ตัวอย่างนิทานวีรบุรุษ
เรื่อง กำพร้าขี้เฮื้อน
เมืองนครศรี มีพระยาพรหมทัตเสวยราชสมบัติ มีมเหสีชื่อพระนางปัสสวดี
ที่ริม เมืองนครศรี มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่มีอาชีพขอทาน ขณะนั้นภรรยากำลังตั้งครรภ์ เมื่อครบกำหนด นางคลอดลูกออกมาเป็นชาย มีรูปร่างผิวพรรณน่าเกลียดผิดมนุษย์ ดุจดัง เป็นขี้เรื้อน อีกทั้งตัวดำด้วย ต่อมาไม่นานบิดามารดาก็ตายจากไป ท้าวจึงได้ชื่อว่า “กำพร้า ขี้เฮื้อน” เมื่อไม่มีญาติพี่น้องท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนจึงไปอาศัยอยู่กับย่าจำสวนซึ่งเป็นคนเฝ้าสวน ให้พระยาพรหมทัต
กล่าวถึงเมืองพารา เป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลจากเมืองอื่นมาก ผู้มีบุญเท่านั้นจึงจะเดินทาง ไปถึง เมืองพารามีกษัตริย์ปกครองชื่อพระเจ้ากาบัง มีพระธิดาผู้มีสิริโฉมงดงามมากและมีวาจาสิทธิ์ ชื่อนางน้อยลิ้นยำ เจ้าเมืองหลายเมืองล้วนหมายปอง ต่างยกทัพมาตีหวังแย่งชิงนางไปเป็นมเหสีทั้งสิ้น แต่เนื่องจากนางมีวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์เจ้าเมืองเหล่านั้นจึงพ่ายแพ้กลับไป
ฝ่ายเมืองนครศรีนั้นนางปัสสวดี ได้ประสูติพระธิดาองค์หนึ่งมีรูปโฉมงดงามมาก ชื่อบัวลอย เมื่อเจริญวัยจึงสร้างปราสาทเสาเดียวให้อยู่ แล้วให้ประชาชนไปนอนเฝ้าและถ้าใครฝันดีพระยาพรหมทัตก็จะประทานรางวัลให้ ท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนได้ไปนอนเฝ้าด้วยและฝันว่า ตนเดินเข้าป่าได้พบคนผู้หนึ่งมีความสามารถพาไปปราบเมืองเมืองหนึ่ง แล้วได้เป็นกษัตริย์ ได้มเหสีผู้มีความงามมีวาจาสิทธิ์ เมื่อท้าวกำพร้าทูลพระยาพรหมทัต ๆ กริ้วมาก สั่งให้ท้าวไปหาตามความฝันมาให้ดูถ้าไม่ได้ต้องถูกประหารชีวิต ท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนออกเดินทางโดยเป่าขนเป็ดอ่อนนำทาง พอเดินทางไปถึงต้นไทรใหญ่มีโพรงอยู่โคนต้นพอดีคนนอนได้บริเวณนั้นเป็นที่นอนของพระยาฉัททันต์และบริวารเทวดาเอาขนเป็ดท้าวกำพร้าไปทิ้ง ท้าวจึงไม่รู้จะเดินทางต่อไปทางไหนจึงหยุดนอนในโพรงไม้นั้น ตกกลางคืนพระยาฉัททันต์กับบริวาร ก็กลับมานอนที่พักนั้น ท้าวกำพร้าหลับและฝันว่าถ้าอยากไปเมืองพาราให้กวาดมูลช้าง ให้สะอาด ท้าวก็ปฏิบัติตามอยู่ 7 วัน พระยาช้างจึงถามว่าท้าวประสงค์สิ่งใด และได้พาไปที่เมืองพาราตามประสงค์ ท้าวกำพร้าส่งสารถึงพระยากาบังเพื่อขอนางน้อยลิ้นยำ พระยากาบัง กริ้วมากจึงให้ทหารขับไล่แต่ถูกพระยาฉัททันต์ไล่ฆ่าตายหมดบ้านเมืองถูกทำลาย พระยากาบัง จึงยกนางน้อยลิ้นยำพร้อมเมืองพาราให้แก่ท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนครอบครอง ต่อมานางน้อยลิ้นยำจึงเปล่งวาจาสิทธิ์ให้ทุกอย่างคืนสภาพดังเดิม
กำพร้าขี้เฮื้อนถอดคราบออก มีรูปโฉมงามยิ่งนัก จึงเข้าหานางน้อยลิ้นยำ นางตกใจมาก ท้าวจึงเล่าความเป็นมาให้ฟังทั้งสองก็รักกัน พระยากาบังจัดงานอภิเษกให้สมเกียรติ และนางน้อยลิ้นยำนำคราบกำพร้าขี้เฮื้อนไปเผาไฟทิ้ง พระยากาบังและประชาชนต่างชื่นชมในรูปโฉมที่แท้จริง และให้ครองเมืองต่อจากพระยากาบัง
ไม่นานท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนก็ขอลากลับเมืองนครศรีมีนางน้อยลิ้นยำตามเสด็จด้วยพร้อมเหล่าเสนาอามาตย์ขบวนช้างฉัททันต์ พระยาพรหมทัตทราบเรื่องก็ยกทัพมาต่อสู้แต่ก็พ่ายแพ้เพราะวาจาสิทธิ์ของนางน้อยลิ้นยำ จนในที่สุดพระยาพรหมทัตถูกดินสูบเพราะอยากได้นางน้อยลิ้นยำมาเป็นมเหสี ไพร่ฟ้าเมืองนครศรีจึงทูลเชิญท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนเป็นกษัตริย์พร้อมทั้งมอบนางบัวลอยธิดาพระยาพรหมทัตเป็นมหสีอีกองค์หนึ่ง ท้าวกำพร้าขี้เฮื้อนและพระมเหสี ทั้งสองจึงครอบครองเมืองจวบจนสิ้นอายุ