Advertisement
ก่อนที่คนไทยจะเห่อ "น้ำมันนำเข้า" มากไปกว่านี้ ก็ให้ตรองดูอย่างถ้วนถี่ว่า แท้จริงแล้ว ของดีในบ้านเรามีมากมาย...
เช่น น้ำมันมะพร้าว ยุคนี้ต้องเรียกให้โก้ว่า Extra Virgin Coconut Oil ไม่ได้เอาไว้ใส่ผม ทาผิว ทำน้ำกะทิ หรือปรุงแต่งอาหารเท่านั้น หากมีไว้กิน เหมือนตอนที่เราเห่อกินน้ำมันมะกอกสด ๆ ตอนนี้มีของไทยทำไทยผลิต กินได้ สวยดี ด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบริสุทธิ์ ขายขึ้นห้างบอกต่อกันจนฮิต มี 2 ชนิดคือ แบบบริโภคกับแบบใช้ในสปา
เป็นสูตรน้ำมันมะพร้าว กินดีได้สุขภาพ สวยด้วยบำรุงผิวพรรณ ไม่เชื่อไปถามฝรั่งแถวเกาะสมุยสิ.. หนุ่มสาวตาน้ำข้าวนิยมชะโลมผิวก่อนอาบแดดด้วยน้ำมันมะพร้าวในขวดลิโพ ต้องบรรจุขวดลิโพนะ เขาเชื่อว่าเป็นน้ำมันมะพร้าวที่ชาวบ้านทำ ทาผิวกันแดดดีกว่าซันแทนยี่ห้อดัง ๆ ราคาถูกด้วย กลิ่นก็เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฝรั่งชอบ แปลก และคุณภาพดี
เวลาต่อมา น้ำมันมะพร้าวพัฒนาเป็นน้ำมันบริโภคเพื่อสุขภาพ ไม่สนใจที่แต่ก่อนเก่าเคยมีงานวิจัยระบุว่า น้ำมันมะพร้าวและกะทิจากมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัว ไม่ควรกินมาก ต้องไปกินน้ำมันมะกอก (ที่แพง ๆ) นำเข้าจากเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ป้องกันโรคหัวใจ ตอนนี้เรามีน้ำมันมะพร้าวให้กินป้องกันมะเร็งแถมให้อีก
มีงานวิจัยของ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย ที่ค้นคว้าเรื่อง น้ำมันมะพร้าวป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างไร จัดพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2551 พร้อม ๆ กับที่มีน้ำมันมะพร้าวเพื่อบริโภค บรรจุขวดขาย มีหลายยี่ห้อ แต่ต้องเป็น น้ำมันมะพร้าวพรหมจรรย์ (Virgin Coconut Oil) ที่สกัดจากเนื้อมะพร้าวสดโดยไม่ผ่านความร้อนสูง และไม่ถูกกับสารเคมี ทำให้เกิดคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวที่ต่อต้านมะเร็งได้ ในงานวิจัยระบุว่าเพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นไตรกลีเซอไรด์ ประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว 3 โมเลกุล ต่อกับกลีเซอไรด์ 1 โมเลกุล อธิบายต่อไปคงเข้าใจยาก เอาเป็นว่า การที่มีโมเลกุลที่อิ่มตัว ทำให้มีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้ และการผลิตโดยไม่เติมออกซิเจน (Oxidation) เพราะการเติมออกซิเจนจะส่งผลให้เกิดการเสื่อมคุณภาพ เช่น เหล็กที่เติมออกซิเจนจะเกิดสนิม สำหรับน้ำมัน (การเติมออกซิเจนเรียกว่า Peroxidation) ทำให้เกิดกลิ่นหืน เป็นผลทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพเนื่องจากเกิดอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ก็ไม่เติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ในเอกสารวิจัยยกตัวอย่างว่า การทอดอาหารในน้ำมันท่วมทำให้เกิดไขมันตัวใหม่เรียกว่า "ไขมันทรานส์" (Trans fat) หรือเติมไฮโดรเจนบางส่วนในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อป้องกันการหืน และทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารแข็งตัว มีความกรอบอร่อย แต่ไขมันทรานส์เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ หลายประเทศรณรงค์ให้ดูฉลากอาหารก่อนซื้อว่า ไม่มีไขมันทรานส์เพื่อป้องกันโรคมะเร็ง เบาหวาน หัวใจ
แต่สารสำคัญในน้ำมันมะพร้าวที่พึงกินแล้วสวย ดีต่อสุขภาพคือ แอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ อันได้แก่ วิตามินอี สารฟีนอล (Phenolic compounds) สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) น้ำมันมะพร้าวยังช่วยในการดูดซึมและเคลื่อนย้ายของวิตามินเอ ดี อี เค ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง ยังมีกรดลอริก (Lauric acid) เมื่อบริโภคเข้าไปแล้วกรดนี้จะเปลี่ยนเป็นโมโนลอริกที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง ยังมีรายงานการศึกษาการใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคมะเร็งในต่างประเทศ เชื่อว่าจะค่อย ๆ เผยแพร่และทำให้ชาวโลกรู้ถึงคุณสมบัติที่ดีของน้ำมันมะพร้าวต่อไป
ปัจจุบัน มีน้ำมันมะพร้าวเพื่อบริโภคหลายแบรนด์ ของฝรั่งก็เยอะทำออกมาขายคนเอเชีย มีชนิดแคปซูลให้กินง่าย ๆ มีโลชั่น น้ำมันหอมระเหยที่ใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นตัวเบส แล้วผสมกลิ่นต่าง ๆ บอดี้สครับ ขัดผิวให้ผ่องใส นิยมใช้ในสปา ลิปบาล์มทาริมฝีปากผสมกลิ่นแคนตาลูป เชอร์รี บลูเบอร์รี กลิ่นส้ม น้ำมันทาตัวที่ไม่ผสมกลิ่น จนถึงผงซักฟอกเกล็ดมะพร้าว ส่วนน้ำมันมะพร้าวให้ดื่มนั้น แรก ๆ อาจไม่คุ้น คนขายเขาก็แนะวิธีการดื่ม เช่น ตวงใส่ถ้วยแล้วดื่ม ตามด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำชามากเท่าที่ต้องการ แต่ควรดื่มน้ำอุ่นเล็กน้อยก่อน หรือเอาไปแช่เย็นเป็นก้อนเล็ก ๆ พอกลืนได้ กลืนลงคอแล้วดื่มน้ำอุ่นตาม หรือปั่นกับเครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้ น้ำผัก เติมรสชาติที่ชอบเพื่อให้การบริโภคน้ำมันมะพร้าวสะดวกคล่องคอ รสชาติถูกใจ
น้ำมันมะพร้าวเพื่อดื่มฝีมือคนไทยแบรนด์ Tropicana Virgin Coconut Oil ผลิตจากมะพร้าวพันธุ์ดีบริเวณลุ่มน้ำตาปี ใช้วิธีสกัดเย็นที่ผ่านการวิจัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ทำให้ได้น้ำมันที่มีกรดลอริกสูง มีค่าความชื้นต่ำ ไม่เหม็นหืน เก็บได้นาน ไม่มีสารแต่งกลิ่น กินได้ทุกวัน ๆ ละ 2 ช้อนโต๊ะ ตอนตื่นตอน แล้วตามด้วยอาหารเช้า ส่วนมื้อเย็นก็ดื่มสัก 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเย็น หรือจะเลือกดื่ม 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น สะดวกแบบไหนเลือกเอา
หรือถ้ายังคิดไม่ตกก็เลือกใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงผิว ด้วยวิตามินอีที่มีมากจะช่วยให้ผิว ผม ปลอดจากเชื้อโรค ป้องกันโรคผิวหนัง สิวฝ้า รังแค สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะพร้าวช่วยชะลอผิวเหี่ยวย่น รักษาผิวแห้ง ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลือกันว่า ผู้หญิงผิวสวย คมขำและผมดำสลวยคือชาวเกาะตาฮิติ และชาวเกาะทะเลใต้ เพราะพวกเธอบำรุงผิวและผมด้วยน้ำมันมะพร้าว กินด้วย ต่อให้อยู่เกาะ ดำน้ำทั้งวัน ตัวดำแต่ผิวเนียน ชุ่มชื้น รูปร่างดี
เพราะน้ำมันมะพร้าว เคล็ดลับจากริมทะเลนี่เอง...
ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 4 ต.ค. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,153 ครั้ง เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง เปิดอ่าน 7,136 ครั้ง เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,149 ครั้ง เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,154 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 10,179 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,909 ครั้ง |
เปิดอ่าน 219,219 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,253 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,377 ครั้ง |
|
|