แจ้งจับร้านโอเกะนั่ง3ชม.บิล3หมื่นบ.
อดีตนายตำรวจแทบล้มทั้งยืน เจอบิลค่าอาหาร 3 หมื่นบาท ลูกอมเม็ดละ 100 หลังพาแฟนสาวเที่ยวโอเกะ ริมถนนงามวงศ์วาน เหมาห้องร้องเพลงแค่ 3 ชั่วโมง โวยแพงเกินจริง กลับถูกวัยรุ่นล้อมยึดมือถือ-บังคับกดเงินจ่าย
(20 ต.ค.) เวลา 00.30 น.พ.ต.ท.สุรพล ขาวคม พนักงานสอบสวน (สบ.2)สน.ประชาชื่น รับแจ้งจาก ร.ต.ต.อัฎฐะพันธ์ ใจเที่ยง อายุ 42 ปี (อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ) บ้านเดิมเลขที่ 31 ต.แม่ปึม อ.เมือง จ.พะเยา และน.ส.อารีวรรณ สาธรรม อายุ 43 ปี แฟนสาวว่า เข้าไปกินอาหารที่คาราโอเกะแห่งหนึ่ง ริมถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ และถูกเรียกเก็บค่าอาหารแพงเกินราคากว่า 30,000 บาท สุดท้ายมีการตกลงกันได้เหลือ 16,000 บาท แถมถูกยึดโทรศัพท์มือถือไป 2 เครื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับทางร้านในข้อหาปล้นทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว
ร.ต.ต.อัฏฐะพันธ์ เปิดเผย ก่อนเกิดเหตุ ประมาณ 20.30 น. ตนพร้อมแฟนได้มาเที่ยวร้านคาราโอะเกะดังกล่าว โดยเปิดห้องร้องเพลงคาราโอะเกะ จากนั้นสั่งเหล้ายี่ห้อเรด เลเบิ้ล 1 ขวด และมีน้ำโซดา พร้อมเรียกเด็กให้เข้ามานั่งคุยด้วย 2 คน ก็นั่งดื่มกินกัน และร้องเพลงไปด้วย กระทั่งเวลา 23.30 น. ก็สั่งให้เก็บเงิน เมื่อพนักงานมาถึงก็ส่งบิลมาให้เมื่อดูบิลแทบเป็นลม เพราะบิลรวมทั้งหมดเป็นเงิน 30,000 บาท ตนบอกว่ามันแพงเกินไปนะ มีค่าเด็กที่มานั่งคุยด้วย เกือบ 10,000 บาท ค่าลูกอมอีก 300 บาท และคนที่มานั่งก็มาแค่ 2 คน ไม่เหมือนที่ลงบิลไว้ 7 คน และก็ไม่ได้มานั่งตลอด ไป ๆ มา ๆ นอกจากนี้ยังมีเด็กคนอื่นเข้ามานั่งด้วย
ร.ต.ต.อัฏฐะพันธ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางร้านมาบอกว่าจะลดราคาให้เหลือ 16,350 บาท ตนก็บอกว่ามีเงินแค่ 7,000 บาท จากนั้นก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนเข้ามาล้อมตน และพูดทำนองข่มขู่ว่า ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็อย่าหวังจะได้ออกจากร้านโดยสวัสดิภาพเลย แล้วก็ได้ทำการยึดโทรศัพท์มือถือ ของตนไป 2 เครื่อง และบังคับให้ตนไปกดเงินเอทีเอ็มหน้ากสิกรไทย ใกล้ ๆ ร้าน ตนกลัวจะถูกทำร้ายจึงได้ไปกดเงินมาให้อีก 8,000 บาท จึงออกมาจากร้านได้ แต่มีโทรศัพท์อีก 2 เครื่อง ยังไม่ได้คืนมา ตนจึงบอกว่า เดี๋ยวจะไปแจ้งความจนมาถึงที่ สน. ทางร้านได้ให้เด็กเอาโทรศัพท์มาคืน
จากการตรวจสอบบิลของร้านดังกล่าวพบว่า มีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ โดยมีค่าน้ำแข็ง 550 บาท ค่าผ้าเย็น 5 ผืน 200 บาท น้ำส้มจำนวน 26 แก้ว ราคา 3,900 บาท ค่าลูกอม 3 เม็ด ราคา 300 บาท และอื่น ๆ เป็นจำนวนเงิน 16,350 บาท
พ.ต.ท.สุรพล กล่าว่า จะสอบสวนอย่างละเอียด และดูว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดอะไร เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับร้านอาหารดังกล่าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร้านคาราโอเกะแห่งนี้ มักมีปัญหากับลูกค้าที่มาเที่ยวบ่อยมาก แทบทุกวัน และเมื่อหลายวันที่ผ่านมาได้มีกลุ่มวัยรุ่นเข้าไปใช้บริการ โดยมีค่าใช้จ่ายจำนวน 50,000 บาท จนต้องทิ้งรถบีเอ็มไว้เนื่องจากไม่มีเงินจ่าย และผู้ใช้บริการคนหนึ่งเข้าไปเที่ยวและถูกเก็บค่าอาหารแพง จนไม่มีเงินจ่ายจนต้องทิ้งจักรยานยนต์ไว้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นสพ.คมชัดลึก
http://solno07.exteen.com/20090821/entry-3