เดือน “ตุลาคม” เดือนที่ประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์ ใหญ่ ๆ เหตุการณ์สำคัญ ๆ ทางการเมืองหลายครั้ง เวียนมาถึงอีกแล้ว และก็เป็นการเวียนมาถึงในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมือง-สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ “ไม่น่าไว้วางใจ” นักจากหลายเรื่อง-หลายกรณี รวมถึงกรณีครบรอบ “ม็อบเหลือง” ถูกตำรวจสลาย มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิต และกรณีที่จะมี “ม็อบแดงตลอดเดือน” ดังที่มีข่าวออกมาก่อนหน้า...
“ตุลาคม” ปีนี้...เมืองไทยก็ถือว่าอยู่ในภาวะล่อแหลม
เป็นอีกปีที่หลาย ๆ ฝ่ายนึกถึงคำว่า...
“ตุลาฯ อาถรรพณ์”
“มีผู้กังวลว่าเดือนตุลาคมปีนี้จะมีอาถรรพณ์อีกหรือไม่ ? เพราะในอดีตนั้นการเกิดเหตุรุนแรงในบ้านเมืองมักอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม” ...ประธานสถาบันโหราศาสตร์เก่งกาจพยากรณ์ เก่งกาจ จงใจพระ ระบุ
ทั้งนี้กับเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2552 นี้ อ.เก่งกาจบอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ถ้าดูตามอิทธิพลของตำแหน่งดาวในเดือนตุลาคมปีนี้ ดาวอาทิตย์ ซึ่งหมายถึงผู้นำ โคจรอยู่ในราศีตุลย์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเสื่อมของดาวอาทิตย์เป็นนิจ “เมื่อดาวผู้นำอยู่ในมุมอับก็ย่อมเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ง่าย”
“แต่อะไรจะเกิดหรือไม่เกิดแบบไหน-อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับมุม ของดาวอีกหลายดวงที่จะโคจรเข้ามาช่วยหรือทำลาย ซึ่งในอดีตในเดือน ตุลาคมตั้งแต่หลังปี พ.ศ. 2475 ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีรัฐธรรมนูญเป็นหลัก เคยเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ หลายครั้ง” ...อ.เก่งกาจระบุ
เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่เคยเกิดในเดือนตุลาคมนั้น ครั้งแรกคือ 11 ตุลาคม 2476 เกิดกรณี กบฏบวรเดช, 1 ตุลาคม 2491 เกิด กบฏเสนาธิการ หรือ กบฏนายพล, 20 ตุลาคม 2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขณะนั้น ยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร
14 ตุลาคม 2516 เกิดการลุกฮือของประชาชน-นิสิตนักศึกษา เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร จนเกิดวัน “มหาวิปโยค” มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่จอมพลถนอม กิตติขจร รวมถึง จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ก็ต้องสิ้นอำนาจ ต้องหนีออกนอกประเทศไป
6 ตุลาคม 2519 เกิดเหตุการณ์ “นองเลือด” ทางการเมืองอีกครั้ง เกิดการล้อมจับและสังหารนักศึกษา-ประชาชนภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งชุมนุมประท้วงขับไล่จอมพลถนอมที่เดินทางกลับเข้าไทย จนนำไปสู่การเกิดคณะปฏิรูปการ ปกครองแผ่นดิน นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ทำการ ยึดอำนาจการปกครอง จากรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และมีรัฐบาลใหม่โดยมี ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม 20 ตุลาคม 2520 รัฐบาลธานินทร์ก็ถูกทำ รัฐประหารยึดอำนาจ โดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด และภายหลัง พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
และสำหรับเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2552 นี้ อ.เก่งกาจบอกว่า...วันที่ 18 ต.ค. 2552 ดาวอาทิตย์จะย้ายเข้าราศีตุลย์เป็นนิจถูกดาวราหูกับอังคารทำมุมจตุโกณในมุมกากบาทให้โทษ และดาวพฤหัสบดีดาวประจำประเทศโคจรร่วมกับดาวราหูในราศีมังกร อยู่ในตำแหน่งเป็นนิจ “บอกถึงรัฐบาลจะไม่ค่อยมั่นคง จะมีปัญหา !!”
ทั้งนี้ดาวพฤหัสบดีจะเดินถอยองศาอยู่ในราศีมังกร ไปจนถึงวันที่ 21 ตุลาคมจึงจะเดินปกติ และถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2552 จะย้ายเข้าราศีกุมภ์ไปโคจรร่วมกับดาวเนปจูน ซึ่งจากเดือนตุลาคมนี้ไป... เป็นช่วงต้องจับตา
“ต่อเนื่องจากเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ราหู ดาวคราสร้าย จะย้ายออกจากราศีมังกรเข้าราศีธนู เล็งราศีเมถุนราศีดวงประชาธิปไตย ราหูในตำแหน่งนี้เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง 2 ครั้ง คือเหตุการณ์ 14 ตุลาฯวิปโยค กับ 17 พฤษภาฯทมิฬ”
นักโหราศาสตร์คนเดิมยังบอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ต่อไปอีกว่า... ถ้าดูตามตำแหน่งดาวที่ทำมุมให้โทษแล้ว “อาถรรพณ์ทางการเมือง” การที่อาจจะเกิดเหตุรุนแรง ก็ยังคงอยู่ในเดือนตุลาคมกับเดือนพฤศจิกายนปีนี้
นอกจากนี้ระยะนี้มีดาวใหญ่ย้ายหลายดวง เช่น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ดาวเสาร์ย้ายจากราศีสิงห์เข้าราศีกันย์ พอไปถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ราหูย้ายเข้าราศีธนู และถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2552 ดาวพฤหัสบดีจะย้ายเข้าราศีกุมภ์ “การที่ดาวใหญ่ย้าย อันดับแรกจะต้องระวังการเกิดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ฝนตกหนัก เกิดพายุ อุทกภัยน้ำท่วม และหลังน้ำลดก็ต้องระวังการเกิดโรคระบาด”
“ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว อาจทำให้ร่างกายมนุษย์ปรับตัว-ปรับอุณหภูมิในร่างกายไม่ทัน ทำให้ล้มป่วยได้ง่าย ซึ่งก็ยังต้องระวังโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดใหญ่อีก ส่วนด้านเศรษฐกิจจะมีการปรับตัวช่วงปลายปี ซึ่งน่าจะดีขึ้นหลังจากอิทธิพลดาวเปลี่ยนแปลงหลายดวง” ...ประธานสถาบันโหราศาสตร์เก่งกาจพยากรณ์ทายทัก
แต่เศรษฐกิจจะดีขึ้นได้-ภัยต่าง ๆ จะไม่ร้ายมาก...ก็มีข้อแม้
เป็นข้อแม้ที่เกี่ยวโยงกับการเมือง...อย่างที่หมอดูได้ชี้ไว้ว่า...
“ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นอีกเสียก่อน ?!?!?”.