เรื่อง การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางจารุ รัตนชุม ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
ปี พ.ศ. 2551
บทคัดย่อ
การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ปีการศึกษา 2551มีจุดมุ่งหมาย (1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน เรื่องสมการและการแก้สมการ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด (2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ก่อนเรียนกับหลังเรียน (3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (4) เพื่อสำรวจความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และ (5) เปรียบเทียบความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มอย่างง่าย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างที่ 1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/6 จำนวน 44 คน เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ และ กลุ่มตัวอย่างที่ 2 นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6/2 จำนวน 45 คน เรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามแผนการสอน เมื่อทั้งสองกลุ่มเรียนจบแล้ว นำผลคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบใช้สถิติการทดสอบที (t-test) และให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม ทำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ นำมาหาค่าเฉลี่ย และระดับความพึงพอใจ
ผลการวิจัย พบว่า
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.88/80.10 และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องสมการและการแก้สมการ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.53/83.37 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ กับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไม่แตกต่างกัน
4. ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
และนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
5. ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01