกับผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียนดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลการดำเนินงานของแต่ละตัวชี้วัดตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น  รายเดือน  รายไตรมาส  หรือรายปี    เพื่อแสดงความก้าวหน้าและสัมฤทธิ์ผลของการดำเนินงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่อย่างไร

4.  การให้รางวัลตอบแทน  มีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาความดีความชอบของครูภายในโรงเรียนเมื่อได้พิจารณาผลการดำเนินงานแล้วผู้บริหารจะต้องมีการให้รางวัลตอบแทนตามระดับของผลงานที่ได้ตกลงกันไว้

 

 

 

 

2. การบริการที่ดี 

หมายถึง การบริการด้วยความเต็มใจ ถูกต้องรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและผู้รับบริการพึงพอใจ  ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจในด้านบริการทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อร่วมงาน และประชาชนที่มาติดต่อประสานงานกับโรงเรียน รับเป็นธุระแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการอย่างรวดเร็วเต็มใจ ไม่บ่ายเบี่ยง ไม่แก้ตัวหรือปัดภาระ

 

3. การพัฒนาตนเอง (SELF  DEVELOPMENT)

ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นใน เรื่องของ เทคโนโลยี การสื่อสาร สภาพเศรษฐกิจ และ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่มีการส่งถ่ายถึงกันและกันเร็วขึ้น และจากการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เองจึงเป็นเสมือน พลังผลักดัน ให้คนแต่ละคน ต่างต้องตระหนักถึง ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง อันทำให้เกิดการ พัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องอยู่เสมอเพื่อให้ตนมีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ข้าพเจ้าได้พัฒนาตนเองเสมอด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ผลที่เกิดจากพัฒนาพัฒนาทำให้ได้รับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ

4. การทำงานเป็นทีม

การทำงานเป็นทีมหมายถึงการร่วมกันทำงานของสมาชิกที่มากกว่า 1คนโดยที่สมาชิกทุกคนนั้นจะต้องมีเป้าหมายเดียวกันว่าจะทำอะไรแล้วทุกคนต้องยอมรับร่วมกันมีการวางแผนการทำงานร่วมกัน ผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียนของข้าพเจ้า มีลักษณะการทำงานที่สำคัญ ดังนี้คือ

        1. การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล หมายถึงการที่เพื่อนครูในโงเรียนมีความเกี่ยวข้องกันในกิจการของกลุ่ม / ทีมตระหนักในความสำคัญของกันและกัน แสดงออกซึ่งการยอมรับ การให้เกียรติกัน
       
2.มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายร่วมกัน หมายถึงการที่เพื่อนครูในโรงเรียนจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมร่วมกันของทีม / กลุ่ม
        
3. การมีโครงสร้างของทีม /กลุ่ม  คณะครูในโรงเรียนเป็นครูในพื้นที่ ดังนั้นทีมหรือกลุ่ม จึงเป็นกลุ่มแบบทางการ (Formal Group) หรือกลุ่มแบบไม่เป็นทางการ (Informal Group)ซึ่งในการปฏิบัติงานเพื่อนครูทุกคนขยอมรับและปฏิบัติงานด้วยกันเป็นอย่างดี
        
4. คณะครูมีบทบาทและมีความรู้สึกร่วมกัน ในการทำงาน

5. การคิดวิเคราะห์และการสังเคราะห์

          การคิดวิเคราะห์และการสังเคราะห์ เป็นการทำความเข้าใจสถานการณ์ประเด็นปัญหา แนวคิด ทฤษฎี โดยแตกประเด็นออกเป็นส่วนย่อย ๆ หรือวิเคราะห์สถานการณ์ทีละขั้นตอนรวมถึงจัดหมวดหมู่ปัญหา/สถานการณ์อย่างเป็นระบบ เปรียบเทียบแง่มุมต่าง ๆ และระบุได้ว่าอะไรเกิดก่อนหลัง ตลอดจนระบุเหตุผลที่มาที่ไปของกรณีต่างๆ ได้ ข้าพเจ้าได้นำหลักการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์มาใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหาร และนอกจากนี้ได้นำไปใช้ฝึกทักษะให้กับนักเรียนภายในโรงเรียนด้วย

6. การสื่อสารและการจูงใจ

          การสื่อสารและการจูงใจหมายถึง กระบวนการส่งสารข้อมูลจากผู้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับข่าวสาร มีวัตถุปรสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งต้องการ โดยปกติการปฏิบัติหน้าที่ของข้าพเจ้าต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กับเพื่อนครู ผู้บริหารสถานศึกษาและนักเรียน และชุมชนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นในด้านการสื่อสารและการจูงใจข้าพเจ้าได้พัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการสื่อสาร ดังนี้ คือ มีทักษะในการสื่อสาร เป็นคนช่างสังเกต เรียนรู้ได้เร็ว และมีความจำดี มีความซื่อตรง มีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีความคิดสุขุม รอบคอบ มีความสามารถแยกแยะและจัดระเบียบข่าวสาร มีศิลปะและเทคนิคในการจูงใจคน

7. การพัฒนาบุคลากร 

การพัฒนาบุคลากร หมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านทักษะ ความชำนาญในการทำงานตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรทุกระดับให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรสามารถทำได้ด้วยวิธีการฝึกอบรม ปฐมนิเทศส่งไปดูงานต่างประเทศ ร่วมสัมมนาทั้งในและนอกสถานที่ ฯลฯ เพื่อบุคลากรนั้นๆจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ และมุ่งไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กร ในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมา ข้าพเจ้าและคณะครูในโรงเรียนได้พัฒนาตนเองด้วยการเข้ารับการอบรมสัมมนา ศึกษาดูงานมหกรรมวิชาการ  การศึกษาเรียนด้วยตนเอง มีผลทำให้ได้รับแต่งตั้งมีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ

8. การมีวิสัยทัศน์

วิสัยทัศน์ หมายถึง การมองภาพอนาคตของผู้นำและสมาชิกในองค์กร  และกำหนดจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกับภารกิจ ค่านิยม และความเชื่อเข้าด้วยกัน แล้วมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จุดหมายปลายทางดังกล่าวต้องชัดเจน ท้าทาย มีพลังและมีความเป็นไปได้

ข้าพเจ้าได้ร่วมกับผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียนกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาของโรงเรียน  โดยมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน ทำให้ครูในโรงเรียนทุกคนรู้ว่าแต่ละคนมีความสำคัญต่อการมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง และรู้ว่าจะทำอะไร (What) ทำไมต้องทำ (Why) ทำอย่างไร (How) และทำเมื่อใด (When) นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เพื่อนครูทุกคนมีความรู้สึก น่าสนใจ มีความผูกพัน มุ่งมั่นปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ ท้าท้าย เกิดความหมายในชีวิตการทำงาน  มีการทำงานและมีชีวิตอยู่อย่างมีเป้าหมายด้วยความภูมิใจ และทุ่มเทเพื่อคุณภาพของผลงานที่ปฏิบัติ

 

 

 

 

2. เขียนรายงานถึงความรู้ความสามารถในการบริหารสถานศึกษา

1. การบริหารและการจัดการ


                ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้บริหารที่มุ่งส่งเสริมพัฒนา บริหารจัดการและดำเนินการให้ผู้เรียนทุกคนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มุ่งมั่นในการที่จะจัดการการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ โดยให้เกิดผลในทุกมิติกับผู้เรียน เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนเป็นชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ นำไปสู่ความเป็นสถานศึกษาสมบูรณ์ คือ สถานศึกษาที่มีความร่มรื่น มีสภาพน่าดู น่าอยู่ และน่าเรียน โดยมีกระบวนการเรียนรู้ การบริหารจัดการที่เชื่อมโยงสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงอย่างมีคุณภาพ ทำให้ผู้เรียนเป็นผู้มีคุณภาพในลักษณะเก่ง ดี และมีความสุข ทำให้ครูมีคุณภาพในลักษณะ เก่ง ดี มีความสุข และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ นำไปสู่โรงเรียนและชุมชนมีคุณภาพ มีคำกล่าวว่า “กว่าจะเป็นผู้บริหารนั้นยากยิ่ง แต่การจะเป็นนักบริหารมืออาชีพยากยิ่งกว่า” และ “ไม่มีองค์การแย่ แต่ผู้บริหารเยี่ยม และ ไม่มีผู้บริหารเยี่ยมแต่องค์การแย่”
                ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นตัวแปรที่สำคัญในการปฏิรูปการเรียนรู้ในสถานศึกษา เพราะผู้บริหารสถานศึกษาคือผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่จะต้องเป็นตัวอย่างของการปฏิรูปปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้และการบริหารให้กับครู นักเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชน  หลักในการบริหารงานซึ่งผู้บริหารควรนำไปใช้เพื่อประสบความสำเร็จของการทำงานคือ หลักการครองตน ครองคน และครองงาน ซึ่งผู้เขียนได้นำรายละเอียดมาอธิบายความเพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนได้ดังนี้
                1.ครองตน ท่านให้ปฏิบัติตามฆราวาสธรรม 4 (สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ)ซึ่งเป็นหลักการครองชีวิตของคฤหัสถ์
               2. การครองคน คือ การรู้จักคนอื่น มองคนอื่นในแง่ดี ในการทำงานร่วมกับคน     
                3. การครองงาน คือ การรู้จักงานที่ตนเองกำลังทำ และทำงานอย่างมีความสุข รักและชอบในงานที่ตนเองกำลังทำอยู่

การการครองตน การครอง  คนครองงาน จะเห็นได้ว่าเป็นศิลปะการทำงานให้มีความสุข บุคคลใดใช้หลักการตามที่กล่าวมาก็จะมีความสำเร็จในการทำงาน ฉะนั้น  การการครองตนก็คือการรู้จักตนเอง การครองคนคือการรู้จักผู้อื่น  ส่วนการครองงานคือการมีสมาธิ

ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของโรงเรียน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้บริหาร ผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการบริหาร ย่อมจะนำพาโรงเรียนไปสู่จุดหมาย ดังนั้นผู้บริหารที่ดีควรมีคุณลักษณะ ดังนี้
                1. มีบุคลิกภาพที่ดี ( Personality )
                2. มีความรู้ดี ( Knowledge ) ฃ
                3. มีวิสัยทัศน์ ( Vision )
                4. มีมนุษยสัมพันธ์ ( Human relationship )

                5. มีภาวะผู้นำ ( Leadership )

                6. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ( chief change officer )
                7. มีคุณธรรมจริยธรรม (Moral & Ethics)
                8. บริหารจัดการดี (Administration & Management)

                9. มีความสามารถพิเศษรอบด้าน (Talent

    10. เป็นผู้นำวิชาชีพ (Professional leader)
บัญญัติ 10 ประการที่กล่าวข้างต้นจะเป็นเข็มทิศสำหรับผู้บริหารที่จะพัฒนาตนเอง สู่การเป็นนัก

บริหารมืออาชีพต่อไป

2. การบริหารแผนและงบประมาณ

                   การบริหารงบประมาณ เป็นภารกิจงานในการบริหารงบประมาณ มุ่งเน้นความคล่องตัว โปร่งใส ตรวจสอบได้  ยึดหลักบริหารมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์และบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (performance Based Budgeting)  จัดภารกิจให้ครอบคลุมการเสนอของบประมาณ การจัดสรรงบประมาณ บริหารงานการเงิน บัญชี พัสดุและสินทรัพย์ การตรวจสอบติดตามและระเมินผล

3. การบริหารงานบุคคล

คน เป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้บริหารงานบุคคลจะต้องเป็นคนที่มีหู ตา กว้างขวางเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างดี  และพร้อมที่จะใช้ข้อมูลต่างๆ มาทำการตัดสินใจในการบริหารงานบุคคลสำหรับการบริหารงานบุคคลแนวใหม่ให้ความสนใจในเรื่องระบบเปิด และ ยอมรับบรรยากาศทางการเมืองด้วย โดยในระบบเปิดนี้ องค์กรจะมีปฏิสัมพันธ์อย่างกว้างขวางกับสภาพแวดล้อมต่างๆเพื่อให้อยู่รอดและอยู่อย่างดี ซึ่งจำเป็นจะต้องปรับตัวเสมอ บทบาทของผู้รับผิดชอบการบริหารงานบุคคลแนวใหม่  ต้องเป็นนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีโลกทัศน์ที่กว้างและไกล

การบริหารงานบุคคลที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้

1. การบริหารงานบุคคลควรจะบูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารกิจการ

2. การบริหารงานบุคคลเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

3. เป้าหมายที่สำคัญของการบริหารงานบุคคล คือ การให้ความสำคัญเกี่ยวกับการจูงใจและคุณภาพชีวิตการทำงาน 

4. การบริหารงานบุคคลควรคำนึงถึงค่านิยมที่สำคัญ คือ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลประหยัด ความเสมอภาคทางสังคม การคำนึงถึง ผลประโยชน์ของส่วนรวมความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ประชาธิปไตย และจริยธรรม

5. การบริหารงานบุคคลควรสอดคล้องกับนโยบายขององค์กร 

6. การบริหารงานบุคคลควรจะให้ความสำคัญของการฝึกอบรม และการพัฒนาสมรรถภาพของพนักงานให้มีความรู้ ทักษะ พฤติกรรม และค่านิยมที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน

4. การบริหารงานวิชาการ

เป็นที่ยอมรับกันว่าการดำเนินงานในสถานศึกษา งานวิชาการเป็นงานหลักของสถานศึกษา และหัวใจสำคัญที่จะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพนักเรียนบรรลุเป้าหมาย งานวิชาการจึงกลายเป็นงานที่เป็นศูนย์กลางของสถานศึกษาครอบคลุมสถานศึกษาทั้งระบบ ดังนั้นสถานศึกษาใดที่งานวิชาการก้าวหน้า หรือเป็นเลิศสถานศึกษานั้นมักมีชื่อเสียงเป็นที่นิยม เป็นที่ยอมรับ ส่วนสถานศึกษาใดงานวิชาการล้าหลัง หรือไม่เป็นเลิศ สถานศึกษานั้นจะไม่เป็นที่นิยม ขาดความศรัทธา และมักเสื่อมถอยไม่เป็นที่ยอมรับ สำหรับการบริหารงานวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวว่า การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การบริหารกิจกรรมทุกอย่างในสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ และการศึกษาของนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีขอบข่ายการบริหารงานวิชาการดังนี้

1.      หลักสูตรและการบริหารหลักสูตร

2.      การวิจัยในชั้นเรียน

3.      การสอนซ่อมเสริม

4.      การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร

5.      การนิเทศภายในสถานศึกษา

6.      การประกันคุณภาพการศึกษา

5. การบริหารทั่วไป

                        การบริหารทั่วไป เป็นภารกิจงานในการบริหารงานทั่วไป เกี่ยวข้องกับการจัดระบบการบริหารองค์กรให้บรรลุผลตามมาตรฐาน มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของบุคคล จัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จัดภารกิจงานให้ครอบคลุม งานสำนักงาน การพัฒนาระบบเครือข่าย ข้อมูลสารสนเทศ เครือข่ายการศึกษา งานอาคารสถานที่ การระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา การจัดระบบควบคุมภายในและประสานงานราชการกับเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานอื่น

 

 
 
 
 
 
 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 8243 วันที่ 21 ต.ค. 2552


ทิพย์ทวน

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ถามลูก?

ถามลูก?


เปิดอ่าน 6,407 ครั้ง
เผยแพร่งานวิชาการ

เผยแพร่งานวิชาการ


เปิดอ่าน 6,411 ครั้ง
นวดกดจุด...แก้คัดจมูก

นวดกดจุด...แก้คัดจมูก


เปิดอ่าน 6,415 ครั้ง
ส่องกระจกรู้ตัวเอง

ส่องกระจกรู้ตัวเอง


เปิดอ่าน 6,413 ครั้ง
คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ...

คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ...


เปิดอ่าน 6,450 ครั้ง
อาหารกาย - อาหารใจ

อาหารกาย - อาหารใจ


เปิดอ่าน 6,497 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

รายงานผลการใช้ชุดพัฒนาการอ่านจับใจความ

รายงานผลการใช้ชุดพัฒนาการอ่านจับใจความ

เปิดอ่าน 6,410 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
3 ผักผลไม้....ดับกลิ่นปาก
3 ผักผลไม้....ดับกลิ่นปาก
เปิดอ่าน 6,406 ☕ คลิกอ่านเลย

ฮวงจุ้ยที่ทำงาน และการแก้เคล็ดของคนเกิดวันต่างๆ
ฮวงจุ้ยที่ทำงาน และการแก้เคล็ดของคนเกิดวันต่างๆ
เปิดอ่าน 6,423 ☕ คลิกอ่านเลย

นิสัยรักการอ่าน เริ่มจากนิทาน
นิสัยรักการอ่าน เริ่มจากนิทาน
เปิดอ่าน 6,413 ☕ คลิกอ่านเลย

ถือ (ก็) หนัก วาง (ก็) เบา...พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
ถือ (ก็) หนัก วาง (ก็) เบา...พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
เปิดอ่าน 6,422 ☕ คลิกอ่านเลย

วันสำคัญเดือนมกราคม
วันสำคัญเดือนมกราคม
เปิดอ่าน 6,411 ☕ คลิกอ่านเลย

Be Positive  คลื่นความคิด..ลดเครียด..สุุขภาพดี..อายุยืน
Be Positive คลื่นความคิด..ลดเครียด..สุุขภาพดี..อายุยืน
เปิดอ่าน 6,413 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)
หยุดทำร้ายเด็กไทยโดยใช้ผลการสอบ O-NET ตัดสินเลื่อนชั้น(ได้-ตก)
เปิดอ่าน 13,943 ครั้ง

ปล้นสะดม หรือ ปล้นสดมภ์  กันแน่
ปล้นสะดม หรือ ปล้นสดมภ์ กันแน่
เปิดอ่าน 80,118 ครั้ง

สมุนไพร "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งตับราคาพุ่ง
สมุนไพร "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งตับราคาพุ่ง
เปิดอ่าน 19,052 ครั้ง

รู้หรือไม่ สิทธิบัตรการออกแบบชิ้นแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ...
รู้หรือไม่ สิทธิบัตรการออกแบบชิ้นแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ...
เปิดอ่าน 16,578 ครั้ง

มาฝึกออกเสียง 40 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานกันเถอะ
มาฝึกออกเสียง 40 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานกันเถอะ
เปิดอ่าน 36,334 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ