10 แบบไทยๆ ที่ไม่น่านิยม
Jay - 31 มีนาคม 2009
แบบไทยๆ 10 แบบนี้ คนไทยน่าจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เพราะไม่น่านิยมเอาซะเลย !
1. นัดแบบไทยๆ
ไปไหนก็ตาม ผิดนัดทุกที เจ้าภาพจะจัดงานอะไรมักจะนัดเผื่อเอาไว้ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงเสมอ นัยว่าถ้านัดพอดีเวลา คนก็ยังไม่มากัน ต้องเริ่มงานล่าช้า ต่อไปอีก เพื่อจะให้มากันพอดีๆ เลย ต้องนัดให้เร็วเข้าไว้ก่อน ประเพณีนี้ดูเหมือนจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ถ้าจัดงานกันในหมู่คนไทย ก็ไม่สู้กระไร แต่ถ้าเป็นงานที่มีชาวต่างประเทศมาร่วมงานด้วย ก็ได้ขายหน้าเขาทุกงานนั่นแหละ บางทีเจ้าภาพก็มาทีหลังแขก แล้วแทนที่จะขอโทษขอโพยกลับยิ้มแย้มแจ่มใจ อ้างว่า "นัดแบบไทยๆ" ซึ่งไม่เข้าท่าเลยจริงๆ เปลี่ยนค่านิยมแบบนี้กันเถอะ ประเทศจะได้เจริญรุดหน้าไปอีกเยอะเลย
2. ประชุมแบบไทยๆ
คือ ประชุมบ่อยมาก ประชุมนานเหลือเกิน และไม่ได้สาระจากการประชุม จะเห็นว่าคนไทยทุกวันนี้ โดยเฉพาะในหมู่นักธุรกิจ นักสังคมสงเคราะห์ มักจะมีเรื่องประชุมบ่อยมาก ประชุมกันเกือบทุกวัน บางวันตั้ง 3-4 งาน แล้วประชุมแต่ละงานนานมาก ตั้งครึ่งวันค่อนวัน สาเหตุก็มาจากข้อ 1(นัดแบบไทยๆ)นั่นแหละ ลงท้ายนึกว่าจะได้เรื่องได้ราวอะไรมากมาย ปรากฏว่าไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ บางทีกลับ "มีเรื่อง" เสียอีก ไม่ประชุมเสียยังดีกว่า ยังคุยกันได้บ้าง พอประชุมเสร็จโกรธกันไปเลย นี่แหละคนไทย ประชุมแบบไทยๆ ไม่สามารถแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ไม่สามารถทนได้เมื่อเห็นความคิดของตัวเอง ที่ประชุมเขาไม่เอาด้วย เห็นข้อแตกต่างระหว่างความคิดแบบไทยๆ กับความคิดที่เป็นสากลรึยังล่ะ
3. เล่นการเมืองแบบไทยๆ
ก็ซอยเท้าอยู่กับที่มานานมากแล้ว ยังไม่ไปไหนเลย โทษดินโทษฟ้า โทษดวงบ้านโทษดวงเมืองไปโน่น บ้างก็โทษรัฐธรรมนูญ โทษไปหมด ไม่มีใครโทษตัวเองเลย ก็โทษกันนัวเนียอยู่นี่แหละ มีบางคนบ่นว่า "การเมืองไทย ยิ่งเล่นยิ่งถอยหลังเข้าคลอง" คิดๆ ดูแล้ว เราอยู่ในคลองนี้มาหลายสิบปีแล้ว แล้วเราจะถอยหลังลงคลองได้ยังไงกันล่ะ นี่ล่ะนะ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เล่นการเมืองแบบไทยๆ
4. ทำงานแบบไทยๆ
ไม่อยากจะแยกว่าทำงานราชการหรืองานเอกชน ถ้าแบบไทยละก็ อืดอาด ยืดยาด เช้าชามเย็นชาม อย่างที่เขาว่า แต่ถ้าเทียบกันจริงๆ แล้ว ราชการมักเป็นอย่างนี้เสียมากกว่า เพราะเอกชนถึงจะเป็นบ้าง นายจ้างเขาไม่ปล่อยเอาไว้นาน ถ้าเขาจะแกล้งปล่อยลูกน้องให้ทำอย่างนั้น ก็แปลว่าเขากำลังจะเลิกธุรกิจนั้นแล้ว ก็เลยปล่อยให้อยู่ไปวันๆ หนึ่ง รอวันตาย หรือเปลี่ยนเจ้าของ พูดอย่างนี้อาจแสลงใจข้าราชการ เพราะว่ากันจริงๆ แล้ว ณ เวลา 8.30 น. มีข้าราชการทั่วประเทศพร้อมที่จะทำงานร้อยละเท่าไร ณ เวลา 13.00 น. มีข้าราชการรับประทานอาหารเสร็จพร้อมจะทำงานต่อร้อยละเท่าไร และเมื่อเวลา 16.30 น. มีข้าราชการยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนร้อยละเท่าไร ใครตอบได้บ้าง !
5. รัฐวิสาหกิจแบบไทยๆ
เห็นจะไม่ต้องยกตัวเลขกำไร ขาดทุน ของรัฐวิสาหกิจไทยแต่ละแห่งให้ดูหรอกนะ สรุปว่าขาดทุนกันเกือบถ้วนหน้า มีกำไรอยู่บ้างไม่กี่แห่ง พอรักษาหน้ารัฐบาลไทย และไม่เคยมีผู้ใหญ่ยุคใดที่ลงมือแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ล้วนแต่ลูบหน้าปะจมูก บางทีก็กลับกลายเป็น "สร้างปัญหาใหม่" ขึ้นมา แทนที่จะแก้ปัญหา
6. ค้าขายแบบไทยๆ
เปล่านะ ไม่ได้หมายถึงหาบเร่ แผงลอย ที่ถูกตำรวจไล่จับราวกับวัวกับควายหรอกนะ แต่หมายถึงการค้าขายในระดับประเทศ เราเอาคนมีฝีมือระดับไหนมาทำงานด้านนโยบายการค้าต่างประเทศ สินค้าของเราหลายอย่างมีคุณภาพดี เป็นที่นิยมของตลาดต่างประเทศ ทั้งประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงและโพ้นทะเล แต่เราทันเขาไหม ทั้งไหวพริบปฏิภาณและข้อมูลทางการตลาด และเราจะต้องทนขาดดุลการค้าแบบนี้ไปอีกกี่ร้อยกี่พันปี
7. ขับรถแบบไทยๆ
มีนักทัศนาจรชาวต่างประเทศคนหนึ่ง ไปเขียนลงแมกกาซีนในต่างประเทศว่า ถ้าใครสามารถขับรถในกรุงเทพฯ ได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุแล้ว เขาสามารถขับรถได้ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกวัน รถชนคนตายทุกวัน เรื่องฝ่าสัญญาณไฟจราจร ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ทั่วโลกนี้เขาตกลงกันว่า "ไฟเขียวแปลว่า ไปได้ ไฟเหลืองแปลว่า เตรียมตัวหยุด และไฟแดงแปลว่า ต้องหยุดทันที" แต่ของไทยเรานี่ "ไฟเขียวแปลว่าไปได้ ไฟเหลืองแปลว่าให้รีบไปด่วน ไฟแดงแปลว่าอยากไปก็ไปได้ (วะ)" แล้วมันจะไปเหลืออะไร นี่แหละ ขับรถแบบไทยๆ
8. เลี้ยงลูกแบบไทยๆ
การเลี้ยงเด็กบ้านเรา หาความพอดียาก บางคนก็เลี้ยงลูกให้ลูกเดินตกท่อ บางคนก็เลี้ยงแบบให้ขี่คอตลอดเวลา ก็มีข่าวอยู่เสมอๆ แม่เดินนำหน้า ปล่อยให้ลูกอายะ 3 ขบเดินตามหลังห่าง 2 ไฟฟ้า ลูกตกท่อ กทม. ตายไปแล้ว จนรุ่งเช้ายังไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน อย่างนี้เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่โตหรอกนะ ตายเสียก่อน แต่บางคนก็เลี้ยงลูกแบบทะนุถนอมเหลือเกิน ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ลูกเดินชนเสาร้องไห้ แม่ก็ไปตีเสา ลูกเหยียบชามข้าวหกล้ม แม่ก็ไปตีชาม ลงท้ายลูกเลยรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ผิดเลย คนอื่นผิดอยู่เรื่อย เด็กบางคนอายุ 6 ขวบแล้ว ไปโรงเรียนอนุบาล มีคนใช้หิ้วกระเป๋าเดินตาม เห็นแล้วอยากจะถามว่า ถ้าเด็กคนนั้นแกหิ้วกระเป๋าเองไม่ได้ แล้วโตขึ้นแกจะหิ้วอนาคตได้อย่างไร
9. แต่งงานแบบไทยๆ
ก็เลี้ยงช้างนะซีงานนี้ ในชนบทก็เลี้ยงกันสามวันสามคืน ในกรุงก็ต้องฉลองกันบนโรงแรมหรูๆ ออการ์ด 3,000 ใบ ลงหนังสือพิมพ์ต่างหากอีก เสร็จแล้วอยู่กันไม่กี่วันเลิกกันเสียแล้ว !!! บางคนไปกู้เงินเขามาแต่งงาน ดอกร้อยละ 20 พอแต่งงานเสร็จต้องมานั่งใช้หนี้เขาต่อไป ขาดความเจียมเนื้อเจียมตัว ขาดความพอดี นี่ไม่ได้ว่าหมดทุกงานนะ เห็นเป็นบางงานอ่ะ ที่พอดีๆ ก็มีเยอะจ้า
10. กินเลี้ยงแบบไทยๆ
เดี๋ยวนี้กลายเป็นประเพณีอีกอย่างหนึ่งในสังคมไทยเสียแล้ว จะทำอะไรก็ต้องจัดงานเลี้ยง วันเกิด เปิดป้าย แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ตรุษไทย ตรุษจีน ตรุษแขก ตรุษฝรั่ง เลี้ยงรุ่น เลี้ยงรับ เลี้ยงลา เลี้ยงเกษียณอายุ ฯลฯ ยิ่งรุ่นไหนมีคนดัง ยิ่งต้องจัดเลี้ยงถ่ายรูปลงหน้าสีหนังสือพิมพ์ให้ได้ มิฉะนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวอยู่รุ่นเดียวกับคนดัง เข้าทำนอง "กินเลี้ยง กินเหลา กินเหล้า กินเหลือ" จะเรียกว่ากินกันให้ตายไปข้างหนึ่งก็ว่าได้ เรียกว่า กินแบบไทยๆ นั่น
แหล่งที่มา : http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=515043&Ntype=128
อาหารไม่ดี 10 อย่าง
ที่มา : อ้างอิงจาก FWmail
10 วิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณ
ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่า
คุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก
คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคน
อย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ
การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง
สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทาย
รู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำ
ชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?
จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียด
เมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง
เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้
4. มีนิสัยง่ายๆ
นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ
มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่
ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ
คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด
ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสา
ใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่า
ตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด
5. อย่าอวดตัวเอง
จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใคร
อยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่อง
เขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ
(คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า
6. จงมีนิสัยร่าเริง
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด"
ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ
ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย
7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสา
การกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา
จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี
รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิด
หรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ
จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจ
ให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ
8. ทิ้งมันไป นิสัยเสียๆ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่อง
อยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้
เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่น
ตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น
อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม
9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง
น่าประหลาด คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก
ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ
ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา
ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า
“ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย”
10. ชมเชยให้เป็น
อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่ง
ใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น
หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน
ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ
ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย
พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง
ที่มา : จาก fw. เมลล์ เจ้าค่ะ
|
|
|
อาหารมงคล 10 อย่าง สำหรับบ่าวสาว
ตามธรรมเนียมจีนในวันส่งตัวคืนที่เจ้าบ่าวไปรับเจ้าสาว ก่อนจะพาอออจากบ้านอาจมีการตั้งโต๊ะให้คู่บ่าวสาวกินอาหารมงคล 10 อย่าง เป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวมีความสุข อาหารทั้ง 10 อย่างที่รับประทานรวมกันนั้นประกอบไปด้วย…
วุ้นเส้น หรือเส้นหมี่ หมายถึง ให้รักกันนานๆ และมีอายุยืนยาว
เห็ดหอม หมายถึง ให้ขีวิตคู่มีแต่ความหอมหวาน
ผักกุ๋ยช่าย หมายถึง ให้รักกันยั่งยืนนาน
ผักเกาฮะไฉ่ มีนัยสื่อถึง "ฮัวฮะ" ซึ่งเป็นเซียนคู่ที่รักกันมาก "ฮัวฮะ"” จึงมีความหมายให้รักใคร่ปรองดองกัน
หัวใจหมู หมายถึง ให้รักกันเป็นใจเดียว
ไส้หมู และกระเพาะหมู ซึ่งไส้หมูคือ ตึ๊ง กระเพาะหมูคือ โต้ว รวมกันเป็นภาษามงคลว่า "อั่วตึ๊งอั่วโต้ว" หมายความว่าให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หมายถึงการปรับตัวเข้าหากัน นิสัยใดที่ไม่ดีก็ให้เปลี่ยนเป็นนิสัยที่ดี เพื่อให้คู่ครองได้มีความสุขและรักกันยืนยาว
ตับหมู เป็นนัยสื่อถึงความก้าวหน้ารุ่งเรือง
ปลา แปลว่าให้มีเหลือกินเหลือใช้ คือมีมากมาย ร่ำรวยจนกินใช้ไม่หมดนั่นเอง
ปู เมื่อต้มแล้วเป็นสีแดงมงคล และตัวปูเดินเร็ววิ่งเร็ว เป็นการอวยพรคู่บ่าวสาวให้ทำอะไรได้คล่องแคล่วว่องไว ขยันทำมาหากิน ทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี