ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เงินบาปจะนำไปใช้ในชีวิตของเราได้ไหม ?


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,152 ครั้ง
Advertisement

เงินบาปจะนำไปใช้ในชีวิตของเราได้ไหม ?

Advertisement

❝ การสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ศานติและความเมตตาจงประสบแด่ท่านนบีมุฮัมมัด บรรดาสาวกของท่าน และผู้ปฏิบัติตนตามแนวทางของท่าน ในการบันทึกของท่านอิมามบุคอรียฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริง อัลลอฮฺจะไม่ทรงยึดความรู้จากกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด โดยยึดความรู้จากหัวใจของผู้รู้ดอก แต่ทว่าพระองค์จะทรงยึดความรู้จากกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด ด้วยการยึดชีวิตของผู้รู้ จนกระทั่งจะไม่เหลือซึ่งผู้รู้สักคนหนึ่ง บรรดามนุษย์ทั้งหลายก็จะยึดผู้โง่เขลางมงายเป็นหัวหน้า พวกเขา(ผู้โง่เขลา)จะให้คำชี้ขาด(ในเรื่องศาสนา)โดยไร้ความรู้ พวกเขาจึงหลงผิดและจะทำให้ผู้อื่นหลงผิดไปด้วย? สภาพที่ถูกระบุในหะดีษนี้เป็นสภาพที่น่าสังเกตในสังคมปัจจุบัน ไม่กล่าวถึงเรื่องปลีกย่อยลึกลับหรือคลุมเครือ แต่พูดถึงกรณีปัญหาที่ใหญ่โตชัดเจนและมีคำชี้ขาดอยู่แล้ว ❞  

เงินบาปจะนำไปใช้ในชีวิตของเราได้ไหม ?

 

การสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ศานติและความเมตตาจงประสบแด่ท่านนบีมุฮัมมัด บรรดาสาวกของท่าน และผู้ปฏิบัติตนตามแนวทางของท่าน

                ในการบันทึกของท่านอิมามบุคอรียฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า แท้จริง อัลลอฮฺจะไม่ทรงยึดความรู้จากกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด โดยยึดความรู้จากหัวใจของผู้รู้ดอก แต่ทว่าพระองค์จะทรงยึดความรู้จากกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด ด้วยการยึดชีวิตของผู้รู้ จนกระทั่งจะไม่เหลือซึ่งผู้รู้สักคนหนึ่ง บรรดามนุษย์ทั้งหลายก็จะยึดผู้โง่เขลางมงายเป็นหัวหน้า พวกเขา(ผู้โง่เขลา)จะให้คำชี้ขาด(ในเรื่องศาสนา)โดยไร้ความรู้ พวกเขาจึงหลงผิดและจะทำให้ผู้อื่นหลงผิดไปด้วยสภาพที่ถูกระบุในหะดีษนี้เป็นสภาพที่น่าสังเกตในสังคมปัจจุบัน ไม่กล่าวถึงเรื่องปลีกย่อยลึกลับหรือคลุมเครือ แต่พูดถึงกรณีปัญหาที่ใหญ่โตชัดเจนและมีคำชี้ขาดอยู่แล้ว

                ครั้งนี้ ผมจะพูดกับพี่น้องถึงปัญหาหนึ่งในสังคม เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่ทุกคนในสังคมยังมองไม่เห็นซึ่งสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรม ความดีกับความชั่ว หรือศรัทธากับปฏิเสธ ปัญหานี้คือการใช้ทรัพย์สินโดยมิชอบตามหลักศาสนา อันเป็นเรื่องเก่าแก่ที่พี่น้องอาจได้ยินมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้การใช้ทรัพย์สินหะรอมกลายเป็นระบบหรือเป็นกติกา โดยมีการรณรงค์ให้สังคมมุสลิมถนัดกับทรัพย์สินหะรอม (หมายถึง ไม่รังเกียจและไม่รู้สึกว่าผิดที่จะใช้) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างวิชาการศาสนาอิสลามและการปกครองบ้านเมือง จึงจะทำให้มีผลที่ร้ายแรงต่อหลักจริยธรรมของมุสลิม

                พี่น้องคงเคยได้ยินเรื่องสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ซึ่งยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในหน่วยงานรัฐบาลและข้าราชการอย่างมากมาย กองทุนนี้ถูกนำมาจากภาษีสุราและยาสูบ โดยมีนโยบายจากรัฐบาลและสถาบันบริหารสังคมมุสลิม ที่จะให้ชาวมุสลิมในประเทศไทยพร้อม(ทางจิตใจ)ที่จะรับเงินสนับสนุนก้อนนี้ไปใช้ในกิจกรรมของสังคมมุสลิม ซึ่งผมมองเห็นว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวง และจำเป็นต้องนำมาพูดกับพี่น้องในครั้งนี้

                ปัญหากองทุน สสส. มิใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดในสังคมของเรา หากเป็นผลร้ายที่เกิดจากการที่สังคมมุสลิมไม่ตระหนักในจุดยืนและอุดมการณ์ของอิสลามตั้งแต่แรก ซึ่งจะมองว่าเป็นปัญหาที่มันสะท้อนจากตัวเราเองที่มีความจำเป็นต้องศึกษาและเคร่งครัดกับหลักการยิ่งขึ้น และยังมีเรื่องการเมือง(ในประเทศและต่างประเทศ) และเรื่องอิทธิพลของศัตรูอิสลามที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้อย่างชัดเจน

                ก่อนที่ผมจะชี้แจงในเรื่องกองทุน สสส. ขอนำเสนอซึ่งอุดมการณ์และเหตุผลที่มุสลิมต้องตระหนักอย่างมั่นคงดังต่อไปนี้

1. คำชี้ขาดในหลักการอิสลามต้องอาศัยหลักฐานจากอัลกุรอาน ซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรืออิจญฺมาอฺ(การลงมติเอกฉันท์ในคณะนักปราชญ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งมีน้ำหนักเท่าเทียมกับพระดำรัสในอัลกุรอานและหะดีษ) หากไม่มีหลักฐานข้างต้นก็ต้องใช้การวินิจฉัยด้วยหลักการทั่วไปของศาสนบัญญัติแห่งอัลอิสลาม โดยประกอบด้วยการยึดมั่นในเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของบทบัญญัติต่างๆ

2. มุสลิมเชื่อมั่นว่าชีวิตของเขาย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า อันเป็นสภาพที่จะทำให้เขาต้องคำนึงถึงพระบัญชาแห่งพระเจ้าอยู่เสมอ และจะทำให้ชีวิตของมุสลิมนั้นขึ้นอยู่กับหลักกฎหมาย จริยธรรม และศีลธรรมแห่งอิสลาม

3. เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างนักปราชญ์ จำเป็นต้องให้คำชี้ขาดและน้ำหนักอยู่กับฝ่ายที่มีหลักฐานจากศาสนบัญญัติ

4. สิ่งใดที่จะทำลายหลักศรัทธา หลักศีลธรรม อุดมการณ์ของมุสลิม และความมั่นคงของสังคม มุสลิมจำเป็นต้องประกาศความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามความชั่ว อันเป็นบทบาทของประชาชาติอัลอิสลาม และเป็นคุณสมบัติของมุสลิมทุกคน

5. ผู้มีสิทธิในการให้คำชี้ขาด(ฟัตวา)ต้องมีคุณสมบัติ 2 ประการที่สำคัญคือ

1 มีความรู้ด้านวิชาการศาสนารวมทั้งภาษาอาหรับ นิติศาสตร์ และวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และเอื้ออำนวยให้การวินิจฉัยนั้นไปตามกระบวนการของอิจญฺติฮาด(คือการวินิจฉัยในตัวบท)

2 มีความรู้เกี่ยวกับกรณีหรือวาระหรือเหตุการณ์ที่กำลังวินิจฉัยอย่างละเอียด(ฟิกฮุลวาเกียะอฺ) ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญเพื่อให้คำชี้ขาด(ฟัตวา)สอดคล้องกับความเป็นจริง

จากห้าประการดังกล่าว ผมขอนำเสนอข้อมูล(ที่เป็นความจริง)เกี่ยวกับกองทุน สสส. เพื่อเป็นการเริ่มวินิจฉัยเรื่องนี้ให้ตรงประเด็น ดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยมิใช่ประเทศมุสลิม แต่เป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมส่วนน้อยอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย โดยมีสิทธิหน้าที่ถูกระบุในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2545 และประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้กฎหมายอิสลาม มุสลิมจึงต้องประสบปัญหาเมื่อกฎหมายไทยไม่ตรงกับกฎหมายอิสลาม แต่ตามหลักศาสนาอิสลามหากเป็นข้อบังคับที่จำเป็นต้องปฏิบัติ(ถ้าไม่ปฏิบัติอาจประสบความเสียหายทางศาสนา ชีวิต ครอบครัว ทรัพย์สมบัติ) ก็อนุโลมให้กระทำโดยไม่มีโทษ

2. รัฐบาลมีนโยบายบางประการที่ไม่ตรงกับหลักการศาสนาอิสลามอยู่แล้ว เช่น การส่งเสริมการค้าบางประเภทที่ไม่อนุมัติตามหลักศาสนาอิสลาม อาทิเช่น การค้าสุรา หรือการท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมชั่วร้ายในทัศนะอิสลาม แต่รัฐธรรมนูญและกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาลจะไม่บังคับประชาชนให้เลือกสิ่งที่ประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นความชั่วร้าย ดังนั้น มุสลิมทุกคนในประเทศไทยมีทางเลือกในกรณีดังกล่าว

3. รัฐบาลตระหนักในผลอันตรายของอบายมุขที่มีอยู่ในสังคม อาทิ ยาสูบ สุรา ยาเสพติด การค้าประเวณี จึงมีวิถีทางหลายรูปแบบที่จะขจัดสิ่งดังกล่าว แต่บางรูปแบบอาจไม่สอดคล้องกับความถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม

4. รัฐบาลได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับภาษี ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 ให้ตั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งในพระราชบัญญัติได้ระบุว่า แหล่งเงินทุนหลักของ สสส. มาจากเงินบำรุงที่รัฐจัดเก็บจากผู้ผลิตและนำเข้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่ต้องชำระ

5. กองทุนของ สสส. เป็นส่วนภาษีที่ถูกแยกอย่างชัดเจนโดยมีพระราชบัญญัติและระเบียบข้อบังคับที่จะควบคุมการบริหารเงินก้อนนี้ ซึ่งลักษณะของกองทุน สสส. มีความชัดเจนตามกฎหมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถกล่าวหาหรือบิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะดังกล่าว

จากข้อมูลข้างต้นเราสามารถชี้ขาดว่า กองทุนของ สสส. เป็นกองทุนที่มี 2 ลักษณะ

1.       เป็นภาษี

2.       เป็นส่วนรายได้ที่มาจากสุราและยาสูบ

จากสองลักษณะดังกล่าวที่พิสูจน์แล้วว่าสอดคล้องกับความเป็นจริง คำถามที่จะเกิดตามมาคือ กองทุนของ สสส. ซึ่งมีลักษณะดังกล่าวนั้น มุสลิมสามารถนำเอามาใช้ในกิจกรรมส่วนตัว ส่วนรวม หรือกิจกรรมศาสนา ได้หรือไม่

คำตอบก็จะแบ่งเป็น 4 หัวข้อที่สืบเนื่องกัน

1.       รายได้หรือเงินหรือทรัพย์สมบัติที่หะรอมไม่อนุญาตให้มุสลิมใช้เป็นอันขาด

2.       การเก็บภาษีเป็นที่อนุมัติในหลักการศาสนาอิสลามหรือไม่

3.       รายได้จากสุรา ยาสูบ หรืออบายมุขต่างๆ เป็นรายได้หะล้าลหรือหะรอม

4.       มีทางออกหรือทัศนะใดที่อนุมัติให้ใช้กองทุนดังกล่าวหรือไม่

 

ประการที่ 1

รายได้หรือเงินหรือทรัพย์สมบัติที่หะรอมไม่อนุญาตให้มุสลิมใช้เป็นอันขาด

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าศาสนาอิสลามห้ามบริโภคและใช้ทรัพย์สินที่มาจากแหล่งต้องห้าม แม้จะเป็นรายได้ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม หรืออื่นๆ ซึ่งมีหลักฐานดังต่อไปนี้

1. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดีๆของสิ่งที่พวกเจ้าได้แสวงหาไว้ และจากสิ่งที่เราได้ให้ออกมาจากดินสำหรับพวกเจ้า และพวกเจ้าอย่ามุ่งเอาสิ่งที่เลวจากมันมาบริจาค ทั้งๆที่พวกเจ้าเองก็มิใช่จะเป็นผู้รับมันไว้ นอกจากว่าพวกเจ้าจะหลับตาในการรับมันเท่านั้น และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ[1] สิ่งดีๆ หมายถึง สิ่งหะล้าล

2. และ(นบีมุฮัมมัด)จะอนุมัติให้แก่พวกเขา(ประชาชาติ)สิ่งที่ดีๆทั้งหลาย และจะให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขาซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย[2]

3. ในการบันทึกของอัลบุคอรียฺและมุสลิม รายงานโดย อันนุอฺมาน อิบนุบะชีร            จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า แท้จริงสิ่งหะล้าลมีความชัดเจนแล้ว และสิ่งหะรอมก็มีความชัดเจน(เช่นเดียวกัน) และระหว่างหะล้าลกับหะรอมจะมีสิ่งคลุมเครือ มนุษย์ส่วนมากจะไม่รู้ ใครที่สำรวมตนจากข้อคลุมเครือนั้นก็จะทำให้ศาสนาและชื่อเสียงของเขามีความบริสุทธิ์ และใครที่ตกอยู่(กระทำ)ข้อคลุมเครือ ก็จะตกอยู่(กระทำ)สิ่งหะรอม หะดีษบทนี้มิได้ห้ามแต่เพียงสิ่งหะรอมชัดเจน แต่ยังห้ามสิ่งที่คลุมเครือด้วย

ท่านอิมามอบูฏอลิบ อัลมักกียฺ ได้กล่าวในหนังสือกูตุลกุลูบว่า การค้าและอาชีพทุกชนิดที่บ่าวของอัลลอฮฺจะฝืนพระบัญญัติแห่งคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะฮฺ ก็มิใช่การค้าหรืออาชีพที่หะล้าล ถึงแม้ว่าชื่อ(หะล้าล)จะปรากฏ เพราะเนื้อหาของชื่อที่ถูกต้องไม่ปรากฏ 

 

ประการที่ 2

การเก็บภาษีเป็นสิ่งที่อนุมัติในหลักการศาสนาอิสลามหรือไม่

                การเก็บภาษีโดยอยุติธรรมถือเป็นสิ่งที่ต้องห้าม ท่านอิมามอิบนุฮัซมฺ[3] ได้กล่าวว่า และมีเอกฉันท์ว่าจุดเก็บภาษีตามทางเดิน หรือหน้าประตูเมืองต่างๆ หรือที่ถูกเก็บตามตลาดต่างๆ จากสินค้าที่ถูกนำมาโดยผู้เดินทางหรือพ่อค้า ถือเป็นความอธรรมอย่างมหันต์ สิ่งต้องห้ามและเป็นการฝ่าฝืนต่อหลักการ และในฮาชีญะตุลบิเญรมี(มัซฮับชาฟิอียฺ)[4] มีคำกล่าวว่า สำหรับอัลอะการิอฺ(อาหารชนิดหนึ่ง)ที่ถูกเก็บเป็นภาษีในปัจจุบันนี้(สมัยท่านบิเญรมี) ทัศนะที่เที่ยงธรรมคือต้องห้าม(เป็นหะรอม) และในหนังสืออัลอัชบาฮุวันนะซออิรุ ฟีเกาะวาอิดิ วะฟุรูอิ ฟิกฮิชชาฟิอียะติ ของอิมามสะยูฏียฺ หน้า 105 ท่านอิมามสะยูฏียฺได้ระบุกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการวินิจฉัยให้คำตัดสินสำหรับผู้วินิจฉัย ซึ่งมีสำนวนว่า อิซัจตะมะอะ อัลหะลาลุวัลหะรอมุ ฆอละบัลหะรอม หมายความว่า ถ้าทรัพย์สินหะล้าลรวมกับทรัพย์สินหะรอม ทรัพย์สินหะรอมจะมีน้ำหนักมากกว่า ท่านอิมามสะยูฏียฺได้รายงานจากคำชี้ขาดของอิมามนะวะวียฺดังต่อไปนี้ ถ้าผู้เก็บภาษี(โดยอยุติธรรม)จากคนหนึ่งคนใดได้ยืมเงินจำนวนหนึ่งและนำไปปะปนกับเงินภาษี(ที่เป็นความอธรรม) และได้คืนเงินยืมที่ถูกปะปนแล้ว ไม่อนุมัติให้ใช้เงินภาษีดังกล่าวจนกระทั่งต้องคืนแก่เจ้าของเงินจำนวนนั้น และในฟะตาวาอิบนิศศ่อลาฮฺ มีฟัตวาดังต่อไปนี้ หากเงินจำนวนหนึ่งที่เป็นเงินหะล้าลถูกปะปนด้วยเงินหะรอม และไม่สามารถรู้จำนวนเงินที่หะรอม วิธีปฏิบัติคือการจำแนกจำนวนเงินหะรอมด้วยเจตนาแบ่งสัดส่วนและใช้ส่วนเหลือ(หมายถึงไม่อนุญาตให้ใช้เงินหะรอม) และในหนังสืออิหฺยาอุอุลูมิดดีนของอิมามฆอซาลียฺมีคำกล่าวดังนี้ หากเมืองหนึ่งเมืองใดมีเงินหะรอมจำนวนมาก(ถูกปะปนกับเงินหะล้าล ไม่เป็นที่ต้องห้ามซึ่งการค้า(การซื้อการขาย) แต่ทว่าใช้เงินดังกล่าวได้ เว้นแต่กรณีที่เงินหะรอมนั้นมีลักษณะชัดเจน(ว่าเป็นเงินหะรอม)ก็ไม่อนุญาตให้ใช้ จากคำกล่าวของผู้รู้ที่ระบุข้างต้น ซึ่งเป็นบรรดานักปราชญ์ในมัซฮับชาฟิอียฺทั้งสิ้น จะเห็นว่าทรัพย์สินที่มีลักษณะหะรอมแล้ว ไม่อนุญาตให้นำมาใช้เป็นอันขาด

ในมัซฮับอิมามอบูหะนีฟะฮฺ อิมามมาลิก และอิมามอะหมัด ก็มีคำชี้ขาดเกี่ยวกับเรื่องภาษีที่ อยุติธรรมเช่นที่ระบุข้างต้นจากมัซฮับชาฟิอียฺ

                ตามข้อมูลที่ผมได้นำเสนอเกี่ยวกับกองทุน สสส. พี่น้องมุสลิมย่อมจะตระหนักว่าภาษีที่ถูกเก็บจากสุราและยาสูบ นอกจากจะเป็นภาษีที่ถูกเก็บโดยอยุติธรรมแล้ว ยังเป็นภาษีที่ถูกเก็บจากรายได้สินค้าที่ต้องห้ามตามหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งจำเป็นต้องปราบปรามการค้าสุราและยาสูบ มิใช่ส่งเสริมหรืออนุโลม และการใช้ภาษีดังกล่าวถือว่าเป็นการยอมรับในระบบการเก็บภาษีจากสินค้าดังกล่าว ซึ่งไม่มีข้อบังคับที่จะให้มุสลิมต้องใช้กองทุนนี้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า กองทุน สสส. เป็นส่วนภาษีหะรอมตามหลักการศาสนาอิสลาม เราจำเป็นต้องปฏิเสธและออกห่าง เพื่อปกป้องสังคมมุสลิมให้ปราศจากมลทินและข้อห้ามต่างๆ

 

ประการที่ 3

รายได้จากสุรา ยาสูบ หรืออบายมุขต่างๆ เป็นรายได้หะล้าลหรือหะรอม

                สุรากับยาสูบตามหลักศาสนาอิสลามและกฎหมายบ้านเมือง เป็นอบายมุขที่ขัดกับศีลธรรมทุกศาสนา ตามสถิติอุบัติเหตุและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากสุราและบุหรี่มีข้อมูลที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่ามันนำความหายนะมาสู่ประชาชน จึงไม่มีข้อแคลงใจว่าเป็นสินค้าที่ต้องถูกต่อต้านโดยทั่วไป และในคัมภีร์อัลกุรอานก็มีคำสั่งใช้ให้ต่อต้านสิ่งเหล่านี้ ในซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 90 ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ที่จริงสุราและการพนัน และแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ และการเสี่ยงติ้วนั้น เป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสีย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ คำว่า ฟัจญฺตะนิบู ในอายะฮฺนี้ถูกแปลว่า จงห่างไกลจากมันเสีย ซึ่งเป็นคำสั่ง(อัมรฺ) และคำสั่งในอัลกุรอานย่อมมีความจำเป็นต้องปฏิบัติ เพราะฉะนั้น การเกี่ยวข้อง บริโภค หรือใช้กองทุน สสส. ถือว่าขัดคำสั่งของอัลกุรอาน ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นที่จะบังคับสังคมมุสลิมให้ใช้กองทุนดังกล่าว  และยังเป็นกองทุนที่จะทำลายจุดยืนอันเข้มแข็งของสังคมมุสลิมเกี่ยวกับอบายมุขที่มีอยู่ในสังคมไทย ซึ่งตลอดประวัติศาสตร์สังคมมุสลิม บรรพบุรุษและนักปราชญ์อิสลามได้สร้างชื่อเสียงและจุดยืนต่ออบายมุขต่างๆ หากเราได้ใช้กองทุน สสส. ปัจจุบันนี้ ก็เปรียบเสมือนเรากำลังทำลายชื่อเสียง ศักดิ์ศรี และความบริสุทธิ์ของชาวมุสลิม

                ผมขอให้พี่น้องตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงได้นำกองทุนของเขามาส่งเสริมกิจกรรมศาสนาของชาวมุสลิม เช่น การจัดรายการวิทยุภาคมุสลิม บรรดามูลนิธิและสมาคมที่เผยแผ่อิสลาม หรือชมรมมุสลิมต่างๆ ทั้งๆที่กิจกรรมของสถาบันดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพทั้งสิ้น จึงเป็นข้อสงสัยที่ทำให้สังคมมุสลิมต้องระมัดระวังในการรับการสนับสนุนจากหน่วยราชการหรือสถาบันที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะที่มีข้อเกี่ยวข้องกับประเทศตะวันตก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา

 

ประการที่ 4

มีทางออกหรือทัศนะใดที่อนุมัติให้ใช้กองทุน สสส. หรือไม่

                คำชี้ขาดของผู้รู้บางท่านได้อ้างถึงคำกล่าวในมัซฮับต่างๆที่พูดถึงทรัพย์สินหะรอมที่อยู่ในบัยตุลมาล(คือกระทรวงการคลังของสังคม) ซึ่งมีทัศนะที่อนุโลมให้ใช้ทรัพย์สินประเภทนี้ จึงทำให้ผู้รู้บางท่านคิดว่าลักษณะกองทุน สสส. สอดคล้องกับลักษณะทรัพย์สินที่ระบุข้างต้น แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทยไม่ได้ใช้มาตรการการปกครองแผ่นดินด้วยกฎหมายอิสลาม ทำให้ระบบต่างๆเกี่ยวกับการบริหารมีข้อขัดแย้งกับหลักการศาสนาอิสลาม ส่วนทัศนะที่ระบุข้างต้นได้พูดถึงเงินหะรอมที่ถูกนำมาอยู่ในกระทรวงการคลัง โดยไม่ใช่รายได้ของประเทศชาติ เฉกเช่นเงินขโมยหรือทรัพย์สินผู้ทุจริตที่ถูกยึดมา หรือทรัพย์สินที่ไม่มีเจ้าของ ซึ่งจำเป็นต้องมีทางออก เพราะไม่ได้ถูกเรียกมาโดยระบบของกระทรวงการคลัง แต่กองทุน สสส. ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นรายได้ประจำของกระทรวงการคลังและมีกฎหมายควบคุมอยู่ จึงแตกต่างจากเงินดังกล่าว และกองทุน สสส. นั้นมิใช่แต่เพียงทรัพย์สินหะรอมที่ปะปนกับรายได้อันบริสุทธิ์อื่นๆ แต่เป็นกองทุนที่ถูกแยกจากภาษีอื่นๆ ด้วยพระราชบัญญัติเฉพาะ จึงทำให้ลักษณะกองทุน สสส. มีความชัดเจนในตัวมัน ก็หมายถึงอยู่ในเครือข่ายคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่กล่าวไว้ว่า วัลหะรอมุบัยยินุน หมายถึง สิ่งที่ต้องห้ามก็มีความชัดเจนแล้ว

                ผมเห็นว่ากองทุน สสส. ซึ่งไม่มีความขัดแย้งว่ามาจากแหล่งที่ต้องห้ามตามทัศนะอิสลามแน่นอน เป็นกองทุนที่กำลังถูกนำไปฟอกในสังคมมุสลิมเหมือนเงินฟอกที่ผิดกฎหมายแน่นอน เพียงแต่กองทุน สสส. ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมืองแต่ผิดกฎหมายอิสลาม เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่ ปปง. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ไม่มีสิทธิตรวจสอบกองทุน สสส. ทั้งๆที่เป็นเงินที่งอกมาโดยไม่ชอบธรรม เปรียบเสมือนหวยบนดินที่รัฐบาลจัดการอยู่ไม่ได้ถูกปราบปราม แต่ที่อยู่ใต้ดินจึงเป็นหวยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสภาพที่ให้เห็นว่าการวินิจฉัยตัดสินว่ากองทุน สสส. ใช้ได้นั้น เป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนไม่รอบคอบและไม่เจาะลึกถึงระบบการบริหารและการปกครองบ้านเมืองโดยคำนึงถึงหลักการศาสนาอิสลามที่ใช้ให้มุสลิมเป็นตัวอย่างแห่งสัจธรรมและศีลธรรม ผมขอให้พี่น้องมุสลิมมองว่ากองทุน สสส. เป็นทรัพย์สินที่ทรยศสังคม ทรัพย์สินโสมมและสกปรกที่กำลังถูกนำมาฟอกในสังคมมุสลิม เพื่อให้สังคมมุสลิมมีความรับผิดชอบในส่วนสกปรกนั้น และขอให้พี่น้องมุสลิมทั้งหลายมีวิสัยทัศน์ที่คำนึงถึงผลเสียหายด้านความบะรอกัตที่จะเกิดจากกองทุน สสส.

นอกจากนั้นกองทุน สสส. มิใช่เงินตอบแทนต่อผลงานที่สังคมมุสลิมได้รับใช้รัฐบาลไว้ แต่เป็นทรัพย์สินที่ถูกนำเสนอจากรัฐบาลฝ่ายเดียว ทั้งๆที่มุสลิมไม่มีส่วนจ่ายภาษีสุราและยาสูบทั้งสิ้น จากเหตุผลดังกล่าวและอื่นๆที่เกี่ยวกับสถานการณ์สังคมภายในประเทศและต่างประเทศ และเหตุผลเกี่ยวกับการเผชิญระหว่างวัฒนธรรมอิสลามกับวัฒนธรรมอื่นๆ และเหตุผลเกี่ยวกับแผนการของศัตรูอิสลามที่ต้องการทำลายสังคมมุสลิมทุกพื้นที่ ผมไม่เห็นว่ามีทางออกหรือทัศนะใดๆ ที่จะอนุโลมให้สังคมมุสลิมใช้กองทุน สสส. ได้

อย่างไรก็ตาม การที่ผมไม่เห็นด้วยกับการนำกองทุน สสส. มาใช้ในสังคมมุสลิมนั้น มิใช่หมายรวมว่ากองทุนนี้ต้องถูกทำลายหรือห้ามนำมาใช้เป็นอันขาด แต่ผมเห็นว่ากองทุนนี้รัฐบาลควรนำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา เช่น ช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจากการดื่มสุรา สูบบุหรี่ และเสพยา หรือนำไปช่วยเหลือคนป่วยที่มีโรคร้ายแรงและไม่มีกองทุนสนับสนุน อาทิเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ฟอกไต ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความจำเป็นที่จะอนุโลมให้ใช้กองทุนนี้ได้ เปรียบได้กับที่ศาสนาอนุโลมให้รับประทานอาหารหะรอมในกรณีฎอรูเราะฮฺ ซึ่งจากตรงนี้พี่น้องจะเห็นว่า กิจกรรมของมัสยิดและสถาบันต่างๆในสังคมมุสลิมไม่มีความจำเป็นที่จะรับเงินก้อนนี้ ดังนั้นขอให้พี่น้องมุสลิมทุกท่าน โดยเฉพาะผู้บริหารองค์กร หนักแน่นในหลักการศาสนาอิสลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รู้ที่เป็นผู้นำสังคมจำเป็นต้องมีความเข้มแข็งและตระหนักในจริยธรรมอิสลาม และอย่าให้เรื่องการเมืองและผลประโยชน์เป็นตัวตั้งในปัญหานี้

เรื่องนี้ไม่ใช่คำชี้ขาดเฉพาะปัญหากองทุน สสส. หากเป็นแนวทางของมุสลิมต่อทุกสิ่งที่เป็นข้อห้ามในหลักการของศาสนา จึงขอให้ปัญหาที่ผมนำเสนอตรงนี้ เป็นตัวอย่างที่ควรนำไปวิเคราะห์และยึดในความถูกต้องโดยใช้หลักศรัทธาอันมั่นคงของท่านและดุลยพินิจอันบริสุทธิ์ของผู้ศรัทธา

สุดท้าย ขอฝากไว้กับพี่น้องซึ่งอุทาหรณ์ที่มีความประจักษ์สำหรับเรื่องนี้และเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งในซูเราะตุลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 58 อัลลอฮฺตรัสไว้ว่า และเมืองที่ดีนั้นพืชของมันจะงอกออกมาด้วยอนุมัติแห่งพระเจ้าของมัน และเมืองที่ไม่ดีนั้นพืชของมันจะไม่ออกนอกจากในสภาพแกร็น ในทำนองนั้นแหละ เราจะแจกแจงบรรดาโองการทั้งหลายแก่กลุ่มชนที่ขอบคุณ

ขอพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงประทานความเตาฟีกฮิดายะฮฺให้แก่พี่น้องมุสลิมในสังคมของเราโดยทั่วกันเทอญ

 



[1] อัลบะเกาะเราะฮฺ 172

[2] อัลอะอฺรอฟ 157

[3] ในหนังสือมะรอติบุลอิจญฺมาอฺ หน้า 121

[4] ญุซอฺที่ 3 หน้า 130

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 8773 วันที่ 10 ต.ค. 2552


เงินบาปจะนำไปใช้ในชีวิตของเราได้ไหม ?เงินบาปจะนำไปใช้ในชีวิตของเราได้ไหม?

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

กลอนเพราะๆ

กลอนเพราะๆ


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(3)

สื่อการสอนภาษาอังกฤษ(3)


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
พระไทยในคุกอังกฤษ 26 ปี

พระไทยในคุกอังกฤษ 26 ปี


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
ขออนุโมทนาบุญ

ขออนุโมทนาบุญ


เปิดอ่าน 7,154 ครั้ง
เพลงเพื่อน...ชีวิต ,,,,

เพลงเพื่อน...ชีวิต ,,,,


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
บทคัดย่อ  อ.  วงศักดิ์

บทคัดย่อ อ. วงศักดิ์


เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง
โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ม่ายรู้จะไปไห๊น!!...ร๊อบบ้านดีกว้า!!......

ม่ายรู้จะไปไห๊น!!...ร๊อบบ้านดีกว้า!!......

เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
แปลก..มหัศจรรย์...เด็กหญิง 7 ขวบ เก็บใบไม้ให้แม่..แต่เป็นเงิน ครูหนูนำพามาที่หนองคาย
แปลก..มหัศจรรย์...เด็กหญิง 7 ขวบ เก็บใบไม้ให้แม่..แต่เป็นเงิน ครูหนูนำพามาที่หนองคาย
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

แรงบันดาลใจ...สู้ต่อไป..อย่ายอมแพ้
แรงบันดาลใจ...สู้ต่อไป..อย่ายอมแพ้
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

-- ข้อคิด ดี-ดี ของความรัก...ลองอ่านความในใจของเด็กๆบ้าง
-- ข้อคิด ดี-ดี ของความรัก...ลองอ่านความในใจของเด็กๆบ้าง
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

มี..แอปเปิ้ลมาฝากค่ะ
มี..แอปเปิ้ลมาฝากค่ะ
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

พิธีเชิญวิญญาณ
พิธีเชิญวิญญาณ
เปิดอ่าน 7,276 ☕ คลิกอ่านเลย

รูปร่าง...บอกสุขภาพ
รูปร่าง...บอกสุขภาพ
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

Adjectives การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ( Comparison of Adjectives )
Adjectives การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ( Comparison of Adjectives )
เปิดอ่าน 333,758 ครั้ง

การขับเคลื่อนนโยบาย สพฐ.ปี 51
การขับเคลื่อนนโยบาย สพฐ.ปี 51
เปิดอ่าน 15,641 ครั้ง

การออกกำลังของผู้ที่มีโรคหัวใจ
การออกกำลังของผู้ที่มีโรคหัวใจ
เปิดอ่าน 14,475 ครั้ง

อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง
อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง
เปิดอ่าน 14,459 ครั้ง

ว่าด้วยการเรียนและการสอบ คอลัมน์ ฝ่ากำแพงเมืองจีน
ว่าด้วยการเรียนและการสอบ คอลัมน์ ฝ่ากำแพงเมืองจีน
เปิดอ่าน 7,367 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ