ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

โยเกิร์ตมีดียังไง


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,139 ครั้ง
Advertisement

โยเกิร์ตมีดียังไง

Advertisement

โยเกิร์ตมายังไง

โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมซึ่งผ่านขบวนการหมัก ทำให้มี
ีรสเปรี้ยวและมีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ซึ่งมีต้นกำเนิด
แถวเทือกเขาคอเคซัสของรัสเซีย ในโยเกิร์ตจะประกอบ
ด้วยแบคทีเรียหลักๆ 2 ชนิดด้วยกันคือ Streptococcus
thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus  ซึ่งแบค
ทีเรียเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนนมให้เป็นโยเกริ์ต

นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการเติมแบคทีเรีย  Bifido และ Lactobacillus casei  ในโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มคุณค่าทาง
อาหารอีกด้วยคุณค่าทางอาหารของโยเกิร์ตนั้นจะมาก
หรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตในโย
เกิร์ตในขณะที่รับประทาน   ดังนั้นขบวนการผลิต การ
บรรจุ  การเก็บตลอดจนการขนส่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อ
คุณภาพของโยเกิร์ตถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน
ในการกำ หนดคุณภาพของโยเกิร์ตแต่โยเกิร์ตที่ดีควรมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิต 100 ถึง 1000 ล้านตัว
ต่อปริมาณโยเกิร์ต 1 มิลลิกรัม

กระเพาะอาหารจัดเป็นปราการสำคัญในการกำจัดเชื้อโรค เนื่องจากความเป็นกรดใรกระเพาะสามารถ
ฆ่าแบคที่เรียหลายๆชนิดก่อนที่เชื้อโรค เหล่านี้จะผ่านไปยังลำไส้ แบคทีเรียในโยเกิร์ตก็เช่นเดียวกัน จะถูกทำลายไปจำนวนหนึ่งเมื่อผ่านไปที่กระเพาะอาหาร ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับประทานโยเกิร์ต
ในปริมาณที่มากพอ เพื่อให้แบคที่เรียที่มีประโยชน์เหล่านี้จำนวนหนึ่งเหลือรอดผ่านไปยังลำไส้ ได้ อย่างไรก็ตามในลำไส้เองก็มีแบคทีเรียมากมายหลายประเภทอาศัยอยู่ บางชนิดมีประโยชน์ต่อร่าง
กาย บางชนิดไม่มีประโยชน์ เมื่อเรารับประทานโยเกริ์ต  แบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ตจัดเป็นสิ่งแปลก
ปลอมของร่างกาย แบคทีเรียเหล่านี้จึงไม่สามารถที่จะเกาะติดผนังลำไส้ได้ ดังนั้นจึงถูกขับออกจาก
ลำไส้อย่างรวดเร็ว ในรูปของอุจจาระ

การรับประทานโยเกิร์ตให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้นต้องรับประทานเป็นประจำและต้องเป็นปริมาณที่
มากพอ เพื่อให้มีปริมาณแบคทีเรียในลำไส้ปริมาณหนึ่ง เนื่องจากแบคทีเรียใน โยเกิร์ตจะถูกขับออก
จากร่างกายในเวลาไม่นานนัก

โยเกิร์ตจัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท probiotics ซึ่งหมายถึงอาหารที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่ง
เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากสามารถปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้บริโภค ผลิต
ภัณฑ์ประเภท probiotics นอกจากโยเกิร์ตแล้ว ยังได้แก่ นมเปรี้ยว ผักดอง คีเฟอร์

เหตุผล10 ประการทำไมโยเกิร์ตถึงเป็นอาหารชั้นยอดของร่างกาย

โยเกิร์ตย่อยง่ายกว่านม แม้ในคนที่แพ้โปรตีนหรือไม่สามารถย่อยนมได้ ก็สามารถกินโยเกิร์ตได้ เนื่อง
จากในขบวนการทำโยเกิร์ต นมจะถูกหมักและเปลี่ยนเป็นโมเลกุลที่สามารถย่อยได้ง่ายขึ้น และใน
ขบวนการดังกล่าวจะเกิดแลคเตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ย่อยนม (น้ำตาลแลคโตส) สำหรับคนที่ไม่
สามารถย่อยนมได้จะขาดเอนไซม์ชนิดนี้ นอกจากนี้ในขบวนการหมักดังกล่าวจะจะเกิดเอนไซม์ที่
สามารถย่อยโปรตีนเคซีน ทำให้ง่ายต่อการดูดซึมและเกิดการแพ้น้อยลง จากการสังเกตเด็กที่ไม่
สามารถย่อยนมได้พบว่าสามารถกินโยเกิร์ตได้บ่อยครั้งโดยที่ไม่มีอาการท้องเสีย ในขบวนการทำ
โยเกิร์ต น้ำตาลนมแลคโตสจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกาแลคโตสและกลูโคส ซึ่งน้ำตาล 2 ชนิดนี้
สามารถดูดซึมได้ง่ายแม้ในคนที่ไม่สามารถย่อยนมได้

โยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อลำไส้ เนื่องจากในโยเกิร์ตประกอบด้วยแบคที่เรียแลคโตบาซิลัสที่เป็นประ
โยชน์ต่อลำไส้ ตลอดจนช่วยความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสโดยเฉพาะ
Lactobaciillus acidophilus จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในลำไส้
ใหญ่ และช่วยลดการเปลี่ยนน้ำดีเป็นกรดน้ำดีซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง ปริมาณแบคทีเรียที่มี
ประโยชน์ในลำไส้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่างๆ ที่บริเวณลำไส้ นอกจากนี้แบคทีเรียที่เป็น
ประโยชน์ต่อลำไส้พวกนี้จะทำลายสารอันตรายต่างๆ เช่น สารไนเตรตและไนไตรท์ ก่อนที่สารเหล่านี้จะ
เปลี่ยนเป็นไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอย่างหนึ่ง

นอกจากโยเกริ์ต จะเป็นแหล่งของแบคทีเรียแล้ว ยังเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่
ช่วยยับยั้งการโตของเเซลล์ที่บุเยื่อบุลำไส้ที่มากจนเกิน ไปในบุคคลที่มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งลำไส้
ใหญ นอกจากนี้แคลเซียมยังรวมตัวกับกรดน้ำดีซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยไม่ระคายเคือง
ต่อลำไส้ใหญ่ การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง อาทิเช่นคนในแถบประเทศสแกนดิเนเวียนจะมีอัตรา
การเกิดมะเร็งลำไส้ลดลง จากการศึกษาพบว่าการกินแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม สามารถลดการ
เกิดมะเร็งลำไส้ได้ 75 %

โยเกิร์ตช่วยทำให้การดูดซึมของแร่ธาตุต่างๆดีขึ้น ขบวนการหมักโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคล
เซียมและวิตามินบี นอกจากนี้กรดแลคติกในโยเกิร์ตยังช่วยย่อยแคลเซียมในนม ทำให้ดูดซึมง่ายขึ้น

โยเกิร์ตช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากการศึกษาพบว่าการบริโภคโยเกิร์ตวันละ 2 ถ้วยเป็นประจำ
ตลอดเวลา 3 เดือนพบว่าระดับอินเตอร์เฟอรอนซึ่งเป็นสารในระบบภูมิคุ้มกันมีปริมาณเพิ่มขึ้น นอกจาก
นี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการทำลายเชื้อโรค บางการศึกษาราย
งานว่าพบสารที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งในโยเกิร์ต

โยเกิร์ตช่วยในขบวนการหายหลังการติดเชื้อที่ทางเดินอาหาร เชื้อไวรัสบางชนิด ตลอดจนอาการแพ้
อาหารสามารถทำให้เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เสียหายได้โดยเฉพาะเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตแลคเตส จึงส่ง
ผลให้เกิดความผิดปกติในการดูดซึมน้ำตาลแลคโตสชั่วคราว นี่คือเหตุผลว่าทำไมในเด็กที่มีโรคติดเชื้อ
บริเวณทางเดินอาหารจะไม่สามารถย่อยนมได้ตามปกติหลังจากติดเชื้อ 1-2 เดือน และเนื่องจากโย
เกิร์ตประกอบด้วยน้ำตาลแลคโตสน้อยลง แต่มีเอนไซม์แลคเตสมากขึ้น ดังนั้นจึงนิยมใช้โยเกิร์ตเป็น
อาหารเพื่อรักษาอาการท้องเสีย เพราะจะช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น สำหรับบุคคลที่ได้รับยา
ปฏิชีวนะ การรับประทานโยเกริ์ตจะช่วยลดผลกระทบของยาต่อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้
ใหญ่ (เนื่องจากยาปฏิชีวนะไม่ได้ออกฤทธิ์ทำลายเฉพาะแบคทีเรียที่เป็นอันตราย แต่จะทำลายแบค
ทีเรียที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายด้วย) ดังนั้นจึงมีการแนะนำให้กินโยเกิร์ตวันละ 1 ถ้วยในขณะที่ได้
รับยาปฏิชีวนะ และรับประทานต่อเนื่องอีก 2 สัปดาห์หลังจากหยุดยาแล้ว จาการศึกษาในปี 1999
โดยกุมารแพทย์พบว่าแบคทีเรียแลคโตบาซลัสจะช่วยลดอาการท้องเสียหลังจากได้รับยาปฏิชีวนะ

โยเกิร์ตช่วยลดการติดเชื้อรา จากการศึกษาพบว่าการกินโยเกิร์ตวันละ 8 ออนซ์ทุกวันสามารถลด
ปริมาณเชื้อราที่ช่องคลอดได้ และยังช่วยลดการติดเชื้อราที่ช่องคลอดได้อีกด้วย

โยเกิร์ตเป็นแหล่งของแคลเซียม ในโยเกิร์ต 8 ออนซ์จะมีแคลเซียมมากถึง 450 มิลลิกรัม (ปริมาณเท่า
กับแคลเซียมครึ่งหนึ่งที่ RDA แนะนำให้เด็กได้รับภายใน 1 วัน , และเท่ากับ 30-40 % ของปริมาณ
แคลเซียมที่แนะนำให้ผู้ใหญ่บริิโภคภายใน 1 วัน)   และเนื่องจากแบคทีเรียในโยเกริ์ตจะช่วยให้การ
ดูดซึมแคลเซียมเป็นไปได้มากขึ้น  ดังนั้นการกินโยเกิร์ตจะช่วยให้คุณได้รับแคลเซียมมากกว่าการ
กินนมในปริมาณเท่ากัน

โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดี ในโยเกิร์ต 8 ออนซ์ประกอบด้วยโปรตีนประมาณ 10-14 กรัม ซึ่ง
เป็นปริมาณเท่ากับ 20 % ของความต้องการโปรตีนในแต่ละวัน และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างนมกับ
โยเกิร์ตปริมาณเท่ากัน ในโยเกิร์ตจะมีโปรตีนปริมาณมากกว่า นอกจากโยเกิร์ตจะเป็นแหล่งที่อุดมไป
ด้วยโปรตีนแล้ว โปรตีนในโยเกิร์ตยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย

โยเกิร์ตช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล จากการศึกษาพบว่าโยเกิร์ตสามารถลดปริมาณคลอเลสเตอรอล
ได้เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตสามารถกำจัดคลอเลสเตอรอลได้ และทั้งนี้โยเกิร์ตก็สามารถ
รวมตัวกับกรดน้ำดีซึ่งเป็นสารตั้งต้นของคลอเลสเตอรอลได้

โยเกิร์ตช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากในโยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนที่ย่อยง่ายและกรด
แลคติคในโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมแร่ธาตุเข้าผ่านลำไส้


ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อโยเกิร์ต

โยเกิร์ตที่ดีที่สุดคือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เนื่องจากประกอบด้วย
ส่วนประกอบสำคัญเพียง 2 อย่าง คือ  เชื้อจุลินทรีย์และนม
แต่ในโยเกิร์ตรสอื่นจะมีการปรับปรุงรสชาติให้หวานขึ้นด้วยการ
เติมน้ำตาล นั่นหมายถึงว่าคุณจะได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นด้วย (ทั้ง
นี้เราสามารถเพิ่มรสชาติให้กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติของเราได้้
ด้วยการเติมผลไม้ต่างๆลงไปขณะรับประทาน)

ปริมาณแคลเซียม โยเกิร์ตที่ดีควรมีปริมาณแคลเซียม 35 – 40
% ต่อปริมาณที่แนะนำข้างถ้วยโยเกิร์ตขนาด8 ออนซ์และไม่
ควรต่ำกว่า 30 %

ไม่ควรบริโภคโยเกิร์ตประภทที่ผ่านความร้อนหลังจากขบวนการทำโยเกิร์ตแล้ว ( จะเขียนไว้ข้างถ้วยว่า
heat treated after culturing)เพราะโยเกิร์ตชนิดนี้จะถูกนำไปผ่านขบวนการพาสเจอไรซ์หลังจากที่
เติมเชื้อจุลินทรีย์แล้ว ซึ่งทำให้คุณค่าทางอาหารของโยเกิร์ตลดลงเนื่องจากการพาสเจอไรซ์จะทำ
ลายจุลินทรีย์และเอนไซม์แลคเตส ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถย่อยนมได้ถึงแม้ว่า
โยเกิร์ตชนิดจะเก็บได้นานกว่าโยเกิร์ตปกต

แลคโตบาซิลัส- แบคทีเรียมหัศจรรย์

บริเวณลำไส้ใหญ่ของเรามีแบคทีเรียมากมายหลายชนิดอาศัยอยู่ และหนึ่งในแบคทีเรียทีเป็นประโยชน์
แก่ร่างกายที่อาศัยอยู่บริเวณนี้คือ แบคทีเรียในกลุ่มแลคโตบาซิลัสซึ่งอาศัยน้ำตาลแลคโตสเป็นอาหาร
และแบคทีเรียที่เรารู้จักกันดีคือ Lactobacillus acidophilus ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในภาวะเป็นกรดของ
ลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ี้แบคทีเรียชนิดนี้ยังมีประโยชน์ต่างๆต่อร่างกายของเรา ได้แก่

 ช่วยในระบบการย่อยอาหาร เนื่องจากแบคทีเรียแลคโตบาซิลัสจะช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในผลิต
ภัณฑ์จำพวกนม ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดภาวะที่มีปริมาณแลคโตสมากเกินไปและช่วยลดปัญหาที่ เกิด
ขึ้นในคนที่ไม่่สามารถย่อยนมได้ แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม
สารอาหารที่ลำไส้ และช่วยกระตุ้นการบีบตัวของทางเดินอาหารที่เป็นกลไกตามธรรมชาติ ทำให้อา
หารเคลื่อนผ่านสู่ลำไส้ได้ดีขึ้น

สร้างวิตามิน แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสสามารถสร้างวิตามินบีและวิตามินเค

สร้างสารอาหารที่จำเป็นแก่ร่างกาย แบคทีเรียชนิดนี้จะช่วยสร้างกรดไขมันจำเป็นหรือกรดไขมัน
ชนิดที่มีีสายโมเลกุลสั้น ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อเซลล์บริเวณลำไส้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสาร
ที่ช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย

กระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสจะยับยั้งการเติบโตของของแบคทีเรียที่เป็น
อันตรายและเชื้อรา อาทิเช่น ราแคนดิดา เนื่องจากแบคทีเรียประเภทนี้จะทำให้บริเวณลำไส้มีสภาวะ
เป็นกรดซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายไม่สามารถอยู่รอดได้ นอกจากนี้แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังสร้าง
ไฮโดรเจนเปอร์์ออกไซด์ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ

ต้านสารก่อมะเร็ง แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง ทำให้สารดังกล่าวไม่สา
มารถทำอันตรายกับเซลล์ร่างกายได้อีก และLactobacillus bulgaricusซึ่งเป็นแบคทีเรียที่นิยมเติมใน
โยเกิร์ตนั้นมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ดีนอกจากนี้แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังสามารถจับโลหะ
หนักและกรดน้ำดีซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ ตลอดจนสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่
ผลิตสารไนเตรต (ไนเตรตเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง) และแบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังทำปฏิกิริยากับ
สารฟลาโวนอยด์ทำให้เกิดสารธรรมชาติที่สามารถต้านมะเร็งได้ดี

ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ เนื่องจากแบคทีเรียแลคโตบาซิลัสช่วยควบคุมระดับคลอ
เลสเตอรอลและกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด

การรับประทานโยเกิร์ตเป็นอาหารเช้าจะช่วยทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากในโยเกิร์ตมีกรดอะ
มิิโนไทโรซีนปริมาณสูงซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และมีกรดอะมิโนทริปโตเฟนซึ่ง
ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสงบในปริมาณน้อย การเติมน้ำมันเมล็ดปอ (ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น
ต่อสมอง) หรือพวกถั่ว (เป็นแหล่งของโปรตีนและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือด) ลงในโยเกิร์ต
จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ซึ่งจะช่วยให้พัฒนาการทางสมองของลูกน้อยเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : health.kodhit

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 8242 วันที่ 26 ก.ย. 2552


โยเกิร์ตมีดียังไง

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ทัศนคติต่อวิชาคณิตศาสตร์

ทัศนคติต่อวิชาคณิตศาสตร์


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
เรื่องฝนฝน . ในวันที่ฝนตก

เรื่องฝนฝน . ในวันที่ฝนตก


เปิดอ่าน 7,147 ครั้ง
- - ->>กลับมาแล้ว!!!!!!!!!!!

- - ->>กลับมาแล้ว!!!!!!!!!!!


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
ขนมไทยที่เสริมดวงชะตา

ขนมไทยที่เสริมดวงชะตา


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
สวน EXOTIC TROPICAL GARDEN

สวน EXOTIC TROPICAL GARDEN


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
ส่งท้ายปีเก่า2552

ส่งท้ายปีเก่า2552


เปิดอ่าน 7,144 ครั้ง
6 วิธี....สร้างความเป็นอมตะ

6 วิธี....สร้างความเป็นอมตะ


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
การ์ตูนพิสูจน์เพศ(ขำขำ)

การ์ตูนพิสูจน์เพศ(ขำขำ)


เปิดอ่าน 7,146 ครั้ง
....ปรับฮวงจุ้ยหน้าฝน....

....ปรับฮวงจุ้ยหน้าฝน....


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ผู้หญิง...ไม่เหมาะกับอาชีพไอทีและเทคโนโลยีจริงหรือ ?

ผู้หญิง...ไม่เหมาะกับอาชีพไอทีและเทคโนโลยีจริงหรือ ?

เปิดอ่าน 7,138 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การคิดเชิงสังเคราะห์
การคิดเชิงสังเคราะห์
เปิดอ่าน 7,231 ☕ คลิกอ่านเลย

สทศ......สพฐ.....ปะทะเดือดใครสอนเด็กท่อง
สทศ......สพฐ.....ปะทะเดือดใครสอนเด็กท่อง
เปิดอ่าน 7,136 ☕ คลิกอ่านเลย

14 ธันวาคม นี้ เลือกตัวแทนครูใน ก.ค.ศ.  โปรดเลือกเบอร์ 10
14 ธันวาคม นี้ เลือกตัวแทนครูใน ก.ค.ศ. โปรดเลือกเบอร์ 10
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย

คุณค่าทางอาหารของมะรุม
คุณค่าทางอาหารของมะรุม
เปิดอ่าน 7,143 ☕ คลิกอ่านเลย

สูตร.....ว่านลอกฝ้า
สูตร.....ว่านลอกฝ้า
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

ดูความเจ้าชู้ของตัวเองกับวันเกิด....
ดูความเจ้าชู้ของตัวเองกับวันเกิด....
เปิดอ่าน 7,147 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

บั๊กในลินุกซ์รุ่นใหม่อาจทำให้การ์ดแลนเสียถาวร
บั๊กในลินุกซ์รุ่นใหม่อาจทำให้การ์ดแลนเสียถาวร
เปิดอ่าน 11,364 ครั้ง

จำนวนเฉพาะ (Prime Number) คืออะไร?
จำนวนเฉพาะ (Prime Number) คืออะไร?
เปิดอ่าน 166,336 ครั้ง

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
เปิดอ่าน 68,699 ครั้ง

Why Do We Get Goose Bumps? (ทำไมเราจึงเกิด อาการขนลุก)
Why Do We Get Goose Bumps? (ทำไมเราจึงเกิด อาการขนลุก)
เปิดอ่าน 37,407 ครั้ง

4 จุดภายในบ้าน ที่ควรตรวจสอบ ป้องกันผู้สูงวัยลื่นล้ม เสี่ยงอันตราย
4 จุดภายในบ้าน ที่ควรตรวจสอบ ป้องกันผู้สูงวัยลื่นล้ม เสี่ยงอันตราย
เปิดอ่าน 1,775 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ