ปัจจุบันทุกแห่งหนต่างก็เรียกหาคุณธรรม บ้างก็กล่าวว่าประเทศของเรามีคนมีความรู้ ความสามารถ เก่ง มากมาย แต่หาคนที่เก่ง ดี มีคุณธรรม มีน้อย ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านที่ล้าหลังเรา เขาพัฒนาไปไกลมากแล้ว แต่เรากำลังทะเลาะกันอยู่
คำกล่าวดังกล่าว ดูแล้วก็ไม่น่าจะผิด เพราะมองไปทางใด ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน สังคม หรือหน่วยงาน ทุกแห่งล้วนแต่มีปัญหา ไม่มากก็น้อย ปัญหาดังกล่าวยังลุกลามไปถึงครอบครัว บ้าน โรงเรียน และวัดอีกด้วย
ภายในครอบครัว พ่อแม่ก็ทะเลาะกันให้ลูกเห็น ลูกไม่เข้าบ้าน ไปติดเกม หรือไม่ก็ไปคบเพื่อนไม่ดี หากเข้าบ้านไปก็ขาดความอบอุ่น
ในเรื่องความรู้ และ คุณธรรม ท่านรองศาสตราจารย์ รังสรรค์ แสงสุข ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง “ ความรู้คู่คุณธรรม ” ไว้ว่า
“ ความรู้ ” เกิดจากการที่เราฝึกฝน และอบรมทางวิชาการ ซึ่งทุกคนล้วนเป็นครูกันคนละอย่าง สังคมเรามีความหลากหลาย และเก่งกันคนละเรื่อง จึงควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ คุณธรรม ” คือการที่เราสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดี หรือ สิ่งใดไม่ดี และถ้าเราสามารถแยกแยะได้ ก็แสดงว่า เราเป็นคนที่มีคุณธรรม ซึ่งถือเป็นหลักประกันได้ว่า... เราจะไม่ประพฤติชั่ว
ความรู้จะต้องควบคู่กับคุณธรรม ทั้งสองสิ่งต้องใช้ร่วมกัน ถึงจะเป็นผู้มีความรู้ฉลาดหลักแหลมสักปานใดก็ตาม แต่ถ้าขาดคุณธรรม ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดดี หรือ ไม่ดี ถึงจะเก่ง หรือ มีความรู้มากเท่าไรก็ไม่มีความหมาย
อาจารย์ยังกล่าวอีกว่า... คนเรานอกจากจะมีความรู้แล้ว ต้องมีคุณธรรมด้วย จึงจะเป็นคนสมบูรณ์แบ และเป็นแบบอย่างที่ดี...
จึงบันทึกไว้ เพื่อย้ำเตือนตัวเอง ในยามที่เราประมาท ขาดสติ และลืมตน