Advertisement
Thunderbirds วิหคสายฟ้า โชว์บินผาดแผลง 10 ต.ค.นี้ ที่ดอนเมือง
nathavut - 9 ตุลาคม 2009
หมู่บินผาดแผลง "Thunderbirds" หรือ "วิหคสายฟ้า" ซึ่งเป็นฝูงบินสาธิต ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อเตรียมความพร้อมทำการแสดงการบินผาดแผลง โดยจะมีการซ้อมใหญ่ในวันที่ 9 ต.ค.และแสดงจริงในวันที่ 10 ต.ค. นี้ ณ บริเวณอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง
Thunderbirds ชื่อนี้มาจากตำนานของพวกอินเดียแดงในสหรัฐอเมริกาที่ใช้เรียกชื่อนกนักล่า ที่มีลักษณะคล้ายกับนกอินทรีสีน้ำตาล โดยมีสิ่งพิเศษนอกจากจะเป็นนกอินทรีขนาดยักษ์แล้วยังมีฤทธิ์ที่เป็นสายฟ้าสะท้อนมาจากจงอยปากอันคมกริบเมื่อไรที่มันกระพือปีกเพื่อที่จะบินก็จะทำให้เกิดสายฟ้าซึ่งมีพลังมหาศาลสามารถทำลายทุกสิ่งรอบตัวลงไปได้ทันที ลักษณะทั่วไปคล้ายนกอินทรีสีน้ำตาล จงอยปากและกรงเล็บแหลมคมมาก ปลายปีกออกสีเลื่อมทองอาศัยอยู่บนยอดเทือกเขาสูงหรือในบริเวณที่เป็นหน้าผา บางครั้งรูปร่างก็คล้ายเหยี่ยวสีน้ำตาลซึ่งเป็นนกนักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่านกทั่วไปมาก
ประวัติความเป็นมาของฝูงบิน Thunderbirds ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2496 ณ ฐานทัพอากาศ Luke มลรัฐ Arizona สหรัฐอเมริกา โดยมีเครื่องบินแบบ F - 84G Thunderjet ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ร่วมปฏิบัติการในสงครามเกาหลีเข้าประจำการในฝูงบินเป็นแบบแรก หลังจากนั้นในปี 2498 ได้เปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบ F - 84F Thunderstreak
ในช่วง 3 ปีแรกของฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ F - 84 ต่อสายตาผู้ชมกว่า9ล้านคน ในการแสดงการบิน 222 ครั้ง รวมทั้งประเทศในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในเดือนมิถุนายน 2499 ฝูงบิน Thunderbirds ได้ย้ายที่ตั้งไปอยู่ ณ ฐานทัพอากาศ Nellis มลรัฐ Nevada และได้ทำการเปลี่ยนแบบจากเครื่องบินแบบ F - 84 เป็นเครื่องบินแบบ F - 100 Super Sabre ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ความเร็วเหนือเสียงแบบแรกของโลกและได้ทำหน้าที่ในฝูงบินอยู่ถึง 13 ปี ทั้งแบบ F - 100 C และ D ได้ทำการแสดงการบินผาดแผลงรวมกันกว่า 1,100 ครั้ง ในประเทศตั้งแต่ตะวันออกไกลถึงอาฟริกาเหนือ
แม้ว่าจะได้มีการเปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบ F - 105B Thunderchief ในช่วงสั้น ๆ แต่หลังจากเครื่องบินแบบ F - 105B ทำการแสดงได้เพียง 6 ครั้งในปี 2507 ฝูงบิน Thunderbirds ได้เปลี่ยนกลับมาใช้เครื่องบินแบบ F - 100D ซึ่งสามารถเติมเชื้อเพลิงในอากาศได้ เป็นผลให้ทำการบินได้ ระยะทางไกลกว่าแต่ใช้เวลาน้อยกว่า
ในช่วงปี 2512 - 2516 ฝูงบิน Thunderbirdsได้ใช้เครื่องบินขับไล่ชั้นแนวหน้ารุ่นอมตะในสงครามทางอากาศ เหนือน่านฟ้าเวียดนามของกองทัพอากาศสหรัฐฯ คือเครื่องบินแบบ F - 4E Phantom II และทำการแสดงกว่า 500 ครั้ง ใน 5ฤดูกาล ใน 30 รัฐของสหรัฐฯ และประเทศแคนนาดา กลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกาและบางประเทศในทวีปยุโรป ฝูงบิน Thunderbirds ได้เปลี่ยนแบบเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง ในปี 2517 เป็นเครื่องบินแบบ T - 38 Talonซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกความเร็วเหนือเสียงแบบแรกของโลกที่ประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาที่น้อยกว่าเครื่องบินแบบ F-4 ที่กินน้ำมันและมีความสิ้นเปลืองสูงกว่ามาก เครื่องบินแบบ Talon ได้แสดงการบินประมาณ 600 ครั้ง ใน 8 ฤดูกาล
ในต้นปี 2526 ฝูงบิน Thunderbirds ได้หันกลับมาใช้เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงอีกครั้งโดยได้บรรจุ เครื่องบินแบบ F - 16A Fighting Falcon เข้าประจำการ และในปี 2530 Thunderbirds ได้เป็นฝูงบินผาดแผลงฝูงแรกที่ได้แสดงการบินบนแผ่นดินประเทศคอมมิวนิสต์ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2534 Thunderbirds ได้กลับไปแสดงการบินในทวีปยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งได้ทำการแสดงการบินผาดแผลง 11 เที่ยวบิน ใน 8 ประเทศ รวมทั้งได้ไปเยือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์ และฮังการี เป็นครั้งแรก
ฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการเปลี่ยนแบบอีกครั้งจากเครื่องบินแบบ F - 16A เป็น F-16 C ในปี 2535 เนื่องจากฝูงบินส่วนใหญ่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบเดียวกันทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการส่งกำลังบำรุงและในฤดูกาลนั้นฝูงบิน Thunderbirds ได้นำเครื่องบินแบบ F-16C ไปแสดงการบินเป็นระยะเวลา 17 วัน ในประเทศแถบลาตินอเมริกา รวมทั้งสิ้น 75 เที่ยวบินต่อสายตาผู้ชมประมาณ 6.6 ล้านคน
ในปี 2535 ช่วงปี 2536 ซึ่งเป็นการแสดงครั้งที่ 800 ของเครื่องบินแบบ F - 16 ฝูงบิน Thunderbirds มีผู้ชมถึงกว่า 8 ล้านคน ในปี 2537 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบปีที่ 50 ของฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการแสดงการบิน 67 ครั้ง ต่อหน้าผู้ชม 6 ล้านคน ในช่วงเดือนสิงหาคม 2537 ได้ออกเดินทางทำการแสดงในประเทศตะวันออกไกลเป็นเวลา 26 วัน โดยใช้ชื่อว่า "Thunder Over the Pacific" ซึ่งได้ทำการแสดงให้ผู้ชม 1.3 ล้านคน ในมลรัฐ Alaska และในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาะกวม มลรัฐ Hawaii และประเทศไทย เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางอากาศของกองทัพอากาศสหรัฐ ฯ
สำหรับ ในปีนี้ Thunderbirds เลือกใช้เครื่องบินรบแบบ F-16 C/D Block 52 แบบใหม่โดยจะเปิดการแสดง 75 แห่ง สำหรับนอกประเทศสหรัฐฯ ปีนี้มีเพียงเปอโตรีโก้ ออสเตรเลีย กวม มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ได้รับเกียรติเปิดการแสดงในครั้งนี้ มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการแสดงการบินผาดแผลงสุดยอดของโลกจาก กองทัพอากาศสหรัฐฯของฝูงบินผาดแผลงวิหกสายฟ้า Thunderbirds โดยใช้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16C ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามที่เครื่องบินฝูงนี้จะมาแสดงในประเทศไทย(เดิมการแสดงการบินผาดแผลงครั้งที่สามได้ถูกยกเลิกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน)
ในครั้งแรก F-16 ได้มาทำการแสดงในราวๆ ปี 2530ช่วงที่กองทัพอากาศไทยจะซื้อ F-16 A/B ในครั้งนั้น สหรัฐฯ ยังใช้ F-16 A/B ในฝูงบิน Thunderbirds มาถึงการแสดงการบิยผาดแผลงในครั้งที่สองคนไทยต้องตื่นตาตื่นใจอีกครั้งกับ การแสดงการบินอันยิ่งใหญ่ของวิหกสายฟ้า เมื่อราวๆ ปี 2537 ครั้งนั้น Thunderbirds เปลี่ยนมาใช้เครื่องบินแบบ F-16 C Block 30/32 ที่ทันสมัยกว่ารุ่นเก่า
และในครั้งนี้ (10 ตุลาคม 2552) อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกในการแสดงนอกประเทศของธันเดอร์เบิร์ด ที่จะใช้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 CBlock 50/52 ที่ก้าวล้ำไปอีก (ชั้นเดียวกับที่เคยเสนอขาย ทอ.ไทย)และครั้งนี้จะเป็นการตื่นตาตื่นใจกับเที่ยวบินผาดแผลงที่สุดสวยและ สุดยอด(แอบทราบมาว่า จะมี คนไทย และนายทหารจากกองทัพอากาศไทย ได้รับเกียรติขึ้นไปบินด้วย) สำหรับการกำหนดวันแสดงอย่างไม่เป็นทางการนั้นฝูงบิน Thunderbirds จะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ในวันที่ 5 ตุลาคม 2552 โดยในช่วงดังกล่าวจะมีการบินซ้อมโชว์เหนือฟ้าดอนเมืองเป็นระยะ
F-16 เป็นเครื่องบินรบแบบพหุบทบาท (Multi Role)ซึ่งสามารถทำภารกิจการโจมตีทั้งบนพื้น บนทะเลและบนอากาศได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ F-16 สามารถปฏิบัติการได้ทุกสภาวะอากาศไม่ว่าจะฝนตก แดดออก ลมแรง ก็สามารถทำการขึ้นบินได้หมด โดยถูกผลิตมามากกว่า 4000 ลำเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของกองทัพอากาศกว่า 20 ประเทศทั่วโลกโดยได้แสดงให้เห็นถึงสมรรถณะมาแล้วทั้งในสงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามโคโซโว สงครามอัฟกานิสถาน สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่สองรวมทั้งในสงครามทางอากาศระหว่างปากีสถานและ โซเวียต/อัฟกานิสถานและการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียของอิรักโดยอิสราเอล ทั้งนี้ไม่เคยมี F-16 เครื่องใดถูกเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามยิงตกเลยแม้แต่เครื่องเดียว F-16 มีการพัฒนามาหลากหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะเรียกชื่อว่า Block XXโดยมีทั้งหมด 11 Block คือ Block 1, 5, 10, 15, 15OCU, 20 25 30/32, 40/42,50/52, และ Block 60
สำหรับหมายกำหนดการแสดงจะเป็นวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 13.00น. ณ ลานแสดงการบินดอนเมือง (ลานจอดอากาศยานคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองถนนวิภาวดีรังสิต)
ส่วนกองทัพไทยใช้เครื่อง Block 15OCU และ ADFซึ่งเป็น Block 15OCU ที่ปรับปรุงแล้ว สหรัฐอเมริกานั้นเสนอ F-16C/D Block 50/52+ ซึ่งติดถึงน้ำมันข้างลำตัวหรือถัง CFT (Comformal FuelTank) เพื่อเพิ่มพิสัยบินให้ไกลขึ้น โดยสามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้ 2,271ลิตร และเพิ่มพิสัยบินให้ไกลขึ้น 20 - 40% ติดระบบสร้างออกซิเจนบนเครื่อง(On-board Oxygen Generator) พร้อมเรดาห์ AGP-68(V)9 รุ่นล่าสุดซึ่งเพิ่มระยะการตรวจจับมากขึ้นจากเดิมถึง 30%
ขอขอบคุณข้อมูล
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเว็บไซต์ www.kapook.com
กนกศักดิ์ รายงาน
วันที่ 10 ต.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,167 ครั้ง เปิดอ่าน 7,137 ครั้ง เปิดอ่าน 7,145 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,474 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,134 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,169 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,133 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,168 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,196 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 12,332 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,616 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,742 ครั้ง |
เปิดอ่าน 31,300 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,400 ครั้ง |
|
|