Advertisement
❝ ส้มป่อย สุดยอดผักเพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษกาย พิษใจ ❞
สมุนไพรคืออะไรที่เกิดมาพร้อมการมีเรา... เผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่มีสมุนไพร ไม่มีเรา
วัฒนธรรมคือ ปราการที่มนุษย์สั่งสมก่อเกิดเป็นภูมิคุ้มกัน ให้ชีวิตได้อยู่ร่วมกันอย่างมั่นคง ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณสิ่งแวดล้อมและสังคม
สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่นำสังคมให้พ้นจากสรรพภัยที่รุมเร้า เพราะเป็นสิ่งที่เรามี เราเป็น
งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 6 ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน พ.ศ.2552 ภายใต้แนวคิด "พืชผักสมุนไพร สร้างเศรษฐกิจไทย ต้านภัยไข้หวัด" อีกครั้งที่ทุนทางวัฒนธรรมจะได้กลับมาทำหน้าที่ในคราที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจไปทั่วโลก เมื่อคนของเราถูกเลิกจ้างงาน วิทยาการสมัยใหม่ก็ไม่สามารถเข้าถึงที่พึ่งของเราก็คือฐานทรัพยากร สมุนไพรและภูมิปัญญาที่จะนำมาสร้างเศรษฐกิจ ทั้งการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้
...อีกครั้ง ในคราที่สังคมตื่นตระหนก จากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะที่วัคซีนป้องกันเรายังไม่มี ยาก็ไม่มา ผลข้างเคียงมีอะไรบ้างเราก็ไม่รู้ เชื้อไวรัสก็ดื้อยาอยู่ตลอดเวลา ปีหน้าอาจจะมีหวัดสายพันธุ์ใหม่ระบาดอีกก็เป็นได้ ถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยจะหันกลับมาหาภูมิปัญญาไทย ในด้านการกิน การอยู่ การใช้สมุนไพรไทย ที่เรารู้จักดีมีประสบการณ์การใช้มานาน ปลูกกิน ปลูกใช้ได้เอง เพื่อที่จะช่วยคนในสังคมของเราให้ปลอดภัย...สมุนไพรมีคำตอบ
"สมุนไพร มิใช่เป็นเพียงหยูกยาเท่านั้น แต่อยู่ในบริบทใหญ่เรื่องวัฒนธรรม" ที่ท่านศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้กล่าวไว้ในคอลัมน์ "คุยกับผู้อ่าน" ฉบับนี้ ส้มป่อย ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนได้ดีที่สุด เพราะส้มป่อยจะรักษาทั้งกาย ใจและวิญญาณที่จะไปสร้างพลังให้กับชีวิต ในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาได้อย่างไม่กลัว เพราะเรามีส้มป่อย
ส้มป่อย มีชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC.
ชื่ออื่นของส้มป่อยก็คือ ส้มขอน หมากขอน หม่าหัน
สมุนไพรมงคล ขับพ้นสิ่งชั่วร้าย
คนไทยใหญ่ใช้ฝักส้มป่อยในพิธีกรรมหลายอย่างโดยเฉพาะงานสะเดาะเคราะห์ เพราะเชื่อว่าส้มป่อยเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ ช่วยขจัด ปลดปล่อยความโชคร้าย เคราะห์กรรม ความอัปมงคล ให้หลุดพ้นจากชีวิต ถ้าคนไหนไม่สบายใจ ไม่สบายตัว เจ็บไข้ เขาจะเอาส้มป่อยมาต้มอาบ หรือล้างหัว ล้างหน้า
ถ้าไปดูดวงแล้วดวงตกหรือโชคไม่ค่อยดี เขาก็จะอาบน้ำส้มป่อย ถ้าเจอผีก็อาบส้มป่อย พิธีรดน้ำมนต์ส่วนมากก็ใช้น้ำฝักส้มป่อย
นอกจากนี้ งานมงคลสำคัญของชาวไทยใหญ่ เช่น งานบวชลูกแก้ว (บวชพระหรือเณร) น้ำส้มป่อยก็เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการชำระล้างเนื้อตัวให้บริสุทธิ์ก่อน เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไทยใหญ่เรียกส้มป่อยว่า หมากขอน หม่าหัน
หม่าหัน...ตำนานแม่นากภาคไทยใหญ่
มีนิทานพื้นบ้านที่เกี่ยวกับหม่าหันว่า กาลครั้งหนึ่งมีผัวเมียข้าวใหม่ปลามันคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ท้ายหมู่บ้าน ผัวต้องออกตระเวนไปค้าขายต่างถิ่น ในขณะที่เมียกำลังตั้งท้อง ต่อมาเมียก็คลอดลูกตาย ขณะที่เพื่อนบ้านจะเคลื่อนย้ายศพของเมียไปฝังที่ป่าช้านั้นร่างคนตายก็ร่วงลงมาตรงบันไดบ้าน ตามธรรมเนียมชาวไทยใหญ่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หมายถึง ผู้ตายไม่อยากไปป่าช้า ชาวบ้านจึงนำศพฝังไว้ที่บ้าน เมื่อผัวกลับมาเป็นช่วงเวลากลางคืนก็พบเมียหุงหาสำรับกับข้าวไว้รอท่า ก็อยู่กินกันตามปกติ
รุ่งขึ้นผัวออกไปพบชาวบ้านคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเพื่อนบ้านก็บอกว่าเมียแกคลอดลูกตาย แต่ชายหนุ่มหาเชื่อไม่ ปฏิเสธว่าไม่จริงก็ยังอยู่กินกันตามปกติ แต่เมื่อไปพบใคร ๆ ก็บอกเช่นนั้น จึงเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้าง วันหนึ่งหลังกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย ผัวทำตะบันหมากตกลงไปใต้ถุนบ้านตั้งใจจะลงไปเก็บ เมียก็บอกว่าเดี๋ยวน้องไปเก็บให้ พอผัวคล้อยหลังได้เหลียวไปเห็นเมียเอาลิ้นไปม้วนเก็บตะบันตำหมากนั้นขึ้นมาบนเรือน พอแน่ใจแล้วว่าเมียของตนคงตายไปแล้วจริง ๆ จึงออกอุบายบอกเมียว่าจะไปทำถ่ายเบาตรงนอกชาน แล้วรีบไปเจาะกระบอกไม้ไผ่ที่เก็บน้ำไว้ตรงนอกชานเพื่อให้เกิดเป็นเหมือนเสียงปัสสาวะ จากนั้นก็รีบวิ่งไปในหมู่บ้านแบบไม่คิดชีวิต
เมียเมื่อเห็นผัวปัสสาวะไม่เสร็จเสียทีจึงออกมาดูก็พบว่าผัวไม่อยู่แล้ว จึงวิ่งออกไปตะโกนเรียกหา ส่วนผัวเมื่อรู้ว่าเมียตามมาจึงรีบหลบในพุ่มของหมากขอน (ส้มป่อย) เมียมองไม่เห็นผัวที่หลบอยู่ใต้พุ่มหมากขอนวิ่งมาจนถึงหมู่บ้านไปพบบ้านช่างตีเหล็กกำลังตีเหล็กไฟลุกโชนอยู่ จึงถามว่าเห็นผัวของฉันไหม ช่างตีเหล็กรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ตายแล้ว จึงบอกว่า ก้มลงซิ เมื่อหล่อนก้มลง ช่างตีเหล็กก็ใช้ค้อนที่เผาไฟลุกแดงตีลงไป สาวเจ้าก็ได้กลายเป็นหิ่งห้อยลอยตามหาผัวต่อไป
นับแต่นั้นมาคนไทยใหญ่ก็จะเรียกหมากขอนว่า หม่าหัน ซึ่งแปลว่าไม่เห็น หมายถึงผีมองไม่เห็นนั่นเอง และเชื่อว่าหิ่งห้อยคือวิญญาณของเมียที่ตามหาผัวของตนเอง
นอกจากคนไทยใหญ่แล้วคนเฒ่าคนแก่ในภาคเหนือและภาคอีสานรวมถึงประเทศลาว ต่างใช้ฝักของส้มป่อย เพื่อปัดเป่าภัยร้ายเช่นกัน ดังเช่น ในวันสงกรานต์ ที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นวันที่มี่อาถรรพ์แรง เพราะเศียรของท้าวผกาพรหมอาจหล่นมาสู่โลกเกิดไฟประลัยกัลป์ได้ จึงต้องมีการรดน้ำดำหัวกันด้วยน้ำฝักส้มป่อย เพื่อล้างอาถรรพ์สร้างสวัสดิมงคล ใช้ในพิธีเสริมสิริมงคล พิธีไหว้ครู สะเดาะเคราะห์ แก้อาถรรพ์ไล่ภูติผีปีศาจ ใช้ล้างมือ ล้างหน้า หลังจากกลับจากงานศพ หรือใช้อาบน้ำศพ เพื่อให้ผู้จากไปได้พบสิ่งดีสู่สุคติ หรือการนำฝักส้มป่อยติดตัวไปด้วยในงานเผาศพผีตายโหง เป็นต้น
การเก็บฝักส้มป่อยที่จะนำมาใช้ในการทำพิธีกรรมต่าง ๆ นั้นต้องเก็บในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 จึงจะศักดิ์สิทธิ์ หรืออย่างน้อยก็ต้องไปเก็บก่อนฟ้าร้อง หรือก่อนฝนตกลงมา เพราะหากฟ้าร้องฝนตกแล้วถือว่าไม่เป็นยาไม่ขลัง ถือว่า ข้ามปีไปแล้ว เมื่อได้เวลาเก็บ ชาวบ้านจะเลือกเก็บฝักส้มป่อยที่แก่จัด นำไปตากในกระด้งให้แห้งสนิท เก็บใส่ตะกร้า ไว้ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ก่อนนำไปใช้นิยมนำฝักส้มป่อยไปผิงไฟพอให้สุก ส้มป่อยจะมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยว ผู้ที่เคยล้างหน้าหรืออาบด้วยน้ำส้มป่อยแล้ว ย่อมรู้สึกได้ถึงความมีสิริมงคล เพราะกลิ่นหอมแทรกรสเปรี้ยวของส้มป่อยช่วยให้สดชื่นฟื้นชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีทันใด
ส้มป่อย สมุนไพรแห่งการขอลดโทษ...ทางธรรม
คนล้านนายังเชื่อว่าส้มป่อยเป็นสมุนไพรในการขอลดโทษทางธรรม กล่าวคือเมื่อทำผิดพลั้งไป เช่น ถ้าใครไปทำสิ่งไม่ดีที่เรียกว่า ขึด ทำให้ตนเจอะเจอความชั่วร้าย สิ่งที่ช่วยให้บรรเทาเบาบางลงคือ น้ำส้มป่อยหรือครูอาจารย์ ผู้มีเวทมนตร์คาถา ที่นั่งผีปู่ย่า (คนทรง) เมื่อทำผิดข้อห้ามของครูอาจารย์หรือบรรพบุรุษ ที่เรียกกันว่า ผิดครู น้ำส้มป่อยก็จะช่วยให้ของขลังของดีมีในตัวได้ดังเดิม
ส้มป่อย สมุนไพรไล่เมฆมรสุม พายุร้าย
นอกจากจะใช้ส้มป่อยในการปลดปล่อยสิ่งชั่วร้าย และสร้างสิริมงคลให้กับตัวเองแล้ว คนกะเหรี่ยงและคนพื้นเมืองหลายพื้นที่ในภาคเหนือ ในคราที่พายุลมแรงฝนฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ ฟ้าร้องเปรี้ยวปร้างน่าหวาดกลัวเขาจะเผาฝักส้มป่อยให้เกิดเป็นควันโขมง สักพักทุกอย่างก็จะสงบลง ผู้ที่เคยเห็นเหตุการณ์ต่างยืนยันเช่นนั้น
ส้มป่อย ยาสระผมธรรมชาติ
แชมพูสระผมปัจจุบันทำจากสารเคมี ไม่ว่าสูตรไหน ๆ ก็จะมีสรรพคุณในการชำระล้างน้ำมันธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมแห้ง เป็นรังแค ผมหงอกก่อนวัย
สมัยก่อนคนในแถบเอเชียต่างใช้น้ำจากฝักส้มป่อย สระผมอันงามสลวย ปัจจุบันในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือยังมีการใช้อยู่ในทางชีวเคมี ฝักส้มป่อยมีสารกลุ่มซาโพนิน (zaponin) หลายชนิด เช่น สารอะคาซินินเอ (acacinin A) และสารอะคาซินินบี (acacinin B) รวมกันแล้วสูงถึงร้อยละ 20 สารเหล่านี้เป็นแชมพูธรรมชาติที่เป็นกรดอ่อน ๆ เหมาะที่จะใช้ในการสระผมอย่างยิ่ง ช่วยรักษารังแค ผมหงอกก่อนวัย เพียงนำฝักส้มป่อยมาหักกวนตีกับน้ำแรง ๆ สารซาโพนินจะแตกฟองที่คงทนมากมีฤทธิ์ในการชำระล้างได้ดีโดยไม่ทำลายธรรมชาติของผมและผิวบนหนังศีรษะ
การอาบหรือแช่น้ำส้มป่อยทั้งตัวจะช่วยให้ร่างกายสะอาดปราศจากคราบไคล ช่วยให้สดชื่น แก้ผดผื่นคันในหน้าร้อนและโรคผิวหนังได้หลายชนิด ไม่เพียงแต่ผิวกายและหนังศีรษะเท่านั้น น้ำส้มป่อยยังใช้แช่และขัดเครื่องทองให้เหลืองอร่ามสุกปลั่งเหมือนทองใหม่ได้อีกด้วย
ส้มป่อย สุดยอดผักกำจัดพิษ ช่วยแก้ไอ...สมุนไพรในยุคหวัด 2009
ใบส้มป่อยและฝักใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของยาอบ ผลจากการที่มีรสเปรี้ยวช่วยขับเหงื่อ ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายใบส้มป่อยยังใช้เป็นยาประคบ แทบทุกตำรับจะใช้ใบส้มป่อยเดี่ยว ๆ หรือผสมสมุนไพรตัวอื่นใส่ในลูกประคบ เพื่อแก้ปวดเมื่อย และยังนำใบส้มป่อยมาต้มดื่มได้
น้ำต้มใบส้มป่อยมีรสเปรี้ยวเป็นยาสตรีช่วยถ่ายระดูขาว ฟอกโลหิตประจำเดือนให้งาม ช่วยล้างเมือก มันในทางเดินอาหารและใช้เป็นยาระบาย ช่วยกำจัดพิษออกจากระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ความเปรี้ยวของส้มป่อยยังช่วยละลายเสมหะ แก้ไอได้อีกด้วย ดังนั้นส้มป่อยจึงเป็นสมุนไพรกำจัดพิษแบบไทย ๆ อย่างดีทีเดียว ที่น่าสนใจ คือใบของส้มป่อยถือเป็นผักที่มีวิตามินเอและบีตาแคโรทีนสูงมากเป็นอันดับต้น ๆ ผลจากการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของยอดส้มป่อยพบว่ามีสูงมาก
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าสารซาโพนินในฝักส้มป่อยทำให้ทีเซลล์ (T cells) ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น
ส้มป่อย เป็นยา
ตำรับยาแก้รังแค คันศีรษะ รักษาผมหงอกก่อนวัย
นำฝักส้มป่อยที่ปิ้งไฟประมาณ 10 ฝักต้มรวมกับลูกมะกรูดที่หมกไฟดีแล้ว 2 ลูก ในน้ำ 5 ลิตร ต้มเดือดจนแตกฟองดี แล้วนำมาใช้หมักและสระผมได้ โดยไม่ต้องผสมกับแชมพูเคมีใด ๆ เลย หากสระผมด้วย แชมพูธรรมชาติส้มป่อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองว่าอาการคันบนหนังศีรษะและรังแคจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตำรับยาแก้ไอ
ตำรับ 1 เอาเปลือกแช่น้ำกินทำให้ชุ่มคอแก้ไอได้
ตำรับ 2 นำฝักปิ้งไฟให้เหลืองชงน้ำกินแก้ไอ
ตำรับยาแก้ไข้ ท้องอืด
ใช้ยอดส้มป่อยต้มกินกับข้าวต้ม
ตำรับยาแก้ฝี
ตำรับ 1 นำยอดอ่อนของส้มป่อยมาตำรวมกับขมิ้นอ้อยใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย หมกไฟพออุ่นและนำไปพอกจะช่วยแก้พิษฝี ทำให้ฝีแตกเร็วหรือยุบไป
ตำรับ 2 ใช้รากฝนใส่น้ำปูนใสทาฝี
ตำรับยาแก้โรคตับ
ใช้เปลือกต้มกิน
ตำรับยาแก้ท้องร่วง
ใช้รากส้มป่อยต้มน้ำดื่ม
อาหารจากส้มป่อย
1.ต้มส้มป่อย (อุ้ยกำ จาอินต๊ะ สัมภาษณ์ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2552)
ส่วนผสม ปลาช่อน 1 ตัวหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ยอดส้มป่อย 1 กำ พริกสด 5 เม็ด กระเทียม 1 หัว ข่า 3 แว่น ตะไคร้ 1 ต้น เกลือ น้ำปลา
วิธีทำ ทุบพริกสด กระเทียม ตะไคร้ ลงในหม้อ ใส่น้ำครึ่งหม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลาลงไป ปรุงด้วยเกลือ น้ำปลา ใส่ยอดส้มป่อย สักพักยกลง กินได้
2.แกงส้มปลาดุกใส่ยอดส้มป่อย (อุ้ยกำ จาอินต๊ะ สัมภาษณ์ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2552)
ส่วนผสม ปลาดุก 1 ตัวหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ยอดส้มป่อย 1 กำ เครื่องแกง (พริกสด 5 เม็ด ขมิ้น 3 แง่ง ตระไคร้ 1 ต้น หอมแดง 4 หัว กระเทียม 2 หัว รากผักชี 3 ต้น กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ) ผักชี ผักชีฝรั่ง ต้นหอม มะเขือเทศ น้ำมะนาว ผักสำหรับแกงส้ม (ผักบุ้งหรือมะละกอ หรือผักกระดาด-ทางเหนือ เรียกส้มตูน)
วิธีทำ ตำเครื่องแกงให้ละเอียดผสมน้ำครึ่งหม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลาดุก ใส่น้ำมะนาวเพื่อดับกลิ่นคาวปลา ต้มให้ปลาสุก ใส่ผักสำหรับแกงส้ม ผักชีซอย ต้นหอมซอย มะเขือเทศ ยอดส้มป่อย ปรุงรสให้อร่อยยกลง กินได้
3.แกงเขียดน้อยใส่ยอดส้มป่อย
ยอดส้มป่อยแกงหรือต้มใส่อึ่ง ใส่เขียดเป็นอาหารเฉพาะถิ่นของคนอีสาน ดังคำที่คนอีสานพูดว่า "ข่อนสิแจ้ง ไปได้เขียดน้อยมาแกง มาต้ม ใส่ยอดส้มป่อยคักแท่ ๆ "
ส่วนผสม เขียดน้อย 1 ถ้วย ยอดส้มป่อย 1 กำ ปลาร้า เครื่องแกง (พริก 10 เม็ด กระเทียม 2 หัว ตะไคร้ 2 ต้น ใบมะกรูด 3 ใบ)
วิธีทำ นำเขียดน้อยควักไส้แล้วล้างน้ำให้สะอาดเก็บยอดส้มป่อยมาล้างน้ำให้สะอาด ตำเครื่องแกงให้ละเอียด ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่เครื่องแกงลงไป ใส่เขียด เมื่อสุกนำยอดส้มป่อยใส่ลงไป แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา ปลาร้า ตามแต่ชอบ ซดน้ำร้อน ๆ อร่อยมาก
4.ข้าวผัดดอกส้มป่อยหรือข้าวผัดปลาส้มแม่ม่าย
ส่วนผสม ดอกส้มป่อย กระเทียม เกลือ น้ำตาลทรายแดง ข้าวสวย น้ำมันพืช
วิธีทำ นำดอกส้มป่อยมาล้างให้สะอาด จากนั้น แกะกระเทียมลงผัดในหม้อน้ำมันตามด้วยข้าวสวยและดอกส้มป่อย ปรุงด้วยเกลือ น้ำตาลทรายแดง จะมีสีชมพู มีรสเปรี้ยวนิดหน่อย เหมือนปลาส้ม จึงได้ชื่อว่าปลาส้มแม่ม่าย
5.ยอดส้มป่อยอ่อง
ส่วนผสม ยอดส้มป่อย หอมแดง กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู เกลือ น้ำตาลทรายแดง ปลา น้ำมันพืช
วิธีทำ นำเอาหอมแดง กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนูกับน้ำมันพืช ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง หมกไว้ให้เครื่องสุกพอเครื่องสุกแล้วใส่น้ำต้ม จากนั้นเอาปลามาปิ้งให้สุกแล้วแกะเอาเนื้อปลาใส่ลงไปในหม้อต้ม (ปลานั้นจะเป็นปลาดุกย่างหรือปลาอย่างอื่นย่าง ปิ้ง ก็ได้) จากนั้นพอรสชาติเข้าที่แล้ว เอายอดส้มป่อยมาปิดใส่ลงไปในหม้อต้มเป็นอันเสร็จ
ส้มป่อยเป็นอีกรูปธรรมหนึ่งของสมุนไพรไทย ที่ไม่ได้คุณค่าเป็นเพียงต้นไม้ยา แต่ผูกพันอยู่ในวิถีความเป็นอยู่ ความเชื่อและพิธีกรรมของคนในชุมชนจนเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะยกย่องให้ส้มป่อยเป็นสมุนไพรที่กำจัดพิษภัยได้ทั้งกายและใจ
ข้อมูลจาก :: หมอชาวบ้าน
Advertisement
เปิดอ่าน 11,801 ครั้ง เปิดอ่าน 12,117 ครั้ง เปิดอ่าน 171,604 ครั้ง เปิดอ่าน 8,919 ครั้ง เปิดอ่าน 22,551 ครั้ง เปิดอ่าน 10,716 ครั้ง เปิดอ่าน 17,087 ครั้ง เปิดอ่าน 1,719 ครั้ง เปิดอ่าน 11,791 ครั้ง เปิดอ่าน 24,674 ครั้ง เปิดอ่าน 22,596 ครั้ง เปิดอ่าน 613 ครั้ง เปิดอ่าน 13,188 ครั้ง เปิดอ่าน 10,993 ครั้ง เปิดอ่าน 11,280 ครั้ง เปิดอ่าน 13,433 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 11,251 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 18,755 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 3,929 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,801 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 44,140 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,942 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,909 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 18,104 ครั้ง |
เปิดอ่าน 81,090 ครั้ง |
เปิดอ่าน 7,120 ครั้ง |
เปิดอ่าน 7,254 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,323 ครั้ง |
|
|