ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

มาเต้นแอโรบิค..กันเถอะ>>>


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,211 ครั้ง
Advertisement

มาเต้นแอโรบิค..กันเถอะ>>>

Advertisement

 

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเต้นแอโรบิค

การเต้นแอโรบิค(Aerobic Exercise) คือการออกกำลังบริหารร่างกายเพิ่มการเผาผลาญออกซิเจน
ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วน โดยประยุกต์ท่ากายบริหารให้เข้ากับจังหวะดนตรีต่างๆ
ประโยชน์ของการเต้นแอโรบิค
การเต้นแอโรบิคอย่างเพียงพอและฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอจะมีผลดีต่อร่างกายดังนี้
1.ระบบกล้ามเนื้อ
ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น สามารถเกร็งและคลายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการทำงานที่สมดุลกัน และทำให้รูปร่างสวยงามสมส่วนขึ้น เพราะว่าไขมันที่มาห่อหุ้มร่างกายอยู่ได้ถูกนำไปใช้เผาผลาญเป็นพลังงาน นอกจากนั้นยังจะช่วยทำให้มีการสะสมสารต้นกำเนิดพลังงานและสารที่เกี่ยวข้อง คือไกลโคลเจน เกลือแร่ ฯลฯ อีกด้วย
2.ระบบกระดูก
ทำให้ข้อต่อและระบบประสาทสั่งงาน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ระบบการไหลเวียนของโลหิต
ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น การสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น หลอดเลือดต่างๆ มีความยืดหยุ่นดีขึ้น สามารถช่วยเพิ่มประมาณและคุณภาพของเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ยังจะช่วยทำให้ชีพจรและความดันโลหิตกลับเข้าสู่สภาพปกติได้อีกด้วย
4.ระบบการหายใจ
ช่วยให้ทางเดินหายใจ ปอด และ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น
5.ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย
ช่วยเพิ่มอัตราความเร็วของขบวนการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานของร่างกาย ช่วยทำลายเซลเสื่อมสภาพต่าง ๆ เพื่อเร่งให้ร่างกายสร้างเซลใหม่ๆ ขึ้นมาแทนที่ นอกจากนี้ ยังช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น นอนหลับสบาย เมื่อตื่นขึ้นจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง
6.ระบบควบคุม
ช่วยทำให้ร่างกายปรับสมดุลของระบบประสาทอัติโนมัติและระบบต่อมไร้ท่อ ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนต่างๆ ออกมาอย่างเป็นปกติ
7.การทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทสำหรับผู้ที่เคร่งเครียดกับการทำงานหนัก
8.บุคลิค การเคลื่อนไหว และการจัดระเบียบร่างกาย
ทำให้ควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น ร่างกายโดยรวมมีความอ่อนตัว และเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น ทำให้อารมณ์เบิกบานและจิตใจแจ่มใส มีสง่าราศี
9.ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟีน
ซึ่งก่อให้เกิดความสุข เพราะว่าขณะออกกำลังกาย อย่างมีความสุข ไร้การแข่งขัน จึงไม่มีความเครียด ซึ่งต่างกับการออกกำลังกายที่เน้นการแข่งขัน การออกกำลังกายที่เน้นการแข่งขัน ร่างกายจะหลั่งสารคนละตัว มีชื่อว่า อดีนาลีน ซึ่งตัวนี้ จะก่อให้เกิดความเครียด ผลของการออกกำลังกายจะต่างกัน รูปร่างหน้าตาจะสดใสต่างกัน
ขั้นตอนการเต้นแอโรบิค
การเต้นแอโรบิค แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้
1.อบอุ่นร่างกาย (Warm Up)
2.แอโรบิค(Aerobic)
3.ผ่อนคลาย (Cool Down)
การเตรียมตัวเพื่อการเต้นแอโรบิค
1.สวมเสื้อผ้าให้กระชับ พอดีตัว เพื่อความคล่องตัว
2.อย่าสวมเสื้อผ้าหนาจนเกินไป เพราะจะทำให้อากาศถ่ายเทไม่ดีพอ อับชื้น เป็นบ่อเกิดให้เป็นเชื้อราทางผิวหนัง หรือสิวตามตัวได้
3.สวมรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของเท้า
4.เตรียมน้ำ 1 ขวด เอาไว้ดื่มแก้กระหายในเวลาพักแต่ละช่วง เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ อาจจะช็อกได้
5.เตรียมผ้าขนหนู 1 ผืนเอาไว้ซับเหงื่อ
6.งดรับประทานอาหารก่อนการเต้นแอโรบิค 1.30-2.00 ชั่วโมง เนื่องจากอาจทำให้จุก เสียด อาเจียน ขณะเต้นแอโรบิคได้
7.ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ตรวจสอบความพร้อมของร่างกายและขอคำปรึกษาก่อนเริ่มเต้นฯในครั้งแรกๆ เนื่องจากการเต้นแอโรบิคอาจจะเป็นการออกกำลังกายที่ถือว่าหนักเกินไป สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคหัวใจ หรือท่าบริหารบางท่าอาจจะทำให้ท่านบาดเจ็บได้ เช่นท่ากระโดด เมื่อข้อเข่าของท่านไม่แข็งแรง
8.ก่อนออกกำลังกายควรล้างเครื่องสำอางค์หรือครีมบำรุงผิวออกให้หมดทุกครั้ง เพื่อเป็นการเปิดผิว เวลาออกกำลังกาย เหงื่อจะได้ระบายออกได้โดยสะดวก สิ่งสกปรกไม่อุดตันรูขุมขน ผิวพรรณจะสดใส
อ้างอิง
-บางส่วนจากหนังสือออกกำลังกายของมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ควรออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมน้ำหนักร่วมด้วย จึงจะเห็นผลไวค่ะ
1.ตั้งวัตถุประสงค์ก่อน
อยากจะผอมเพราะอะไร เพราะว่าอยากสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง หรือ หุ่นดี
ต้องตั้งเป้าด้วยว่า จะลดน้ำหนักให้ได้กี่กิโลกรัม และ
2.ต้องตั้งด้วยว่าจะลดขนาดลงไซ้ส์อะไร
โดยใช้วิธีซื้อเสื้อผ้าขนาดเล็กกว่าไซ้ส์ปัจจุบันอยู่หนี่งไซส์ เช่น คุณไซ้ส์ m ให้ซื้อไซส์s มาใส่ หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ก็ให้ลองใส่เสื้อผ้าขนาดs ดูว่าใกล้ใส่ได้หรือยัง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง เมื่อใส่ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มความพยายามในการออกกำลังกายและลดน้ำหนักลง
3.การเลือกใส่เสื้อผ้าเป็นสิ่งสำคัญ
-ไม่ควรเสื้อผ้าให้ใหญ่จนเกินไป สบายเกินไป เช่น กางเกงเอวยืด เสื้อยืดตัวใหญ่
ผ้าตัวหนาๆ เพราะว่าทำให้ดูตัวใหญ่ และอ้วนง่าย เนื่องจากเราสวมใส่สบาย จึงรับประทานได้เรื่อยอิ่มช้าลง และตัดทอนกำลังใจในการลดน้ำหนัก เพราะเห็นรูปร่างมันดูใหญ่และหนา
-ใช้วิธีใส่เสื้อผ้าเพื่อ
4.จะออกกำลังกายด้วยวิธีไหน
-การออกกำลังกายต้องเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวคุณ เช่น ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวเข่า ไม่ควรวิ่ง เพราะว่าจะทำให้เข่ารับน้ำหนักมากเกินไป ควรออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ เพราะว่าน้ำจะรับน้ำหนักตัวไว้ได้ครึ่งหนึ่ง
-ไม่ควรออกกำลังกายประเภทที่ยุ่งยากเกินไป เมื่อยุ่งยากมากเกินไปก็จะเบื่อการออกกำลังกาย
-อย่าออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป อาจจะเกิดอาการบาดเจ็บต่อร่างกาย และก็จะทำให้เบื่อการออกกำลังกาย ไม่อยากออกกำลังกายอีก
5.หาเพื่อนออกกำลังกายเป็นเพื่อน
เมื่อมีเพื่อนออกกำลังกายด้วย ก็จะทำให้อยากออกบ่อยๆ และไม่เบื่อการออกกำลังกายโดยง่าย
และเพื่อนก็ยังคอยเป็นกำลังใจให้คุณพยายามออกกำลังกายอีกด้วย และคุณก็ยังได้สังคมกับเพื่อนใหม่ๆ
6.อย่าอดอาหาร
เพราะการอดอาหาร จะทำให้ร่างกายจดจำว่า ร่างกายอด แรกๆจะเห็นว่าน้ำหนักลดลงจริง ที่ผอมในตอนแรกก็คือกล้ามเนื้อมันลดลง แต่ไขมันไม่ลด แต่ต่อไป ร่างกายของคุณก็จะเริ่มเก็บสะสมไขมัน เพราะว่าร่างกายกลัวอด จะทานอาหารแล้วเก็บสะสม ไม่ยอมเผาผลาญง่ายๆ ก็จะเห็นว่า อดอาหารแต่ทำไมไม่ผอม เมื่อเกิดอยากทานขึ้นมา ก็จะทานมากและอ้วนขึ้นมาเท่ากับที่ลดลงหรือมากกว่า เรียกว่า Yoyo effect
7.เกี่ยวกับการทานอาหาร
-จำไว้ว่าเราทานอาหารเพื่อให้มีชีวิตอยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน
-ทานอาหารได้ทุกอย่างที่คุณอยากทาน แต่อย่าทานทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ให้ใช้วิธีกระจายความอยากทานแทน เช่น อยากทานข้าวขาหมู ขนมเค้ก แกงเขียวหวาน ข้าวมันไก่ บัวลอยไข่หวาน
ให้ทานวันละอย่างแทน แค่นี้ก็ทานได้ทุกอย่างที่ต้องการเพียงแต่ คนละวันกันเท่านั้นเอง
-ทานอาหารด้วยจานใบเล็ก จะทำให้ทานน้อยลง
-ทานน้ำก่อนทานข้าว ท้องอิ่ม จะทำให้ทานข้าวได้น้อยลง
-ทานข้าวคำน้ำคำ ก็จะอิ่มน้ำ ทานข้าวได้น้อยลง
-เคี้ยวข้าว ช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้รู้ว่าอิ่ม ก็จะทานอาหารได้น้อยลง การเคี้ยวข้าวเร็วทำให้เกิดลมในกระเพาะ และยังทำให้อิ่มช้า เพราะว่าสมองสั่งว่ายังไม่อิ่ม จึงทานต่อ
-เมื่อทานน้อยลงกระเพาะของคุณก็จะเล็กลงด้วย
-ใช้ตะเกียบทานอาหาร จะทำให้ทานอาหารได้ช้าลงและอิ่มได้ไวขึ้น จะทานข้าวได้น้อยลง
-หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด ผัด ให้นึ่ง หรือต้มแทน แต่ไม่ห้ามทานขาดเลย ทานได้ แต่นานๆ ครั้ง
-หลีกเลี่ยงของหวานต่างๆ เช่น ขนมเค้ก ขนมหวาน
-ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว การออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ถ้าขาดน้ำ ผิวพรรณจะเหี่ยวย่น ไม่กระชับ
-ทานอาหารที่มีเส้นใย มีประโยชน์สำหรับการลดน้ำหนัก และกับสุขภาพ ทำให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ระบบในร่างกายสะอาด ระบบขับถ่ายคล่อง
-ไม่ควรทานอาหารดึกเกินไป จะทำให้ลดน้ำหนักยากขึ้น
-อย่าอดอาหารเช้า มื้อเช้าสำคัญต่อร่างกายมาก
-ถ้าทานมากในวันนี้ วันรุ่งขึ้นก็ทานน้อยลงแทนการอดอาหาร และออกกำลังกายร่วมด้วย
-ควรเริ่มทานอาหารเพราะว่าหิวจริงๆ มิใช่อยากทาน หรือเห็นคนอื่นทานก็ต้องทานตาม
-อาหารที่อยากทานจริงๆ ก็ทาน ไม่ต้องอด ให้ทานแต่น้อยแก้อยาก เพราะจะอดได้ไม่นาน แล้วจะทานมากขึ้นในตอนหลัง
-อย่าทานอาหารเหมือนเดิมทุกวัน เพราะว่าจะทำให้เบื่อการควบคุมอาหาร เปลี่ยนเมนูอาหารไปเรื่อย ไม่เบื่ออาหารด้วย
-ระวังอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง อาจจะเป็นบ่อเกิดของโรคในอนาคต เช่น เบาหวาน
-ทานอาหารขณะร้อน เพราะว่าจะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง
-ไม่ต้องเลิกทานอาหารที่คุณชอบ แต่ให้ทานน้อยลงแทน
-หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกะทิ ทานเพียงเดือนละครั้ง หรือ สองครั้งต่อเดือนก็พอเพียงแล้ว
-เมื่อเราทานไขมันน้อยลง ร่างกายก็จะนำไขมันที่เก็บสะสมไว้ มาใช้ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลง
-เมื่อทานขนมปังแทนข้าว เมื่อหิว เพราะหลังจากทานเสร็จจะไม่อิ่ม และยังได้แป้งมากกว่าทานข้าวอีกด้วย หิวแล้วทานข้าวดีกว่า และทานผลไม้ร่วมด้วย ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีด้วย
-อย่าปล่อยให้หิวมากๆ แล้วทาน เพราะว่าจะทำให้ทานอาหารมากขึ้น เพราะว่าเราจะทานด้วยความเร็ว ทำให้ทานเยอะ วิธีแก้ ให้ดื่มน้ำมากๆ ก่อนทานอาหาร จะช่วยลดอัตราความยากทานและอัตราความเร็วของการตักข้าวลง
8.ในแง่ความคิด
-ให้คิดว่าตัวเองสามารถทำได้ และต้องทำให้ได้
-รักตัวเองให้มากๆ คุณจะอ้วนหรือคุณจะผอม ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นมนุษย์ของคุณลดน้อยลง ยังคงมีความเป็นมนุษย์ได้เท่าเทียมกันคนสวย หล่อ
-คิดในแง่บวกเสมอ และอารมณ์ดีอยู่เสมอ
-เอาชนะความอยากให้ได้
-เปลี่ยนความรู้สึกอับอายจากการถูกผู้อื่นที่ดูถูกเรา เป็นพลังในการควบคุมจิตใจตนเอง
-บางท่านอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดในด้านรักตัวเองซะใหม่
-เผชิญปัญหา อย่าหนีปัญหา การทานยาลดความอ้วนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
9.ใช้รูปเพื่อช่วยลดน้ำหนัก
-ติดรูปตอนที่ตัวเองผอม หรือรูปหญิงสาวหุ่นดีๆ ไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าของคุณ เป็นการช่วยเตือนให้อยากผอม
-ติดรูปตอนที่เราอ้วนที่สุด หรือรูปหญิงสาวที่อ้วนมากๆ ไว้ที่หน้าตู้เย็นรูปใหญ่ๆ เพื่อเป็นการช่วยเตือนเราให้ระวังการทานทุกครั้งที่เราเปิดตู้เย็น
-ติดรูปคนที่เรารัก เพื่อช่วยเป็นกำลังใจไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า และหน้าตู้เย็น เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา
-ติดรูปคนที่ชอบว่าเราอ้วน ดูถูกเราว่าเราไม่มีทางลดน้ำหนักให้ผอม และสวย สุขภาพดีไว้ที่หน้าตู้เย็นใบใหญ่ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเราให้อยากทานอาหารที่ไม่จำเป็นน้อยลง
10.การอบไอน้ำ
ไม่ได้ช่วยให้ลดน้ำหนัก แต่เป็นการรีดน้ำออกจากตัว แต่หลังจากทานน้ำเข้าไป ร่างกายก็กลับมาอ้วนต่อ

 

                                                                                                                              http://radio.sanook.com/music/player/ป่าลั่น-(แอโรบิค-มิกซ์-คลับ)/5482/

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1712 วันที่ 23 ก.ย. 2552


มาเต้นแอโรบิค..กันเถอะ>>>

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

โยคะอาสนะเพื่อสุขภาพ

โยคะอาสนะเพื่อสุขภาพ


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
ดูดวง.....จากปลายนิ้วมือ

ดูดวง.....จากปลายนิ้วมือ


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง
ภาพปริศนา : เห็นอะไร

ภาพปริศนา : เห็นอะไร


เปิดอ่าน 7,142 ครั้ง
นิ้วมือ

นิ้วมือ


เปิดอ่าน 7,143 ครั้ง
ส่องกระจกรู้ตัวเอง

ส่องกระจกรู้ตัวเอง


เปิดอ่าน 7,140 ครั้ง
จงอยู่ด้วย...ความหวัง

จงอยู่ด้วย...ความหวัง


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
กวีสี่แผ่นดิน

กวีสี่แผ่นดิน


เปิดอ่าน 7,186 ครั้ง
หนทางแห่งความสำเร็จ

หนทางแห่งความสำเร็จ


เปิดอ่าน 7,141 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

วิธีดูแลรักษาตู้เย็น... เพื่อยืดอายุการใช้งาน

วิธีดูแลรักษาตู้เย็น... เพื่อยืดอายุการใช้งาน

เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
อ่านนิทาน...แล้วจะเลือกใคร
อ่านนิทาน...แล้วจะเลือกใคร
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

มะตูมนิ่ม.... เครื่องอายุวัฒนะ
มะตูมนิ่ม.... เครื่องอายุวัฒนะ
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย

ไม่เห็นความสำคัญ , ไม่มีความหมาย" ตรงกับสำนวนไทย...หัวหลักหัวตอ
ไม่เห็นความสำคัญ , ไม่มีความหมาย" ตรงกับสำนวนไทย...หัวหลักหัวตอ
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

พจนานุกรม chat ทางอินเตอร์เนต
พจนานุกรม chat ทางอินเตอร์เนต
เปิดอ่าน 7,140 ☕ คลิกอ่านเลย

คำสอนของพ่อ..... กับ "เหรียญ5บาท"
คำสอนของพ่อ..... กับ "เหรียญ5บาท"
เปิดอ่าน 7,141 ☕ คลิกอ่านเลย

"วิทวัส" ข้องใจ "กรรชัย" บุกหา "เข็ม" ทำไม..ไม่ได้เชิญ!!
"วิทวัส" ข้องใจ "กรรชัย" บุกหา "เข็ม" ทำไม..ไม่ได้เชิญ!!
เปิดอ่าน 7,137 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือแดง
เปิดอ่าน 12,296 ครั้ง

เทคนิคบริหารหน้าท้องให้เพรียวสวย
เทคนิคบริหารหน้าท้องให้เพรียวสวย
เปิดอ่าน 11,946 ครั้ง

5 เกมส์ฝึกพูดภาษาอังกฤษ (Speaking Skills) ในห้องเรียน
5 เกมส์ฝึกพูดภาษาอังกฤษ (Speaking Skills) ในห้องเรียน
เปิดอ่าน 63,895 ครั้ง

ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ
ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ
เปิดอ่าน 41,883 ครั้ง

แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT
แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT
เปิดอ่าน 3,268 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ